วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568
คุกอ่วม 20 ปี โจ้ พฤทธิกร อดีตทีมงานก้าวหน้า โพสต์ข้อความดูหมิ่นสถาบัน หลบหนีระหว่างสืบพยาน ศาลสั่งออกหมายจับก่อนพิพากษาลับหลัง
วันที่ 18 ธันวาคม เวลา09.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านพิพากษาคดีดำอ.1485/2566ที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพฤทธิกร สาระกุล หรือโจ้ อดีตทีมงานก้าวหน้า เป็นจำเลย ในความผิดฐานดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 จำเลยได้บังอาจหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูล ข้อความ รูปภาพและตัวอักษร ส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ตลงในแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ ก่อนโพสต์ข้อความดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ 10 ครั้ง อันเป็นการปลุกปั่นทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและจูงใจให้ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ จนอาจนำมาซึ่งความเกลียดชัง โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อมูลที่จำเลยโพสต์นั้นเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความเท็จและผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
เหตุ เกิดที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6 ) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2560มาตรา 8 และขอให้นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ1486/2566 ของศาลนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดี จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณา แต่หลบหนีไม่มาศาล ศาลจึงออกหมายจับไว้ และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยวันนี้ตามกฎหมาย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพนักงานสอบสวนชุดจับกุมเบิกความเป็นพยานสอดคล้องต้องกันว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้ใช้บัญชีเพซบุ๊คตามฟ้องโพสต์ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จึงขอหมายค้นตรวจห้องชุด และพบจำเลย
จากการตวรจสอบคอมพิวเตอร์ของจำเลยพบการเข้าใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์มีการโพสต์ข้อความดูหมิ่นสถาบันรวม 10 ครั้ง พร้อมถ่ายภาพยืนยันให้จำเลยว่าเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ดังกล่าว เห็นว่า พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน มีการตรวจพบการข้าถึงบัญชีและโพสต์ข้อความตามฟ้องโดยไม่มีส่วนได้เสียในคดี เชื่อว่าพยานโจทก์เบิกความไปตามจริง การที่มีภาพถ่ายยืนยันและลงลายมือชื่อไว้ในคำสอบสวน เกิดจากความสมัครใจของจำเลย ซึ่งเป็นบุคคลที่กระทำความผิดจริง โดยเป็นเจ้าของและครอบครองคอมพิวเตอร์ที่เข้าบัญชีเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ดังกล่าว
การกระทำของจำเลยหาใช่การแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญไม่แต่เป็นการมุ่งใส่ร้ายถึงพระมหากษัตริย์ อย่างร้ายแรงทำให้ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โพสต์ลงในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เป็นความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าสู้ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อันเป็นบทลงโทษหนักสุด รวม30กระทงจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 30 ปี
จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยกระทงและ 2 ปี จำนวน10 กระทง รวมจำคุก 20 ปี .
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี