รัฐประหาร

“บิ๊กตู่”นำคสช.ยึดอำนาจผ่าวิกฤติ

หลังถกเหลว-จับแกนนำขังในค่าย

เคอร์ฟิว4ทุ่ม-ตี5/สั่ง18รมต.เข้าพบ

บุกรวบ”เหลิม”-นิวัฒน์ฯยังกบดาน

งดใช้รธน.ชั่วคราว-ไม่ยุบวุฒิสภา

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 22 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด(แทนพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ได้ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แถลงการณ์ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 1/2557เรื่อง การควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ โดยมีเนื้อหาดังนี้

“ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่างๆ ของประเทศหลายๆ พื้นที่ เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัว จนอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้น

เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี เช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.30 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ สำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่เพียงผู้เดียว

สำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติ ตามที่รัฐบาลชุดเดิมดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะยึดมั่นในความจงรักภักดี และจะปกป้องเทิดทูนดำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชนชาวไทย และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง “ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

ถก7ฝ่ายล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยึดอำนาจครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ผอ.รส.)ได้เรียกประชุมตัวแทน 7 องค์กรประกอบด้วย1. กปปส.2. นปช. 3 รัฐบาล 4. พรรคเพื่อไทย 5. พรรคประชาธิปัตย์ 6.ประธานวุฒิสภา และ 7. คณะกรรมการการเลือกตั้ง  เพื่อเจรจาหาทางออกประเทศเป็นครั้งที่สอง เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(กอ.รส.)ภายในสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ต้องล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าเนื่องจากคู่ขัดแย้งต่างไม่ยอมรับเงื่อนไขของแต่ละฝ่าย

แต่ละฝ่ายไม่ยอมลดราวาศอก

โดยก่อนหน้าจะประชุม 7 ฝ่ายนั้น  แต่ละฝ่ายโดยเฉพาะคู่ขัดแย้ง คือ กปปส. นปช. และฝ่ายรัฐบาลได้เรียกประชุมแกนนำยืนยันจุดยืนของฝ่ายตัวเอง ซึ่งกปปส.ยืนกรานที่จะให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ ส่วนนปช. เสนอให้มีการทำประชามติก่อนเลือกตั้ง  และฝ่ายรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เห็นตรงกันคือเลือกตั้งก่อน พร้อมกับยืนกรานไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งรักษาการ

ประกาศลั่นขอรับผิดชอบเอง

มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับที่ประชุมตอนหนึ่งว่า “ผมจะพยายามทำอย่างเต็มที่ ที่จะให้เกิดความสงบสุข ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลแทนผม ตอนนี้ผมประกาศแล้วเป็นผู้รับผิดชอบทุกประการ ผมรู้สึกว่าผมเกิดแผ่นดินนี้ ก็จำเป็นต้องหาความสงบสุขให้แผ่นดินนี้ เพราะผมเป็นหนี้บุญคุณแผ่นดิน หากก้าวล่วงไปบใครบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยืนยันผมให้เกียรติทุกฝ่ายเสมอ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

2ม็อบไม่ยอม-ผบ.ทบ.เครียด

ข่าวแจ้งว่า การประชุมซึ่งดำเนินมาตั้งแต่เวลา 14.00 น. ได้ยุติลงในเวลาประมาณ 16.20 น. โดยรายงานข่าวแจ้งว่าในช่วงเริ่มการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะผอ.รส. ได้ให้แต่ละฝ่ายหารือการบ้าน 5 ข้อที่ให้ไปเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าแต่ละฝ่ายตกลงกันไม่ได้ทำให้ไม่ได้ข้อสรุป ส่งผลบรรยากาศเริ่มเป็นไปด้วยความตึงเครียด

สำหรับการบ้าน 5ข้อ คือ1.การปฏิรูปจะทำอย่างไรจะปฏิรูปก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง 2.รัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลเฉพาะกาลจะได้มาอย่างไร 3.ควรจะมีการทำประชามติหรือไม่ 4.การสร้างบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งควรจะทำอย่างไร และ 5.ขอให้ผู้ชุมนุม กปปส. และ นปช. ยุติการชุมนุมเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย สามารถนำไปสู่บรรยากาศการเลือกตั้งที่สำเร็จได้

หักคอถ้าคุยไม่จบไม่ต้องกลับ

จากนั้น ผบ.ทบ.สั่งให้แกนนำม็อบทั้ง 2 ฝ่ายไปคุยกันในห้องส่วนตัวให้เรียบร้อย โดยทาง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าไปคุยด้วยในช่วงแรก พร้อมกับกำชับทั้ง 2 ฝ่ายว่า “คุยให้จบ ถ้าไม่จบ ไม่ต้องกลับ” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมาที่ห้องรับรอง เพื่อหารือ ผบ.เหล่าทัพ ขณะที่ห้องใหญ่ยังอยู่ในความสงบ แต่ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนได้

สถานการณ์เริ่มผิดปกติ

ขณะที่บรรยากาศภายในสโมสรกองทัพบกเริ่มผิดปกติ เนื่องจากมีทหารถือปืนจำนวนมากเดินเข้ามาภายในอาคาร โดยกระจายกำลังยืนประจำการอยู่บริเวณบันได ห้องน้ำ และทุกประตูทางเข้าออกภายในสโมสรทหารบกทั้งหมด พร้อมกับมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และไม่อนุญาตให้ผู้ประชุมนำโทรศัพท์เข้าห้อง

แฉประโยคสุดท้ายก่อนปฏิวัติ

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จึงกลับเข้ามายังห้องประชุมใหญ่ พร้อมกับได้สอบถาม นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รมว.ยุติธรรม ว่า ตกลงรัฐบาลยืนยันไม่ลาออกทั้งรายบุคคลและทั้งคณะใช่หรือไม่ ซึ่ง นายชัยเกษม ตอบว่า นาทีนี้ไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ จึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง เชิญ กกต. และ สว.ออกนอกห้องประชุม” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงเดินออกจากห้องประชุมเพื่อขึ้นรถเดินทางไปยังกองพันทหารราที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ทันที

จับแกนนำทุกฝ่ายเว้นกกต.-สว.

จากนั้นได้มีรถทหารยีเอ็มซีประมาณ 6-7 คัน วิ่งไปปิดทางเข้า-ออกสโมสรทบ. และมีทหารพร้อมอาวุธครบมือเข้าปิดล้อมสถานที่ไม่ให้ผู้ร่วมประชุมทั้งหมดเดินทางออกจากที่ประชุมแม้แต่คนเดียว ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 200 คนที่เฝ้ารอทำข่าวการประชุมอยู่ แต่ถูกทหารส่วนหนึ่งตั้งแถวออกมาสกัดไว้ไม่ให้เข้าไปภายในพื้นที่อย่างเด็ดขาด

ก่อนที่ต่อมาจะมีการเข้าควบคุมตัวผู้แทนแต่ละฝ่ายแยกขึ้นรถตู้เดินทางออกจากสโมสรทบ.ทันที ขณะที่ตัวแทนของสว.และกกต.มีเจ้าหน้าที่มาเชิญตัวออกจากห้องประชุม พร้อมกับขอให้อยู่ในสโมสรทบ.ต่อไปก่อน เพื่อรอเคลียร์บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ จึงจะอนุญาตให้เดินทางกลับได้

เปิดชื่อแกนนำ5ฝ่ายถูกคุมตัว

สำหรับรายชื่อตัวแทน 5 ฝ่ายที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล นายชัยเกษม นิติศิริ รมว.ยุติธรรม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ซึ่งมาแทน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รมว.พลังงาน นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง

พท.-นปช.โดนหิ้วเป็นพวง

พรรคเพื่อไทยประกอบด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส่วนตัวแทนนปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง

มาร์ค-กำนัน-กปปส.โดนเรียบ

พรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ นายศิริโชค โสภา นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ขณะที่ตัวแทน กปปส. ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข

คุมตัวเทือก-แกนนำขังค่ายทหาร

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ และ นายเอกนัฏ พร้อมด้วยแกนนำ กปปส. โดนล็อกตัวขึ้นรถตู้ออกไปเป็นคันแรก จากนั้นจึงตามมาด้วยตัวแทนกลุ่ม นปช. ตัวแทนพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีรายงานว่า ทั้งหมดถูกนำไปควบคุมตัวไว้ที่บ้านพักกรมทราบราบที่ 1 กองพันที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 พ.1 รอ.) โดยแกนนำผู้ชุมนุมคือ กปปส. และ นปช. ต่างอยู่ในสภาพถูกผ้าขาวปิดตาทุกคน

7ตัวแทนสว.-กกต.รอดฉิวเฉียด

สำหรับตัวแทนฝ่าย กกต. และ สว.ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับได้ประกอบด้วย ฝ่าย กกต. ได้แก่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นายบุญส่ง น้อยโสภณ  นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นายประวิช รัตนเพียร และ นายธีรวัฒน์ ธีระโรจน์วิทย์ ฝ่าย สว. ประกอบด้วย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย  รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา และนายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว.อุตรดิตถ์ ว่าที่รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2

“นิวัฒน์”ไหวตัวเผ่นหนีไปก่อน

ทางด้านความเคลื่อนไหวของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี  ได้เดินทางออกจากกระทรวงพาณิชย์แล้วเมื่อเวลา 15.50 น.  หรือ 10 นาทีก่อนที่จะมีการแถลงการณ์ของกอ.รศ.ผ่านทีวีพูลในการยึดอำนาจ

ยึดป้ายแดงซุกปืนกลางสโมสรทบ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีประกาศเข้าควบคุมอำนาจการปกครอง โดยคสช. เกิดเหตุความวุ่นวายตามมา โดยเมื่อเวลา 17.45 น.เจ้าหน้าที่ทหารที่ควบคุมความปลอดภัยสโมสรทหารบก ได้รับรายงานวิทยุสื่อสารว่า รถยนต์โตโยต้าสีดำ ทะเบียนป้ายแดง น 2536 กรุงเทพมหานคร  มีอาวุธซุกซ่อนอยู่ภายใน จอดอยู่ภายในลานจอดรถสโมสรทหารบก จึงได้เข้าตรวจ พบว่า มีอาวุธปืนไม่ทราบขนาด 3 กระบอก  ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารสั่งให้คณะสื่อมวลชนออกจากพื้นที่ ล่าสุดกำลังมีการสอบสวนบุคคลที่อยู่ในรถยนต์คันดังกล่าว

คสช.ประกาศกฎอัยการศึกทั่วปท.

เวลา 18.13 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงประกาศคสช.ฉบับที่ 2/2557 เรื่อง ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร โดยระบุว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ยึดอำนาจการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.30 น.เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และนำความสงบสุขกลับคืนสู่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายโดยเร็ว จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา4แห่งพ.ร.บ.อัยการศึก2457 ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมเป็นต้นไป

สั่งเคอร์ฟิว22.00-05.00น.

ต่อมา คสช.ออกประกาศ ฉบับที่ 3 เรื่อง ห้ามออกนอกเคหะสถาน โดยระบุว่า หลัง คสช.ยึดอำนาจการปกครองตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.กฎอัยการศึกกำหนดมาตรการ ดังนี้ ห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักร ออกนอกเคหสถานภายในเวลา 22.00 น.- 05.00 น. ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงาน

คำสั่งฉ.4 ให้สื่องดรายการปกติ

เวลา 18.40 น. คสช.ออกประกาศ ฉบับที่ 4/2557 เรื่อง การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์ และสถานีวิทยุชุมชนระบุ เพื่อให้การเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคได้อย่างต่อเนื่อง ทันสถานการณ์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.กฎอัยการศึก 2457 จึงให้สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม และเคเบิ้ลทุกสถานี ทั้งที่เป็นของราชการ และเอกชนงดรายการประจำสถานี และให้ถ่ายทอดกระจายเสียงจากสถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพบก

ประกาศให้รธน.สิ้นสุดชั่วคราว

เวลา 19.00 น. คสช.ออกประกาศ ฉบับที่ 5/2557 เรื่อง การสิ้นสุดชั่วคราวของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่ คสช.ได้ประกาศยึดอำนาจการปกครองประเทศตามประกาศฉบับที่ 1/2557 ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม  เวลา 16.30 น.เพื่อให้การบริหารราชการภายในราชอาณาจักร เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ 1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  2550 สิ้นสุดลงชั่วคราว เว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์ 2.คณะรัฐมนตรีรักษาการสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ 3.วุฒิสภายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ ณ วันที่ประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ 4.ศาลทั้งหลายคงมีอำนาจดำเนินการพิจารณา และพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมาย และประกาศ คสช. และ5.องค์กรอิสระ และองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ 2550 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

“ประยุทธ์”นั่งหัวหน้าคสช.

เวลา 19.17 น.คสช.ออกประกาศ ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรักษาสงบแห่งชาติ ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้า คสช. พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิณ จั่นตอง ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้า คสช. และพล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นเป็นเลขาธิการ คสช.

คสช.สั่ง18รมต.รายงานตัว

เวลา 19.39 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงคำสั่ง คสช. ที่ 1 /2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัว โดยระบุให้บุคคลที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ มารายงานตัวที่กองบัญชาการรักษาความสงบแห่งชาติ (กองบังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ภายในวันที่ 22 พฤษภาคม ดังนี้1.นายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล 2.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา 3.นายจาตุรนต์ ฉายแสง 4.นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี 5.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล 6.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 7.นายยุคล ลิ้มแหลมทอง 8.นางเบญจา หลุยเจริญ 9.นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ 10.นางปวีณา หงสกุล 11.พลเอกพฤณท์ สุวรรณทัต 12.นายพ้อง ชีวานันท์ 13.นายยรรยง พวงราช 14.นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ 15.นายสนธยา คุณปลื้ม16.นายประดิษฐ สินธวณรงค์17.นายสรวงศ์ เทียนทอง 18.นายประเสริฐ บุญชัยสุข

ห้ามมั่วสุม-ชุมนุมทางการเมือง

เวลาไล่เลี่ยกัน มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว อาศัยอำนาจตามมาตรา 8 และมาตรา 11 แห่งพ.ร.บ.กฎอัยการศึก 2457 จึงห้ามมิให้มั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  สำหรับผู้ที่ชุมนุมทางเมืองในปัจจุบันให้เดินทางกลับภูมิลำเนาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

"สุรชัย" ชี้เป็นบทเรียนนักการเมือง

ด้านนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 กล่าวภายหลังคสช.ก่อรัฐประหารว่า ขณะนี้ได้แจ้งให้สว.ได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและได้ยกเลิกการประชุมสว.ในที่วันที่ 23 พฤษภาคมนี้ไปก่อนเพื่อรอติดตามประเมินสถานการณ์  ทั้งนี้ เห็นว่าน่าเสียดายที่วุฒิสภาได้พยายามทำงานทุ่มเทมาตลอด 2 สัปดาห์แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีใครยอมใครจนต้องมาลงเอยกันแบบนี้ แต่เชื่อว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้คนเหล่านั้นคงเปลี่ยนใจ

“เรื่องนี้เป็นบทเรียนโดยเฉพาะนักการเมืองว่าการเอาชนะคะคานกันจะนำไปสู่จุดดับของประเทศและจะวนเวียนอยู่เช่นนี้ จึงหวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้องต่อจากนี้จะได้ตระหนักและนำไปเป็นบทเรียนต่อไป” นายสุรชัย กล่าว

ทหารบุกคุม”เหลิม”เข้า ร.1รอ.

เมื่อเวลา 20.20 น.แหล่งข่าวใกล้ชิด ร.ต.ท.ดวง อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.แรงงาน เปิดเผยว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าควบคุมตัว ร.ต.อ.เฉลิมแล้วที่บ้านพักย่านบางบอน ซึ่งเป็นการเข้าเจรจาขอควบคุมตัวโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆทั้งนี้อยู่ในระหว่างการนำตัวเข้ารายงานตัวต่อ ศรส.ที่ ร.1 รอ.

คนกรุงโกลาหลรถติดหนึบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์หลังยึดอำนาจ และประกาศเคอร์ฟิวส์ ปรากฏว่าได้เกิดความโกลาหลขึ้นทั่ว กทม.การจราจรบนถนนหลายสายในกทม. ติดขัดอย่างหนัก รวมทั้ง รถไฟฟ้า บีทีเอส ที่ประกาศปิดให้บริการในเวลา 21.00 น. และจะเปิดให้บริการปกติในวันที่ 23 พฤษภาคม เวลา 06.00 น. สร้างความโกลาหลให้ประชาชนต่างรีบเดินทางกลับบ้าน ทำให้การจราจรติดขัดทั่วเมือง  ขณะที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ประชาสัมพันธ์ผู้โดยสารขาออกท่าอากาศยานดอนเมือง ขอให้เผื่อเวลาการเดินทางไปท่าอากาศยาน

“อ๋อย”ยืนยันไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อสอบถามนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรมว.ศึกษาธิการ ซึ่งได้รับสายโดยบอกว่าอยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมยังบอกอีกว่า คงไม่ไปรายงานตัวกับ คสช.แน่นอน อีกทั้งปฎิเสธว่าไม่มีการตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นด้วยตามที่มีกระแสข่าว

สมชาย-เจ๊แดงเผ่นไปเขมร

ทางด้านความเคลื่อนไหวของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสด์ หรือ เจ๊แดง  มีรายงานว่า ได้เดินทางออกนอกประเทศไปกบดานอยู่ที่เขมรกับลูกเขยแล้วส่วนนายนิวัฒน์ธำรง  บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ที่ไม่ยอมลาออก ได้หลบไปกบดานที่เซฟเฮ้าท์แห่งหนึ่ง และยังไม่ได้มีการติดต่อเข้ารายตัวต่อ คสช.แต่อย่างใด

แดงเชียงราย-พะเยาไม่ยอมรับ

ขณะเดียวกัน มีปฎิกริยาจากคนเสื้อแดงหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือที่ออกมาแสดงท่าทีคัดค้านการยึดอำนาจของทหารครั้งนี้ โดย นายธนิต ยุญญนสินีเกษม แกนนำคนเสื้อแดงเชียงราย เปิดเผยว่า  ทางกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงรายไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว

เช่นเดียวกับ กลุ่ม นปช.พะเยาสายฮาร์ดคอร์ นำโดย นายจิระโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล หรือโย เสื้อแดง ซึ่งเป็น นปช.ยุคเริ่มแรกที่ทำงานให้พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งจัดตั้งกลุ่ม นปช.ใหม่ๆ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางนปช.พะเยา ไม่ยอมรับการยึดอำนาจครั้งนี้

ฮาร์ดคอร์เชียงใหม่เตรียมเคลื่อนไหว

นายอภิชาต อินสอน หรือดีเจอ้วน แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ กลุ่มแดงอิสระ กล่าวว่า จะมีการประชุมหารือในกลุ่ม เรื่องของการออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านโดยจะเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์แบบสันติ ไม่มีความรุนแรง เช่น ชูป้าย เดินขบวนรณรงค์ ต่างๆ ซึ่งจะออกมาในรูปแบบไหนนั้น ขออุบไว้ก่อน

สั่งหยุดเรียน3วัน23-25พค.

เมื่อเวลา 20.55 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงประกาศ คสช. ฉบับที่ 8/2557 เรื่องข้อยกเว้นการออกนอกเคหะสถานระบุว่า  ตาม ประกาศ คสช. ฉบับ ที่ 3 ที่ห้ามออกนอกเคหะสถาน เพื่อบรรเทาผลกระทบการประกอบอาชีพ ให้ยกเว้น 1.ผู้ที่เดินทางเข้าออกประเทศ 2.เจ้าหน้าที่พนักงานที่ต้องปฏิบัติงานเป็นห้วงเวลา หรือเป็นผลัด 3.การเดินทางขนส่งสินค้ากิจการห้องเย็น นำเข้าส่งออกสินค้าที่มีอายุจำกัด 4.ผู้มีธุระจำเป็น เช่น ผู้ป่วย 5.ผู้มีกิจธุระจำเป็นอื่นๆให้ขออนุญาตทหารในเขตพื้นที่นั้นๆ

จากนั้นเวลา 21.03 น. คสช. ได้แถลงประกาศ คสช. ฉบับที่ 9/2557 เรื่องให้สถานศึกษาหยุดทำการ โดยให้สถานศึกษาทุกแห่งทั้งของรัฐ และเอกชนหยุดทำการตั้งแต่วันที่ 23 - 25 พฤษภาคม