กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 17 ลงวันที่ 5 เมษายน 2557 เรื่อง“พายุฤดูร้อน” ระบุว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ซึ่งมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง ในบางพื้นที่ โดยมีโอกาสเกิดผลกระทบดังคือ 1.วันที่ 5 เมษายน  ในภาคเหนือด้านตะวันออกบริเวณ จ.เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และภาคกลางด้านตะวันตก บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี

2.วันที่ 6 เมษายน  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา

ดังนั้น ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ทั้งนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน ยังคงมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

กาฬสินธุ์อ่วม1,253หลัง

ที่ จ.กาฬสินธุ์ นายสมเกียรติ ดวงมณี นายอำเภอห้วยผึ้ง พร้อมด้วย นายโอภาส มั่นคง เกษตรอำเภอ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย( ปภ.) เข้าสำรวจความเสียหายจากอิทธิพลของพายุฤดูร้อน ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อคืนวันที่ 4 เมษายน โดยเฉพาะที่ตำบลไค้นุ่น พบบ้านเรือนเสียหายกว่า 612 หลังคาเรือน และส่วนใหญ่หลังคาบ้านจะถูกพัดหายไปทั้งหลัง นอกจากนี้ยังพบพืชไร่ พืชสวน ไร่ยางพาราเสียหายรวมกว่า 3 พันไร่ ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำลังเร่งนำเจ้าหน้าที่เข้าซ่อมแซมบ้าน และมีการตั้งเต้นท์เป็นที่พักชั่วคราว

ขณะที่ สำนักงาน ปภ.กาฬสินธุ์ สรุปความเสียหายรวม 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.หนองกุงศรี อ.ห้วยผึ้ง อ.นาคู และที่ อ.กุฉินารายณ์ ถูกพายุพัดเสียหาย 1,253 หลังคาเรือน ซึ่งการช่วยเหลือ หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีไม่เพียงพอ ก็สามารถขอมายัง ปภ.ซึ่งจะทำการแจ้งไปส่วนกลางเพื่อรอการจัดสรรงบประมาณ ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนให้ระวังปัญหาพายุฟ้าผ่าในระยะนี้ด้วย

กาญจน์โดนถล่มหลายพื้นที่

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.30 น. นายอนุชา สุขเชิงชาย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสะลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่4 เมษายน ได้เกิดเหตุพายุฤดูร้อนอย่างรุนแรง นาน 30 นาที ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรในพื้นที่เทศบาลตำบลสระลงเรือได้รับความเสียหายหลายหมู่บ้าน เสาไฟฟ้าได้โค่นลมเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ ต่อมา คณะผู้บริหารของเทศบาลตำบลสระลงเรือ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปภ.เทศบาลตำบลสระลงเรือ ได้นำอุปกรณ์ไปช่วยเหลือในการตัดต้นไม้ที่โค่นล้มขวางถนน สำหรับหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วย หมู่ 5 หมู่ 6 หมู่ 8 หมู่ 10 หมู่ 14 และหมู่ 17 บ้านเรือเสียหายรวมกันประมาณ 50 หลังคาเรือน  

นายอิทธิภัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหลุมรัง อ.บ่อพลอย เปิดเผยว่า ที่ อ.บ่อพลอย มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 14 หมู่บ้าน บ้านเรือนของผู้ประสบภัยพิบัติ  ได้รับความเสียหายจริง จำนวน  157 หลังคาเรือน ซึ่ง อบต.ได้มอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้น รวมทั้งสิ้น 323,970 บาท 

นายชาญวิทย์ ศุภกิจจานุสรณ์ นายอำเภอเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า พื้นที่ อ.เลาขวัญได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน คือพื้นที่ตำบลหนองโสน คือหมู่ 4 จำนวน 1 หลังคาเรือน หมู่ 8 จำนวน 5 หลังคาเรือน หมู่ 10 จำนวน 5 หลังคาเรือน และหมู่ 12 จำนวน 4 หลังคาเรือน รวมเสียหาย 15 หลังคาเรือน

นายวีระ ทองพิจิตร นายอำเภอพนมทวน กล่าวว่า ในพื้นที่ อ.พนมทวน ได้รับผลกระทบรวม 4 ตำบล บ้านเรือนเสียหาย 40-50 หลังคาเรือน ส่วนเสาไฟฟ้าหักโค่น 10 กว่าต้น ที่บริเวณถนนสายอูทอง–สุพรรณบุรี หมู่ 4 ต.พนมทวน ทำให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ อยู่ระหว่างการแก้ไข

นายชาญ เสมสวัสดิ์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย เปิดเผยว่า ในอ.มะขามเตี้ย มีบ้านเรือราษฎรเสียหายทั้งหมด 143 หลังคาเรือนจากทั้งหมด 4 ตำบล บ้านเรือนส่วนใหญ่หลังคาบ้านถูกลมพัดปลิวหายไป มีต้นไม้หักขวางการจราจรหลายจุด ซึ่งได้แก้ไขปัญหาแล้ว นอกจากนี้ เสาไฟฟ้าหักโค่น จำนวน 4 ต้น แต่ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด่านมะขามเตี้ย ได้แก้ไขปัญหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปภ.กาญจน์เตือนระวังพายุซ้ำอีก

นายฉัตรณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา หัวหน้าสำนักงาน ปภ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนมาแล้ว 3 รอบ คือวันที่ 18 มีนาคม และ 21 มีนาคม ทั้งสองครั้งเกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลหลุมรัง อ.บ่อพลอย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าไปช่วยเหลือแล้ว และครั้งที่ 3 คือวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา พายุฤดูร้อนในครั้งนี้ค่อนข้างจะรุนแรง ขยายวงกว้างไปหลายอำเภอ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ความเสียหาย คาดว่าอีกประมาณ 1 ถึง 2 วันก็คงจะสรุปได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนทุกพื้นที่เฝ้าระวังพายุฤดูร้อนเอาไว้ให้ดี เพราะจากนี้ไปจนถึงวันที่ 7 เมษายน ทางกรมอุตุฯ ยังประกาศให้เฝ้าระวังพายุที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่

พายุลูกเก็บถล่มสุโขทัย

ขณะเดียวกัน ได้เกิดพายุลูกเห็บตกหนักในหลายพื้นที่ของ จ.สุโขทัย ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา 19.00-21.30 น. ของคืนวันที่ 4 เมษายน ทำให้มีบ้านเรือนราษฎรพังเสียหายกว่า 500 หลังคาเรือน รวมทั้งยังมีศาลาริมทาง ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า และต้นไม้หักโค่นอีกจำนวนมาก

นอกจากนี้บริเวณพื้นที่จัดงาน “สุโขทัยมอเตอร์โชว์ 2014” ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอเมืองสุโขทัย ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งป้าย เต๊นท์ เวทีแสดงคอนเสิร์ต และโครงเสาเหล็กประดับไฟขนาดใหญ่ ถูกฟ้าผ่าจนโค่นล้มลงมา ทำให้มีรถยนต์จากค่ายๆต่างที่นำมาจัดแสดง ได้รับความเสียหายหลายคัน ขณะที่ผู้คนซึ่งกำลังเดินเที่ยวชมอยู่ในงาน ต่างก็ต้องวิ่งหลบหนีเอาชีวิตรอดกันอย่างชุลมุน

ต้นไม้ใหญ่โค่นทับบ้าน

ที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย ได้มีการเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เบื้องต้นมีราษฎรมาแจ้งความเสียหายว่าถูกพายุพัดบ้านพังแล้วเกือบ 400 หลังคาเรือน รวมทั้งมีต้นสะตืออายุเก่าแก่กว่า 400 ปี ถูกพายุพัดจนหักโค่นลงมา และยังมีต้นไม้ใหญ่โค่นทับบ้านได้รับความเสียหาย

น.ส.จันทา รักถึง อายุ 58 ปี เจ้าของโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอไม้สัก หมู่ที่ 2 ต.บ้านกล้วย เปิดเผยว่า ที่โรงงานถูกพายุพัดถล่มจนหลังคาหลุดปลิวเกือบทั้งหลัง ทำให้เครื่องมือช่างเปียกน้ำฝนไปด้วย ความเสียหายทั้งหมดประมาณ 300,000 บาท

ชัยนาท-150หลังคาถูกพายุซัด

ที่ จ.ชัยนาท ประชาชน ในพื้นที่ 4 ตำบลของ อ.เมืองชัยนาท คือ ต.ชัยนาท ต.บ้านกล้วย ต.ท่าชัย และ ต.หาดท่าเสา ต่างสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างประเภทประเบื้องและฝ้าเพดาน เพื่อนำมาเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนที่ถูกพายุฝนพัดถล่มเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 4 เมษายนผ่านมา ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน บ้านเรือนได้รับความเสียหายมากกว่า150 หลังคาเรือน มีเสาไฟฟ้าหักโค่นรวมมากกว่า 20 ต้นเป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนหลายหลังที่หลังคาปลิวหายไปในช่วงที่เกิดพายุฝน ทรัพย์สินภายในบ้านถูกน้ำฝนได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งต้นไม้ที่อยู่ในแนวของพายุได้หักโค่นลง

ประเมินค่าเสียหาย10ล้านบาท

นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ชัยนาทได้สั่งการกำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท(ปภ.) เร่งสรุปความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนโดย เร่งด่วนด้วย โดยสรุปสถานการณ์ในรอบ24 ชม.ของ จ.ชัยนาทเกิดพายุฝนพัดถล่ม 2 ครั้งคือช่วงเวลา 17.00น.ในพื้นที่ อ.สรรพยา และช่วงเวลาประมาณ 20.00น.ใน อ.เมืองชัยนาท มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายรวมกว่า250หลังคาเรือน มีผู้ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า2,000 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท