'อธิบดีกรมคุมประพฤติ'เตรียมความพร้อม '7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 69'

'อธิบดีกรมคุมประพฤติ'เตรียมความพร้อม '7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 69'

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.27 น.

"อธิบดีกรมคุมประพฤติ"เตรียมความพร้อม "7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 69" หลังสถิติชี้ 95% คดีเมาขับ เตรียมปล่อยขบวนอาสาสมัครคุมประพฤติลงพื้นที่ทั่วประเทศ ชูบทบาทเครือข่ายภาคประชาชนต้านยาเสพติด ดูแลผู้กระทำผิดกว่า 61,000 รายทั่วประเทศ ไม่หวนเสพซ้ำ

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กทม. พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน kick off โครงการพลังภักดีอาสาสมัครคุมประพฤติร่วมต้านยาเสพติด ประกาศพลังอาสาสมัครคุมประพฤติจากทั่วประเทศ ซึ่งเป็น “แนวหน้าในชุมชน” ในการป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟูผู้กระทำผิดให้สามารถกลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืน โดยมี นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล อธิบดีกรมคุมประพฤติ นางยศวันต์ บริบูรณ์ธนา รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ นางนุสรา วงษ์สุวรรณ รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติ และอาสาสมัครคุมประพฤติ นายสมบูรณ์ ศิลา รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เข้าร่วม ซึ่งภายในงาน มีพิธีประกาศเจตนา รมณ์ต่อต้านยาเสพติด ปล่อยขบวนอาสาสมัครคุมประพฤติลงพื้นที่ทั่วประเทศ ชูบทบาทเครือข่ายภาคประชาชนต้านยาเสพติด ดูแลผู้กระทำผิดกว่า 61,000 ราย


โดย ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า เนื่องด้วยนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติด ซึ่งก็เป็นวาระที่กรมคุมประพฤติ มีภารกิจหน้าที่ติดตามสอดส่องผู้ถูกคุมประพฤติจากคดียาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดยาเสพติด หรือผู้เสพยาเสพติดก็ตาม ซึ่งเราได้มีกำลังสำคัญที่เรียกว่าอาสาสมัครคุมประพฤติทั่วประเทศประมาณ 46,000 คน ที่จะคอยสอดส่องติดตามและคำให้ปรึกษาผู้ถูกคุมประพฤติเรื่องยาเสพติดสามารถมีแนวทางในการดำเนินชีวิตและกลับตัวกลับใจ ไม่หวนเสพซ้ำได้ นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.2569 วันที่ 16 มี.ค.69 จะถือเป็นวัน ครบรอบ 40 ปีอาสาสมัครคุมประพฤติ เราจึงมุ่งยกระดับการทำงานเชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่เพียงการตั้งรับอย่างเดียว เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดทั่วประเทศ มีสถิติหลักแสนราย เราจึงต้องเร่งดำเนินการ ด้วยการส่งอาสาสมัครคุมประพฤติเข้าไปประจำจุดพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้ เรามีเป้าหมายระยะแรกคือ 10,000 ราย แต่ในปี 2569 เราได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องติดตามทั่วประเทศถึง 61,000 ราย ตนจึงมองว่าเป็นภารกิจที่กรมคุมประพฤติ จะได้ช่วยทำให้นโยบายของรัฐบาลประสบความสำเร็จในอีกทางหนึ่ง

“สำหรับคำถามที่ว่าเป้าหมาย 60,000 รายที่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในคดียาเสพติด กรมคุมประพฤติจะมีการติดตามอย่างไรให้ทั่วถึงนั้น เนื่องด้วยเรามีระบบการทำงานที่ชัดเจน โดยเราจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครคุมประพฤติกว่า 46,000 ราย ทั่วประเทศดังกล่าว ได้ทำงานประกบคู่กับพนักงานคุมประพฤติ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรายงานผลแบบ Real-time และเน้นมาตรการ 3R 1P คือ คัดกรองซ้ำ (Re-X-ray) บำบัดฟื้นฟู (Rehabilitation) คืนคนดีสู่สังคม (Reintegration) และการดูแลต่อเนื่อง (Probation Support) เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตามมีคุณภาพและครอบคลุม” อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าว

ร.ต.อ.ปิยะ เผยอีกว่า เนื่องด้วยจำนวนผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในคดียาเสพติดทั้งประเทศไทยมีเป็นหลักแสนคน ตนจึงได้ให้โอวาทการทำงานแก่เจ้าหน้าที่คุมประพฤติและอาสาสมัครคุมประพฤติ ที่เกี่ยวกับเทคนิคการปฎิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การอบรม การพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องยาเสพติด อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของอาสาสมัครคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจังหวัดของเรา ย่อมมีเทคนิคในการพูดคุยจูงใจ เพื่อทำอย่างไมใให้มีคนหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดได้ และยังสามารถเชื่อมโยงกลุ่มคนเหล่านี้ ให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ ตนจึงมองว่าในฐานะอธิบดีกรมคุมประพฤติ เราก็มีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมให้การทำงานของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติและอาสาสมัครคุมประพฤติ สามารถทำงานได้โดยสะดวก เต็มที่ และบรรลุเป้าหมายมากขึ้น

ร.ต.อ.ปิยะ เผยด้วยว่า ภารกิจงานปลายน้ำในบทบาทของกรมคุมประพฤตินั้น ตนมองว่า งานคุมประพฤติไม่ได้รับไม้ต่อจากแค่กรมราชทัณฑ์เท่านั้น แต่เรามีงานคุมประพฤติ ตั้งแต่ก่อนการพิจารณา และระหว่างการพิจารณาของศาลด้วย ไม่ว่าจะแง่ของการสืบเสาะและจัดทำรายงานข้อมูลเพื่อเสนอต่อศาล เพราะหากศาลมีคำสั่งให้บุคคลที่กระทำความผิดต้องคุมประพฤติหรือเงื่อนไขทางกฎหมายใดๆ เราก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น และปัจจุบันงานคุมประพฤติมีประมาณ 400,000 ราย แต่ข้าราชการกรมคุมประพฤติมีเพียง 4,500 ราย แม้มีอาสาสมัครคุมประพฤติมาช่วยงานแต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่ยังไม่เพียงพอมากนัก ที่จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น เราจึงต้องทำมาตรการเชิงรุกในการป้องกัน เพื่อให้งานที่เราโฟกัสนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ร.ต.อ.ปิยะ เผยต่อว่า เนื่องจากใกล้เทศกาลปีใหม่ 2569 ประชาชนจะมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกรมคุมประพฤติมีภารกิจทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในการเฝ้าระวัง และรณรงค์การเมาขับเสมอต่อเนื่อง ซึ่งเราก็จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.68 - 15 ม.ค.69 โดยเรามักพบว่าในสถิติ 95% ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเมาแล้วขับ ซึ่งเราก็พยายามรณรงค์เรื่องการเมาไม่ขับเสมอ โดยเฉพาะในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ กรมคุมประพฤติ จะมีกิจกรรมรณรงค์เมาไม่ขับ และจะมีกิจกรรมที่สภากาชาดไทย เพื่อรณรงค์การบริจาคเลือด และการเมาไม่ขับตลอดเส้นถนนเเยกอังรีดูนังต์ จากนั้นจะมีการปฏิบัติการเรื่อง 7 วันอันตราย เพื่อประชาสัมพันธ์ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชน ทั้งนี้ เราจะให้ความร่วมมือกันเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้มากที่สุด เพราะหากเมาแล้วขับ มันก็จะนำไปสู่อุบัติเหตุที่นำมาซึ่งร่างกายและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่นได้

ร.ต.อ.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีของคนที่มีการกระทำความผิดซ้ำโดยเฉพาะในคดีเมาแล้วขับ นี่คือเป้าหมายหลักของกรมคุมประพฤติที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งระหว่างนี้เราจะพยายามรณรงค์ให้มากที่สุดก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 โดยเราจะนำผู้ที่ถูกคุมประพฤติในคดีเมาแล้วขับ มาร่วมรณรงค์ทางความคิดให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นข้อตระหนักเตือนใจไม่ให้ผู้อื่นต้องเมาแล้วขับเหมือนตนเอง และแม้เป็นผู้ที่พลาดไปแล้ว ก็จะไม่กลับไปทำซ้ำอีก ทั้งหมดนี้คืองานบริการสังคมที่เราจะร่วมมือกันรณรงค์ให้ดีที่สุด

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top