11 พ.ย. 58 ที่ห้องพิจารณา 817 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีริบทรัพย์ หมายเลขดำ ปช.1/2555 ที่อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ยื่นคำร้องเมื่อเดือน ก.พ. 55 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ , นางนฤมล หรือเพ็ญพิมล ทรัพย์ล้อม ภรรยา , น.ส.สุทธิวรรณ ทรัพย์ล้อม บุตรสาว , น.ส.สุทธาวรรณ ทรัพย์ล้อม หรือ ปราบใหญ่ บุตรสาว , นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ บุตรเขย และผู้ใกล้ชิดรวม 7 ราย ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 และมาตรา 80 (2) ซึ่งทรัพย์สินมีทั้งสิ้น 19 รายการประกอบด้วย เงินสด 17,553,000 บาท ซึ่งเป็นของกลางในคดีอาญาที่คนร้ายปล้นทรัพย์บ้านนายสุพจน์ หมายเลขดำ 2458/2544 ของ สน.วังทองหลาง , เงินฝากในธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ 9 บัญชี , ทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 10 บาท มูลค่า 260,000 บาท ซึ่งเป็นของกลางในคดีอาญาปล้นบ้านนายสุพจน์ หมายเลขดำ 2458/2544 ของสน.วังทองหลาง , โฉนดที่ดินในกทม. พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และใน จ.นครนายก รวม 6 แปลง , ห้องชุดคอนโดมิเนียมใน กทม. มูลค่า 1.5 ล้านบาท และรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E230 และรุ่น C220 มูลค่า 5.2 ล้านบาท
ทั้งนี้ การยื่นคำร้องดังกล่าว สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบทรัพย์สินนายสุพจน์ หลังจากเกิดเหตุคนร้ายบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ในซอยลาดพร้าว 64 เมื่อค่ำวันที่ 12 พ.ย. 54 ซึ่งผู้ต้องหาที่ร่วมทำผิดคดีอาญานั้น ได้ให้การเกี่ยวกับทรัพย์สินว่า พบเงินสดในบ้านนายสุพจน์ นับร้อยล้านบาท ซึ่งนายสุพจน์ ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต่างๆ ได้ จึงชี้มูลความผิดว่า นายสุพจน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
นายสุพจน์ ได้ยื่นคัดค้านคำร้อง อ้างว่า ทรัพย์สินนั้น ผู้คัดค้าน มีมาแต่เดิมกว่า 10 ปี การขอให้ทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดินเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ทำให้ผู้คัดค้านได้รับความเสียหาย ซึ่งผู้คัดค้านเคยยื่นบัญชีแสดงต่อคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่แสดงความเห็นคัดค้านแต่อย่างใด
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา วันที่ 31 ม.ค. 57 เห็นว่า ข้อกล่าวอ้างของนายสุพจน์ เลื่อนลอย รวมทั้งการโต้แย้งและคัดค้านของนายสุพจน์ ไม่อาจจะนำมารับฟังได้ เช่น การอ้างว่า เข้ารับราชการตั้งแต่ เมื่อ พ.ศ.2520 จนกระทั่งถึงวันยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2545 มาคิดคำนวณแล้วจะเป็นเงินประมาณ 5,000,000 บาทเศษ ก็น่าเคลือบแคลงสงสัยมากขึ้นไปกว่าเดิม เพราะเหตุใดนายสุพจน์ จึงมีทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วจะมีทรัพย์สินรวมกันจนถึงวันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลว่า ร่ำรวยผิดปกติเมื่อปี พ.ศ.2545 มีมูลค่าสูงถึงที่ศาลนำมาวินิจฉัยจำนวน 46 ล้านบาทเศษ ศาลชั้นต้น จึงพิพากษา ให้ทรัพย์สินตามคำร้องของอัยการสูงสุด 19 รายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 46,141,038.83 บาท ของนายสุพจน์ และที่มีชื่อของภรรยา , บุตรสาว และบุตรเขย เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้นนั้น ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 โดยให้นายสุพจน์ ส่งมอบทรัพย์สินต่อกระทรวงการคลัง ต่อมานายสุพจน์และครอบครัวยื่นอุทธรณ์
โดยการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันนี้ ฝ่ายของนายสุพจน์ มีเพียง นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความผู้รับมอบอำนาจ เดินทางมาศาล
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่าทรัพย์ตามคำร้องได้มาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าและเกิดจากความร่ำรวยผิดปกติ จึงต้องสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ที่ศาลชั้นต้น พิพากษาให้ทรัพย์สินรวม 46,141,038 .83 บาท ตกเป็นของแผ่นดินโดยนำบัญชีเงินฝาก 3 บัญชี ที่ปิดแล้วจำนวน 15,857,548.69 บาท หักออกจากมูลค่าทรัพย์สิน ที่ อสส.ยื่นคำร้องนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย เมื่อฟังได้ว่านายสุพจน์ ผู้คัดค้านที่ 1 ร่ำรวยผิดปกติ แม้ภายหลังมีการปิดดังกล่าวแล้วก็ต้องนำเงิน 15,857,548.69 บาท มารวมอยู่ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติด้วย ส่วนรถยนต์ยี่ห้อ VOLK SWAGEN มูลค่า 3 ล้านบาท แม้ไม่มีชื่อของนายสุพจน์เป็นเจ้าของ แต่รับฟังได้ว่ามีการมอบรถให้นายสุพจน์ ใช้อย่างถาวรจึงเป็นทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเกิดจากการร่ำรวยผิดปกติด้วย เมื่อนำทรัพย์สินดังกล่าว กับมูลค่าทรัพย์สินที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จะรวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 64,998,587.52 บาทอุทธรณ์ผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
ศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้รถยนต์ยี่ห้อ VOLK SWAGEN มูลค่า 3 ล้านบาท รวมเข้ากับทรัพย์สินอื่นตามคำสั่งศาลชั้นต้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 64,998,587.52 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ภายหลังทนายความของนายสุพจน์ กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้มีการพิจารณาเพิ่มทรัพย์สิน ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งขณะนี้ได้ขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม เพื่อตรวจดูรายละเอียดที่จะพิจารณาประเด็นยื่นฎีกาต่อสู้ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์เมื่อวันที่ 24 ก.ค.55 ว่านายสุพจน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินซึ่งไม่สามารถชี้แจงที่มาได้จำนวน 64,998,587.52 บาท จึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี