เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 เมษายน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ที่ประชุมมีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสว.เขตอีก 15 จังหวัด หลังจากประกาศรับรองผลไปแล้ว 62 จังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้มีสว. เลือกตั้งครบทั้ง 77 จังหวัดแล้ว
รับรอง15สว.-กกต.ลั่นตามสอย
โดยประกอบด้วย 1.กรุงเทพมหานคร คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา 2.ชัยภูมิ นายบัณฑูรย์ เกียรติก้องชูชัย 3.นครนายก นายมารุต โรจนาปิยาวงศ์ 4.เพชรบูรณ์ นายพิพัฒน์ชัย ภัครัชตานนท์ 5.แพร่ ด.ต.บุหลัน ราษฎร์คำพรรณ์ 6.แม่ฮ่องสอน นายสุรพล สันติโชตินันท์ 7.ระนอง นายศักดา ศรีวิริยะไพบูลย์ 8.ลพบุรี นายประทวน สุทธิอำนวยเดช 9.ลำปาง นายวราวุฒิ หน่อคำ 10.ลำพูน นายตรี ด่านไพบูลย์ 11.ศรีสระเกษ นาสาววิลดา อินฉัตร 12.สุราษฎร์ธานี พล.อ.สุจินต์ แช่มช้อย 13.หนองบัวลำภู นายประพาส นวนสำลี 14.อำนาจเจริญ นางญาณีนาถ เข็มนาค และ15.อุบลราชธานี นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ
อย่างไรก็ตาม กกต. มีเวลาอีก 1 ปีในการดำเนินการสืบสวบสอบสวน ยังมีคำร้องที่ค้างอยู่ 74 สำนวน ที่กกต.จะต้องดำเนินการต่อไป คาดไม่เกิน3เดือน
“สุรชัย”ติงเปิดประชุมวิสามัญน้อย
ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่1ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภาได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่เห็นชอบเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญระหว่างวันที่ 2-10 พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาทำหน้าที่ 2 เรื่องคือ 1.แต่ตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิกประจำศาลปกครอง และ 2.แต่งตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบประวัติ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช.เท่านั้น ยอมรับว่าเป็นระยะเวลาที่น้อยเกินไป ปกติการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบประวัติ และขอความเห็นหน่วยงานต่างๆ ใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้ทันกรอบเวลา 30 วันตามกฎหมายในวันที่ 9 พฤษภาคม โดยจะประสานขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆล่วงหน้า ไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
ย้ำไม่ถอดนิคมรัฐต้องรับผิดชอบ
รองประธานวุฒิสภา ยืนยันว่าในสมัยประชุมนี้จะยังไม่มีพิจารณาถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช พ้นจากตำแหน่ง ประธานวุฒิสภา เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมระบุชัดเจนว่าให้พิจารณาตามมาตรา132(2)ไม่เกี่ยวกับมาตรา132(3)จึงไม่สามารถสอดไส้เรื่องนี้ได้ แต่การไม่พิจารณาถอดถอน นายนิคมตามกรอบเวลา20วันหลัง ป.ป.ช.ส่งเรื่องมายังวุฒิสภา อาจขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลและคณะกรรมการกฤษฎีกา จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
สุรชัย เบะท่าพร้อมชิงปธ.วุฒิฯ
นายสุรชัย กล่าวด้วยว่า พร้อมจะเปิดให้มีการเลือกตำแหน่งประธานและรองประธานวุฒิสภา หากเป็นมติของที่ประชุม ส่วนตัวยินดีหากสมาชิกเสนอชื่อให้ชิงตำแหน่งดังกล่าวโดยเชื่อว่า ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่ จะทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำและเชื่อว่าทุกคนจะสามารถละความสัมพันธ์ที่โยงใยทางการเมืองได้
“ไพบูลย์”ถือหางเตรียมเสนอชื่อ
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหาและกลุ่ม40 ส.ว.กล่าวว่าหลังประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ2วาระเสร็จแล้ว ตนอาจจะเสนอญัตติโดยวาจาขอให้มีการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาโดยต้องให้สมาชิกอภิปรายถึงกรอบกฎหมายให้ชัดเจนเพื่อดูว่าที่ประชุมจะเห็นอย่างไร ส่วนตัวมองว่าสามารถเลือก ประธาน และรองประธานวุฒิฯได้ เพราะการเปิดประชุมเป็นไปตามมาตรา132 (2)ระบุว่าให้วุฒิสภาทำหน้าที่พิจารณาบุคคลดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติรัฐธรรนูญ ถ้าหากที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าเลือกประธานวุฒิฯทำได้ ทางกลุ่มยืนยันว่าจะเสนอ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่1เหมือนเดิมเพื่อจะได้บุคคลที่มีประสบการณ์มาทำงานให้ต่อเนื่อง
“นิคม”อ้างสว.ใหม่ไม่พร้อมจี้เลื่อน
ด้าน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวเห็นว่าการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาในการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญสามารถทำได้ จะต้องหารือในที่ประชุมว่าจะเห็นเป็นอย่างไร แม้จะไม่เคยมีการเลือกประธานวุฒิสภาในสมัยวิสามัญมาก่อน พร้อมยังฝากให้ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่ไปศึกษาข้อบังคับการประชุมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ เพื่อจะมีหลักการและเหตุผลในการทำหน้าที่ อย่างกรณีมีการเสนอ ญัตติ เลือกประธานวุฒิฯ ถ้า ส.ว.ชุดใหม่ ยังไม่พร้อมเห็นว่ายังไม่ได้ทำความรู้จักเพื่อน ส.ว.เพียงพอ ก็เสนอขอเลื่อนการเลือกประธานฯไปก่อนได้ แล้วก็ลงมติว่า ที่ประชุมจะให้ เลือก หรือเลื่อน
ปากดีท้าถอดถอนเลยไม่ต้องรอ
นายนิคม กล่าวถึงการจะถอดถอนพ้นจากตำแหน่งว่าขอให้ทำได้เลย ไม่ต้องรอบรรยากาศอะไรให้ดีขึ้นมา เพราะพร้อมที่จะทำการชี้แจงอยู่แล้ว ก็ให้รู้ไปว่าผู้ที่ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ที่มีตามระเบียบข้อบังคับการประชุมและรัฐธรรมนูญนั้นจะต้องถูกถอดถอน
มติป.ป.ช.เชือด36สว.ปมแก้รธน.
เวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.แถลงภายหลังการประชุมป.ป.ช.การไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีร้องถอดถอนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรณีร่วมเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในประเด็นเรื่องที่มา ส.ว.และพิจารณาลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่1วาระ2 และวาระ3ซึ่ง ป.ป.ช.มีมติ ส.ว.36ราย มีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา291(1)วรรค1พร้อมให้ถอดถอนส.ว.36รายและยกคำร้อง14ราย
สำหรับ 36 สว. ที่ป.ป.ช.มีมติให้ถอดถอนได้แก่นายประสิทธิ์ โพธสุธน นายสมชาติ พรรณพัฒน์ พลตำรวจตรีองอาจ สุวรรณสิงห์ นายดิเรก ถึงฝั่ง นายประวัติ ทองสมบูรณ์ นายกฤช อาทิตย์แก้ว พลตำรวจโทพิชัย สุนทรสัจบูลย์ นายภิญโญ สายนุ้ย นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ นายสุเมธ ศรีพงษ์ พันตำรวจโทจิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ นายสุรพงษ์ ตันธนศรีกุล นายพีระ มานะทัศน์ นายสิทธิ์ศักดิ์ ยนต์ตะกูล นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง นายสุวิศว์ เมฆเสรีกุล นายรักษ์พงษ์ ณ อุบล นายบวรศักดิ์ คณาเสน นายจตุรงค์ ธีระกนก นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร นายประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธ์ นายโสภณ ศรีมาเหล็ก นายต่วนอับดุลเล๊าะ ดาโอ๊ะมารียอ พลตำรวจเอกโกวิท ภักดีภูมิ นายประดิษฐ์ ตันวัฒนะพงษ์ พลตรีกลชัย สุวรรณบูรณ์ นายวรวิทย์ บารู นายสุโข วุฑฒิโชติ นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง นายสุริยา ปันจอร์ นายถนอม ส่งเสริม นายบุญส่ง โควาวิสารัช นายวรวิทย์ วงษ์สุวรรณ์ และนายวิทยา อินาลา
ส่งให้วุฒิสภา ถอดถอน 36สว.
จากนั้น จะแยกทำรายงานเฉพาะข้อกล่าวหาส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาก่อนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา56และให้ประธาน ป.ป.ช.ส่งรายงานเอกสารที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นไปยังไปยังประธานวุฒิสภา เพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา273และมาตรา274 ส่วนการดำเนินคดีอาญา ขณะนี้ยังอยู่ในการไต่สวนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ส.ว.ที่ถูกกล่าวหาทั้ง36รายจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี