วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รวบแม่ชาวไทยลวงลูกสาววัย 12 ปี ค้ากามที่ประเทศญี่ปุ่น
วันที่ 24 ธันวาคม 2568 ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศคตม.ตร.), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB), กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม นางสาวลักษณาฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6835/2568 ลงวันที่ 19 พ.ย.68 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
1. เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะ ยินยอมก็ตาม อันเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี และเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน ตาม ป.อาญา มาตรา 282, 285 โทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท ถึง 4 แสนบาท และต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
2. ค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น และเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 มาตรา 6, 52 วรรคสาม โทษจำคุกตั้งแต่ 8 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท

สถานที่จับกุม บริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 17.30 น.
พฤติการณ์ ด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผบ.ตร./ผอ.ศตคม.ตร. ได้รับการประสานงานจาก กระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยเหลือเด็กหญิง ซึ่งถูกนางสาวลักษณาฯ (ผู้ต้องหา) เกี่ยวข้องเป็นมารดาแท้ๆ ได้พาเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) บุตรสาววัยเพียง 12 ปีเศษ ไปนวดแฝงบริการทางเพศที่ประเทศญี่ปุ่น จึงได้สั่งการและเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมกับ ผบ.ตร. และ ผบช.น. ตำรวจเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในการเดินทางไปประสานความร่วมมือกับ ผบ.ตร. และ ผบช.ตม.ที่ประเทศไต้หวัน เกี่ยวกับคดีดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเหยื่อและดำเนินคดีกับผู้ต้องหา โดยได้สั่งการให้ บก.ปคม. สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน จับกุมดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
โดยพฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2568 นางสาวลักษณาฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นมารดาแท้ๆ ได้พาเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) บุตรสาววัยเพียง 12 ปีเศษ ไปนวดแฝงที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอม แต่เมื่อเดินทางถึงกรุงโตเกียว ผู้ต้องหากลับนำบุตรสาวไปส่งที่ร้านนวด โดยมีการตกลงกับเจ้าของร้านเพื่อให้เด็กหญิงเอทำงานนวดแฝงการบริการทางเพศ ต่อมาในช่วงกลางเดือนกันยายน 2568 เด็กหญิงเอ อาศัยจังหวะเผลอหลบหนีออกจากร้านนวดและเข้าขอความช่วยเหลือจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโตเกียว
จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่า ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่น เด็กหญิงเอได้นวดแฝงบริการทางเพศ แก่ลูกค้าชาวต่างชาติตลอด

โดยคิดค่าบริการนวดปกติ 8,000 เยน/ชั่วโมง ถ้านวดแฝงบริการทางเพศ คิดค่าตัว 12,000 เยน/ชั่วโมง ซึ่งรายได้จากการขายบริการทางเพศในครั้งนี้ เจ้าของร้านนวดจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในประเทศญี่ปุ่น จากนั้นผู้เกี่ยวข้องได้มีการแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยและโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนางสาวลักษณาฯ ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ทรมานของบุตรสาวตนเอง โดยเด็กหญิงเชื่อว่ามารดาซึ่งเป็นผู้ต้องหา จะมารับกลับจากร้านนวด และเด็กหญิงพยายามติดต่อมารดา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ไปร้องขอความช่วยเหลือ จนนำไปสู่การประสานงานระหว่างประเทศ และการจับกุมเจ้าของร้านนวดรวมถึงพนักงานในญี่ปุ่น ในส่วนของประเทศไทย กองกำกับการ 4 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด จนสามารถขออนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมนางสาวลักษณาฯ ได้ในที่สุด
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากเตือนภัย กรณีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ที่อาจเกิดจากคนใกล้ชิด หากพบเห็นเบาะแสการล่อลวงหรือบังคับค้าประเวณีเด็ก สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน บก.ปคม. โทร. 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก "ตำรวจสอบสวนกลาง" ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ชัยภักดิ์ สมภักดี รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปคม. โทร. 09 7130 3181
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี