วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เปิดฉาก 7 วันอันตรายรับปีใหม่ 69 สังเวยบนท้องถนน 29 ราย เจ็บ 190 คน เกิดอุบัติเหตุระนาว 198 ครั้ง ‘ดื่มแล้วขับ’ สาเหตุหลัก ด้าน ‘กทม.-เชียงราย-ภูเก็ต’ แชมป์สูญเสียสะสมสูงสุด ขณะที่ ‘ศปถ.’ ประสานจังหวัด คุมเข้มช่วง ‘เคาดาวน์ปีใหม่’ เน้นสร้างปลอดภัยถนนสายหลัก – รอง - จุดเสี่ยง
31 ธ.ค.68 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายคุมเข้มความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ภายใต้ชื่อ “ขับขี่ปลอดภัย ลดความเร็ว ลดอุบัติเหตุ” โดยวันที่ 30ธ.ค.2568 เป็นวันแรกของการควบคุมเข้มข้น ซึ่งจากสถิติข้อมูล มีอุบัติเหตุเกิด 198 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 190 คน ผู้เสียชีวิต 29 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 41.92 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 20.20 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 18.69 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 71.79 พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ การไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ55.71 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 87.37 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 43.94

ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01 – 21.00 น. ร้อยละ 18.69 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ30 - 39 ปี โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย และภูเก็ต จังหวัดละ 11 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ภูเก็ต จำนวน 12 คน
รองผบ.ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับถึงภูมิลำเนาแล้ว บางส่วนยังอยู่ระหว่างเดินทาง และมีการเดินทางไปเฉลิมฉลองในพื้นที่ต่าง ๆ ศปถ. จึงได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร บูรณาการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ประชาชน โดยกำชับให้ตรวจตราผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเข้มข้น ทั้งการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การดื่มแล้วขับ การไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย พร้อมตรวจสอบผู้ที่ยังตกค้างในสถานีขนส่งให้สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ให้เร่งระบายการจราจรรถทั้งขาเข้าและขากลับ โดยนำเทคโนโลยีโดรนมาตรวจสอบสภาพการจราจรและวางแผนการทำงาน รวมถึงคืนพื้นที่ผิวเส้นทางจราจรในหลายจุดตามเส้นทางสายหลักเพื่ออำนวยความสะดวกและลดความสูญเสียและอันตรายจากอุบัติเหตุ

“สำหรับพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสำรวจจุดเสี่ยงและกำหนดมาตรการ รวมถึงกวดขันจับกุมความผิด 10 ข้อหาหลัก (10 รสขม) สำหรับการบริหารจัดการเส้นทางได้ตำรวจ/พื้นที่ใช้กรวยจราจรเป็นระยะทางและตั้งไฟแจ้งเตือน เพื่อเป็นจุดสังเกตแก่ประชาชนว่ามีจุดบริการ/ด่านชุมชน ส่วนบริเวณเกาะสีและจุดกลับรถหากมีการปิดจุดดังกล่าว ให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ พร้อมจัดทำป้ายเตือน ไฟส่องสว่างให้ชัดเจน รวมถึงใช้รถตำรวจจอดบริเวณจุดเสี่ยงเพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่ลดความเร็ว สำหรับประชาชนผู้ขับขี่ยานพาหนะ ต้องเตรียมรถให้ปลอดภัย เตรียมร่างกายให้แข็งแรง เตรียมเส้นทางให้ปลอดภัย และเตรียมอารมณ์ในการขับขี่ ซึ่งจะช่วยให้การสัญจรบนท้องถนนในระยะนี้เป็นไปอย่างสะดวกปลอดภัย” พล.ต.อ.สำราญ กล่าว
ด้านนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า ศปถ. ได้เน้นย้ำจังหวัดให้ใช้มาตรการเชิงรุกผ่านกลไกท้องถิ่น ท้องที่ และอาสาสมัครปฏิบัติการ “เคาะประตูบ้าน” ให้คำแนะนำผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง ควบคู่กับการจัดตั้ง“ด่านชุมชน” ป้องปรามบุคคลที่มีความเสี่ยงนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ หากผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามคำเตือนให้ประสานสถานีตำรวจในพื้นที่ดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้การจัด “ชุดเคลื่อนที่เร็ว” ดูแลความปลอดภัยในจุดที่มีการจัดงานเฉลิมฉลอง จะเป็นอีกหนึ่งการปฏิบัติที่ช่วยลดอุบัติเหตุและอำนวยความสะดวกได้ และให้หน่วยงานในพื้นที่สร้างความเข้าใจมาตรการต่าง ๆต่อประชาชน เช่น การลดความเร็ว ผลกระทบจากการขับรถเร็ว และบทลงโทษทางกฎหมาย ผ่านสื่อในพื้นที่ทุกช่องทาง พร้อมแนะนำผู้ขับขี่ให้เตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกาย ยานพาหนะให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ ชำระภาษีรถยนต์ และมีประกันภัยภาคบังคับ หากขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรหยุดพักตามจุดบริการที่จัดไว้ให้ และไม่ควรขับขี่หากมีการดื่มสุราหรือทานยาที่มีฤทธิ์ง่วงซึม

“คืนนี้จะเป็นคืนที่มีการเฉลิมฉลองในหลายพื้นที่ หากที่ใดมีการจัดงานใหญ่ ให้จัดหารถบริการสาธารณะรับ-ส่งประชาชนกลับภูมิลำเนา ส่วนพื้นที่ที่มีการจัดงานฉลองในชุมชนหมู่บ้าน ไม่ควรปล่อยให้ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงขับรถออกมาข้างนอก และ ด่านชุมชนจะเป็นด่านแรกในการสกัดความเสี่ยง พร้อมให้บริการ และดูแลความปลอดภัย ที่สำคัญให้ผู้ประกอบการร้านค้างดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี หากพบเยาวชนดื่มแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับร้านค้า ผู้สนับสนุน และผู้ปกครองตามกฎหมาย” นายธีรพัฒน์ อธิบดี ปภ. กล่าว
นายธีรพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ท้ายนี้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 ขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง หากประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 ระบบ iDEMS ที่แจ้งพิกัดผ่านVideo Call สายด่วนกรมการขนส่งทางบก 1584 และสายด่วนศูนย์ปลอดภัยคมนาคม 1356 รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี