กทม. แจกหน้ากากอนามัย 1ล้านชิ้น กระจายทุกเขตใช้ป้องกันฝุ่น รุกจัด “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” ติดเครื่องวัดรร.ในสังกัด เตรียมรับช่วงวิกฤติ

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะมีฝุ่นสูง แม้ว่าประชาชนจะช่วยกัน Work From Home เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา สถานการณ์ฝุ่นในกทม.ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ยังมีหลายพื้นที่มีฝุ่นระดับสีส้ม อยากเชิญชวนประชาชนใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ซึ่งคุณหมอได้ออกมาบอกว่าหน้ากากอนามัยสามารถกันฝุ่นได้ 70% แต่หากจำเป็นต้องออกนอกอาคาร มีกิจกรรมกลางแจ้งนานๆ หรือผู้ที่ปฏิบัติงานบนถนน เช่น เทศกิจ ตำรวจ หรือพี่กวาดหรือคนเก็บขนของเรา ให้ใช้หน้ากาก N95 จะกันได้ 100%

ทั้งนี้ หากมีอาการจากฝุ่น คัดจมูก เลือดกำเดาไหล แสบตา ผื่นขึ้น สามารถแวะไปที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม. 69 ศูนย์ หรือไปที่โรงพยาบาลสังกัดกทม. จะมีคลินิกมลพิษทางอากาศ เปิดให้บริการในโรงพยาบาล 8 แห่ง ให้การตรวจรักษาเฉพาะทาง สามารถปรึกษารับคำแนะนำข้อปฏิบัติตน การดูแลสุขภาพและการจัดบ้านรับมือ-ป้องกันฝุ่น กทม.ทำเต็มที่ในทุกๆ ด้านเพื่อให้ฝุ่นลดลง

สำหรับมาตรการ Work From Home เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา กทม.ได้ขอความร่วมมือเครือข่ายและประชาชนทำงานที่บ้าน ผลมีหน่วยงานเข้าร่วม 370 แห่ง ผู้เข้าร่วม 211,841 คน ส่งผลให้ปริมาณรถยนต์สัญจรเฉลี่ยบนท้องถนนต่อชั่วโมงลดลง 9%

ด้านนางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กล่าวในส่วนของโรงเรียนสังกัดกทม. ถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในโรงเรียนสังกัดกทม. ว่า ได้มีการซักซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติการจัดกิจกรรมธงคุณภาพอากาศโรงเรียนในสังกัด และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในโรงเรียน โดยบูรณาการดำเนินงานร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) หน่วยงาน องค์กรภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดทำแนวทาง เพื่อให้โรงเรียนในสังกัดปฏิบัติและกำชับให้ดำเนินการตามแนวทางและมาตรการอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โครงการปรับปรุง “ห้องเรียนปลอดฝุ่น”ชั้นอนุบาลโรงเรียนในสังกัด จัดห้องปลอดฝุ่น (Clean Air Shelter) ประจำปีงบประมาณ  2568 - 2569 สำหรับกลุ่มเด็กอนุบาล อายุ 3 - 6 ปี จำนวน 2,119 ห้อง ใน 429 โรงเรียนที่เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล เสร็จแล้ว 1,075 ห้อง ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ

 อีกทั้ง สำนักการศึกษา (สนศ.) สำนักงานเขตใช้งบประมาณสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาค CSR สนับสนุน มีแนวทางดำเนินการปรับปรุงห้องระบบเปิดให้เป็นระบบปิด ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ INVERTER พร้อมพัดลมระบายอากาศ เดินระบบ MAIN BREAKER ภายในห้อง และติดตั้งวัดค่าแบบแขวน ระบบคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 พร้อมจัดหาเครื่องฟอกอากาศให้มีครบทุกห้องเรียนชั้นอนุบาล ทั้งนี้ โรงเรียนวัดราชผาติการาม สำนักงานเขตดุสิต ได้ดำเนินการห้องเรียนปลอดฝุ่น แบบเติมอากาศสะอาดความดันบวก โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช      

ขณะเดียวกันได้จัดโครงการยกระดับองค์ความรู้สำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อตระหนักถึงปัญหาด้านสุขภาพในพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาฝุ่น PM2.5 สู่นโยบายสาธารณะ การอบรมเชิงปฏิบัติการ “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และห้างหุ้นส่วนจำกัดเติมเต็มวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้สร้างโรงเรียนนำร่อง 32 โรงเรียน พัฒนาเป็นโรงเรียนต้นแบบ 7 โรงเรียน และอบรมเพิ่มเติมอีก 405 โรงเรียน ให้ครบทั้ง 437 ระหว่างปี 2567 - 2568 รวมทั้งขยายเพิ่มเติมในโรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. 10 แห่ง โดยได้มอบเครื่องวัดคุณภาพอากาศหรือเครื่องวัดฝุ่นติดตั้งในโรงเรียนครบทั้ง 437 โรงเรียนแล้ว ในปี 2568 กทม. และ สสส. ได้ร่วมจัดการประกวดผลงานเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์โรงเรียนต้นแบบดีเด่น “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” มีโรงเรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน ระดับดีเด่นรวม 90 โรงเรียน

สำหรับการพิจารณาแนวทางจัดการเรียนการสอน ในช่วงที่มีปริมาณค่าฝุ่น PM2.5 สูง จะพิจารณาตามกิจกรรมธงคุณภาพอากาศในโรงเรียน ในช่วงฤดูหนาวแจ้งเตือนวันละ 3 เวลา 07.00 น.  11.00 น. และ 17.00 น. โดยให้ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศทางเว็บไซต์www.airbkk.com หรือแอปพลิเคชัน AirBKK และแจ้งเตือนผ่านธงคุณภาพอากาศ 5 ระดับ สีฟ้า = ดีมาก สีเขียว = อากาศดี สีเหลือง = ปานกลาง สีส้ม = เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และ สีแดง = มีผลกระทบต่อสุขภาพ มีมาตรการป้องกันภัยฝุ่น PM2.5 ให้งดกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท เปิดม่านละอองน้ำและสปริงเกอร์บริเวณอาคารเรียนและรอบโรงเรียน จัดเตรียมหน้ากากอนามัยสำหรับนักเรียน        

โดย สำนักอนามัย (สนอ.) ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยสำหรับนักเรียนอนุบาลให้กับ สนศ. เพื่อแจกจ่ายให้กับโรงเรียนที่มีชั้นเรียนอนุบาล 429 โรงเรียน ใน 50 เขต จำนวนคนละ 9 ชิ้น พร้อมจัดห้อง Safe Zone ครบทุกโรงเรียน สำหรับนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพและกลุ่มเปราะบาง ล้างทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน โต๊ะ เก้าอี้ และประชาสัมพันธ์สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ให้นักเรียน บุคลากร และผู้ปกครอง ทราบ พร้อมให้ความรู้และวิธีการดูแลป้องกันตนเอง ให้ครูเฝ้าระวังและช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพ ประสานศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลในพื้นที่หากต้องส่งต่อ หากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาหยุดการเรียนการสอน หรือปิดสถานศึกษาและจัดการสอนชดเชยในภายหลัง หรือจัดในรูปแบบ Online ทดแทน

037