วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันที่ 26 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายทหารหญิงยศ "ร.ท." อายุ 29 ปี สังกัดกรมทหารแห่งหนึ่ง ร้อง "ปวีณา" ถูก "พล.ท." อายุ 63 ปี นายทหารนอกราชการ วางแผนลวงอ้างขอเจอครั้งสุดท้ายก่อนจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านบางพลัด หลังฝ่ายหญิงขออิสรภาพ ขณะอยู่ที่ร้านอาหาร “พล.ท.” ได้ชวนดื่มไวน์ก่อนจะเอาน้ำที่ก้นแก้วมีสีขาวขุ่นมาให้ดื่มบอกว่าเป็นน้ำวิตามิน
ร.ท.หญิง กล่าวว่า ตนและน้องสาว ดื่มเข้าไปรู้สึกมึนงง ตนเอาพวงมาลัยไปไหว้ “พล.ท.” เพื่อขอขมา "พล.ท." วางแผนกับคนขับรถยศ “ร.อ.” ให้ตนเดินไปที่ท้ายรถแล้วผลักขึ้นไปท้ายรถใช้สายรัดเคเบิ้ลไทร์รัดข้อมือ ข้อเท้าทั้งสองข้าง ใช้สก๊อตเทปปิดปาก ใช้มือปิดตาไม่ให้มองทางพาไปโรงแรมม่านรูดทำร้ายร่างกาย ข่มขืนทั้งที่มัดมือทั้งสองข้างอยู่!!
โดย "พล.ท." สั่งให้ "ร.อ." ขับรถพาไปก่อเหตุที่โรงแรม ให้นายพลย่ำยีและให้ยืนดูขณะข่มขืน และ “พล.ท.” ได้ถ่ายคลิปขณะข่มขืนเก็บไว้ หลังก่อเหตุ "พล.ท" ข่มขู่ "ถ้าแจ้งความ ตายแน่"
จากนั้น พล.ท. และร.อ. ได้ขับรถมาส่งที่ร้านอาหาร น้องสาวเห็นตนสภาพตนสะบักสะบอม และตนขอให้ “ร.อ.” ช่วยตัดสายรัดเคเบิ้ลไทร์ที่ค้างอยู่ที่ข้อมืออีกข้างหนึ่งออก ก่อนที่ตนและน้องจะรีบขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกจากร้านเพื่อไปโรงพยาบาลทันที เนื่องจากรู้สึกเจ็บที่ซี่โครงอย่างมาก
โดยน้องสาวบอกว่า หลังจากที่ตนออกไปกับ พล.ท. ก็มีผู้หญิง 2 คนมานั่งคุยด้วยตีสนิทแล้วบอกว่ารู้จัก พล.ท. ตนมาคิดกับน้องคาดว่า พล.ท. มีการวางแผนมาอย่างดี นัดให้ตนมาเพื่อพาไปทำร้าย-ข่มขืน ระบายแค้นที่หตนไปแจ้งความ และให้หญิงสาวทั้ง 2 คนมานั่งกับน้องเพื่อเป็นการถ่วงเวลาไม่ให้ตามหาตน คืนนั้นหลังหาหมอเสร็จ ตนจึงได้รีบไปแจ้งความที่ สน.บางพลัด ทันที เหตุเกิดวันที่ 21 ธ.ค.68 ร.ท.หญิง" ตัดพ้อทนทุกข์มา 6 ปี อยู่แบบเป็นทาสและนางบำเรอ เวลา "พล.ท." ไม่พอใจจะทำร้ายร่างกายตลอด หลังขอแยกทาง "พล.ท." ทวงคืนคอนโดฯ 4 ห้อง โอนให้หมดแล้วเพื่อขอชีวิตคืน แต่ไม่จบ ยังบุกไปห้องพักที่แฟลตตามคุกคามพังประตูห้อง หยอดกาวรถยนต์ ทำทรัพย์สินเสียหาย "ร.ท.หญิง" แจ้งตำรวจ มาช่วยระงับเหตุ กลับเตะ ร.ท.หญิงต่อหน้าตำรวจ ซ้ำกระชากกล้องของตำรวจขณะระงับเหตุ และยังอ้างรู้จักตำรวจใหญ่ ซึ่งตำรวจนายสิบที่ถูกกระทำได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ตนต้องการความเป็นธรรมและขอชีวิตตนคืน จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ หลังรับเรื่อง "ปวีณา" ประสาน พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. นัดหมายวันที่ 26 ธ.ค.68 เวลา 14.00 น. เพื่อพา "ร.ท.หญิง" เดินทางไปที่สน.บางพลัด เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการไล่ภาพเส้นทางวันเกิดเหตุ และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามความคืบหน้าคดีนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
ด้านร.ท.หญิง กล่าวว่า ตอนปี 63 ตนยังเป็นนักศึกษาชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ครอบครัวฐานะยากจน ตนต้องเลี้ยงดูย่า ตนจึงต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ช่วงกลางวันและตอนเย็นจะไปรับจ้างยืนแจกขนมตามสถานีรถไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้า วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จะทำงานร้านอาหารและได้พบกับ "พล.ท." ที่มาทานอาหารกับกลุ่มเพื่อน ตนไปทำหน้าที่แนะนำเครื่องดื่มที่เพิ่งออกใหม่
.jpg)
ซึ่งวันนั้น พล.ท. ให้ทิปถึง 10,000 บาท ตนตกใจและดีใจมากเพราะว่าเป็นช่วงที่ต้องจ่ายค่าเทอมพอดีเลยคิดว่า พล.ท. เป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เมตตาเด็กหลังจากนั้นเขาก็ให้ลูกน้องมาขอไลน์ วันต่อมาเขาไลน์มาชวนไปทานข้าวกับเพื่อนเขาหลายคน หลังจากนั้นเขาก็ได้ไลน์ติดต่อให้ไปทานข้าวด้วย 2 ต่อ 2 และซื้อรถเก๋งให้ 1 คัน ราคา 2 แสนกว่าบาท จากนั้นเขาก็แอบมีความสัมพันธ์กับตน เวลาสังสรรค์กับเพื่อนเขาในกรมทหารก็จะให้ตนไปคอยชงเหล้า รับใช้ คอยสั่งการชีวิตทุกอย่าง และหึงหวง ไม่ให้ออกไปไหน ไม่ให้คุยกับผู้ชายหรือแม้กระทั่งเพื่อนที่เป็น LGBTQ+ ตลอดเวลาเหมือนนางบำเรอและทาสรับใช้ เวลาอยู่กับเขาก็ต้องทำทุกอย่างคอยเอาใจ ทำความสะอาดห้อง ซักผ้า รีดผ้า ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจก็จะถูกทุบตี เขาจะคอยบังคับให้ตนอยู่ในกรอบ ถ้าจะไปไหนต้องบอกตลอดเวลา ถ้าเขาแชทไลน์มาแล้วไม่อ่านหรืออ่านช้า หรือโทรมาไม่รับสายก็จะถูกด่าว่า "เป็นใคร ทำไมไม่รับสาย" และเมื่อเจอหน้าก็จะตบตีทำร้าย
ตนเคยถูกทำร้ายหลายครั้งจนเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว ครั้งแรก วันที่ 22 ธ.ค.67 ไปเที่ยวกับเพื่อนเขาโทรมาหาแต่ไม่ได้รับสาย พอกลับมาถึงห้องที่แฟลตทหาร เขาตามมาไขกุญแจเข้ามาทำร้ายเตะ ต่อย จนระบมช้ำไปทั้งตัว หลังจากนั้นเขาก็มา พูดดีด้วยสัญญาจะไม่ทำร้ายอีก และซื้อคอนโดฯ ให้ 1 ห้อง เพื่อเป็นการปลอบใจ แต่เขาก็ผิดคำพูด เวลาไม่พอใจก็ยังทำร้ายทุบตีเหมือนเดิม ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ตนต้องทนทุกข์ จนทนไม่ไหวขอแยกทางไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยตั้งแต่กลางปี 68 แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยตามคุกคามเรื่อยมาทั้งจะพังประตูห้อง เอากุญแจมาคล้องประตู หยอดกาวกุญแจประตู และหยอดกาวประตูรถ และจะแชทไลน์มาหาอยู่บ่อยครั้ง ช่วงเดือนต.ค.68 ตนถูกทำร้าย เป็นครั้งที่ 2 สาเหตุเพราะเขาแชทไลน์มาและตนไม่ได้คุยอย่างต่อเนื่อง ตอบช้าเพราะกำลังทำงานอยู่ เขาก็รีบมาหาที่แฟลตและกระทืบหจนช้ำระบมไปทั้งตัว
หลังจากนั้นตนได้ขอเลิกเขาอีกครั้ง โดยมีรองเจ้ากรมทหาร เป็นพยาน เขาบอกว่าถ้าตนโอนคืนคอนโดฯ ให้เขาแล้วจะเลิกยุ่งกับตน ตนก็ได้ไปโอนคืนให้เขาไปหมดแล้ว แต่เขาก็ยังตามคุกคามอยู่เรื่อยมา โดยเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.68 เขามาพังประตูห้อง ตนจึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ เขาโกรธมากที่ทำให้เขาอับอายจึงเตะตนข้าที่ขาอย่างแรงต่อหน้าตำรวจ และกระชากกล้องตำรวจพร้อมด่าทอข่มขู่ และยังกร่างอ้างรู้จักตำรวจใหญ่ หลังจากนั้นตนก็ได้ไปแจ้งความเรื่องที่เขามาคุกคามไว้ที่สน.เตาปูน
ครั้งที่ 3 วันที่ 21 ธ.ค.68 เขาโทรมาหาตนแล้วบอกว่าหย่ากับเมียแล้วจะไปอยู่ต่างประเทศ ขอเจอตนเป็นครั้งสุดท้ายโดยนัดพบที่ร้านอาหารย่านบางพลัด ตนใจอ่อนและตั้งใจเอาพวงมาลัยไปไหว้ขอขมาจึงเดินทางไปที่ร้านอาหารพร้อมกับน้องสาว ขณะอยู่ที่ร้านอาหารเขาได้ชวนดื่มไวน์ ตนกับน้องดื่มไวน์ไป 2 แก้ว รู้สึกเมาผิดปกติ แล้วเขาก็เอาน้ำที่ก้นแก้วมีสีขาวขุ่นมาให้ดื่มบอกว่าเป็นน้ำวิตามิน เมื่อตนและน้องสาวดื่มเข้าไปรู้สึกมึนงง เวลาประมาณ 2 ทุ่ม เขาบอกว่ามีของขวัญจะให้ตร ให้เดินไปเอาที่ท้ายรถ ซึ่งเป็นรถ SUV เมื่อเปิดประตูท้ายรถขึ้นเขาก็ผลักเข้าไปในรถและเขาก็ขึ้นมาในรถชกต่อยตน จับกดลงกับพื้นไม่ให้ตนเงยหน้าขึ้นมา ใช้สายรัดเคเบิ้ลไทร์มัดมือทั้ง 2 ข้าง และใช้สก๊อตเทปปิดปากไม่ให้ร้อง ระหว่างนั้นก็เห็นชายสวมหมวก "ไอ้โม่ง" มาขับรถให้เขาก่อนจะพาออกไป
ซึ่งตนถูกจับกดและปิดตาอยู่จึงไม่เห็นทางว่ารถวิ่งไปทางไหน เมื่อไปถึงโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งเขาจะลากลงจากรถ แต่ตนส่งเสียงกรีดร้องจนพนักงานต้อนรับกลัวว่าจะมีปัญหาจึงไม่ยอมเปิดห้องให้ จากนั้นเขาก็พาขึ้นรถจับกดลงกับพื้นอีกครั้งและพาไปที่โรงแรมม่านรูดอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ถูกลากลงจากรถและเข้าไปในห้องโรงแรมม่านรูดจึงรู้ว่า "ไอ้โม่ง" ที่ขับรถให้เขาคือ นายทหารยศ "ร.อ." ที่เป็นลูกน้องของเขา พยายามดื้นรนขัดขืนแต่ถูกเขา 2 คนลากไปที่เตียงนอน โดย "ร.อ." ถอดกางเกงแล้วก็ยืนดู
จากนั้น "พล.ท." ก็ชกต่อยใบหน้าและลำตัวระบายความโกรธด่าว่า "มึงแจ้งความใช่มั้ย" ก่อนจะลงมือข่มขืนทั้งที่มัดมือตนอยู่จนสำเร็จความใคร่ เจ็บปวดสุดแสนสาหัส จากนั้นเขาถึงตัดสายรัดที่ข้อมือออก 1 เส้น แต่ยังมีสายรัดอีก 1 เส้นค้างอยู่ที่ข้อมือตน "พล.ท." ยังข่มขู่หอีกว่า "ถ้ามึงแจ้งความ มึงตายแน่" หลังก่อเหตุเสร็จ พล.ท. และร.อ. ขับรถมาส่งที่ร้านอาหาร น้องสาวเห็นสภาพสะบักสะบอม และของให้ “ร.อ.” ช่วยตัดสายรัดเคเบิ้ลไทร์ที่ค้างอยู่ที่ข้อมืออีกข้างหนึ่งออก ก่อนที่ตนและน้องจะรีบขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกจากร้านเพื่อไปโรงพยาบาลทันที
เนื่องจากรู้สึกเจ็บที่ซี่โครงอย่างมาก โดยน้องสาวบอกว่า หลังจากที่ออกไปกับ พล.ท. ก็มีผู้หญิง 2 คนมานั่งคุยด้วยตีสนิทแล้วบอกว่ารู้จัก พล.ท. มาคิดกับน้องคาดว่า พล.ท. มีการวางแผนมาอย่างดี นัดให้ตนมาเพื่อพาไปทำร้าย-ข่มขืน และให้หญิงสาวทั้ง 2 คนมานั่งกับน้องเพื่อเป็นการถ่วงเวลาไม่ให้ตามหาตน คืนนั้นหลังหาหมอเสร็จ ตนได้รีบไปแจ้งความที่สน.บางพลัด ทันที ตำรวจส่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เมื่อเขารู้ว่าตนแจ้งความเขาได้โอนเงินมาให้น้องตน 3 หมื่นบาท บอกเป็นค่ารักษา และโอนมาให้อีก 5 หมื่นบาท บอกให้เป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องนอนโรงพยาบาล แต่ตนไม่ต้องการจึงได้โอนเงินคืนไปหมดแล้ว และต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม ขอชีวิตตนคืน วันอังคารที่ 23 ธ.ค.68 จึงมาร้องขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ ตนต้องการจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี