คุกอ่วม 20 ปี พฤทธิกร สาระกุล อดีตทีมงานก้าวหน้า คดี 112 โพสต์ข้อความดูหมิ่นสถาบัน สั่งออกหมายจับ

คุกอ่วม 20 ปี พฤทธิกร สาระกุล อดีตทีมงานก้าวหน้า คดี 112 โพสต์ข้อความดูหมิ่นสถาบัน สั่งออกหมายจับ

วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 11.13 น.

คุกอ่วม 20 ปี โจ้ พฤทธิกร อดีตทีมงานก้าวหน้า  โพสต์ข้อความดูหมิ่นสถาบัน หลบหนีระหว่างสืบพยาน ศาลสั่งออกหมายจับก่อนพิพากษาลับหลัง

วันที่ 18 ธันวาคม    เวลา09.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านพิพากษาคดีดำอ.1485/2566ที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพฤทธิกร สาระกุล หรือโจ้ อดีตทีมงานก้าวหน้า เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์


โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 จำเลยได้บังอาจหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูล ข้อความ รูปภาพและตัวอักษร ส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ตลงในแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ ก่อนโพสต์ข้อความดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ 10 ครั้ง อันเป็นการปลุกปั่นทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและจูงใจให้ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ จนอาจนำมาซึ่งความเกลียดชัง โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลที่จำเลยโพสต์นั้นเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความเท็จและผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย 

เหตุ เกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6 ) พ.ศ.2526 มาตรา 4  พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2560มาตรา 8  และขอให้นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ1486/2566 ของศาลนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดี จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณา  แต่หลบหนีไม่มาศาล ศาลจึงออกหมายจับไว้ และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยวันนี้ตามกฎหมาย

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพนักงานสอบสวนชุดจับกุมเบิกความเป็นพยานสอดคล้องต้องกันว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้ใช้บัญชีเพซบุ๊คตามฟ้องโพสต์ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จึงขอหมายค้นตรวจห้องชุด และพบจำเลย 

จากการตวรจสอบคอมพิวเตอร์ของจำเลยพบการเข้าใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์มีการโพสต์ข้อความดูหมิ่นสถาบันรวม 10 ครั้ง พร้อมถ่ายภาพยืนยันให้จำเลยว่าเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ดังกล่าว เห็นว่า พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน มีการตรวจพบการข้าถึงบัญชีและโพสต์ข้อความตามฟ้องโดยไม่มีส่วนได้เสียในคดี เชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความไปตามจริง การที่มีภาพถ่ายยืนยันและลงลายมือชื่อไว้ในคำสอบสวน เกิดจากความสมัครใจของจำเลย ซึ่งเป็นบุคคลที่กระทำความผิดจริง โดยเป็นเจ้าของและครอบครองคอมพิวเตอร์ที่เข้าบัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ดังกล่าว

การกระทำของจำเลยหาใช่การแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญไม่แต่เป็นการมุ่งใส่ร้ายถึงพระมหากษัตริย์ อย่างร้ายแรงทำให้ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โพสต์ลงในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เป็นความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าสู้ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นบทลงโทษหนักสุด รวม30กระทงจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 30 ปี

จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยกระทงและ 2 ปี จำนวน10 กระทง รวมจำคุก 20 ปี .

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top