วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
13 ต.ค.58 ที่ศูนย์บริการประชาชน ฝั่ง ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.คลัง เรื่องขอคัดค้านและขอความเป็นธรรมในการโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน โดยมี นายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงษ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชนเป็นผู้รับเรื่อง
โดยมีข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1.คัดค้านคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 448/2558 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และพร้อบกับกราบเรียนขอความเป็นธรรม ให้ท่านโปรดพิจารณาทบทวนการออกคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 448/2558 ด้วยการออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งกระทรวงการคลังฉบับบดังกล่าว เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ พร้อบกับเพิกถอนการกระทำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการที่เกี่ยวเนื่องกับคำสั่งที่อ้างถึง
2.หากยังคงฝืนดำเนินการตามคำสั่งข้างต้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้นายกฯ กำกับดูแล ควบคุมให้คณะกรรมการฯ ที่ท่านมีคำสั่งแต่งตั้ง ได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์ปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ข้อ 15 โดยเคร่งครัด และให้โอกาส น.ส.ยิ่งลักษณ์ โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานต่อไป
(1).jpg)
ทั้งนี้ นายนรวิชญ์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มองว่าตำแหน่งนายกฯ ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด และไม่อยากให้ฝ่ายบริหารด้วยกันใช้มาตรการทางปกครองในการใช้ ม.57 พ.ร.บ.ปฏิบัติราชการทางปกครอง ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ต้องขอบขอบคุณ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ยกคดีของ นายเริงชัย มะระกานนท์ มาเทียบเคียง ซึ่งจะเห็นได้ว่า คดีของนายเริงชัยนั้น ถูกกล่าวหาว่าจงใจหรือกระทำการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่งคล้ายกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่คดีดังกล่าวภายหลังการสอบสวน จึงมีการฟ้องศาลแพ่ง และไม่ได้มีการใช้มาตรการทางปกครอง เพราะฉะนั้นเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น และพบความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จึงอยากขอให้รัฐบาลใช้กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่กระบวนการทางปกครอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางรัฐบาลเองก็ยืนยันว่าจะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด นายนรวิชญ์ กล่าวว่า มีข้อโต้เถียงอยู่ที่นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 ใช้มา 20 ปี และกว่า 300 คดี เป็นที่น่าสังเกตว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่เคยใช้กับอดีตนายกฯ คนใดเลย เพราะ พ.ร.บ.ดังกล่าวมีคำจัดความว่า นายกฯ ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.นั้น ซึ่งระเบียบสำนักนายกฯ ม.9(1) ระบุว่าคลอบคลุมถึงแค่ระดับรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นคำสั่งการตั้งกรรมการสอบสวน ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมหมาย เป็นผู้ออกคำสั่ง จะถือว่าอดีตนายกฯ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชานายกฯ คนปัจจุบันหรือไม่
"พล.อ.ประยุทธ์ เป็นทั้งนายกฯ และหัวหน้า คสช.ซึ่งมีหมวกถึง 2 ใบ แม้ท่านจะประกาศแล้วว่าจะไม่ใช่ ม.44 แต่ท่านก็มีอำนาจในทางบริหาร จึงอยากบอกว่า ในฐานะฝ่ายบริหารด้วยกัน ความคิดต่างกันในบางบริบทเวลา จึงอยากให้ศาลที่เป็นคนกลางเป็นผู้พิจารณา จะถูกต้องกว่า" นายนรวิชญ์ กล่าว
(1).jpg)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี