‘พรรคปวงชนไทย’จัดเวทีเสวนาระดมกึ๋น หาทางรอด ‘สงครามกำแพงภาษีทรัมป์‘ ฟังเสียง ‘สภาSMEไทย-นักรัฐศาสตร์’ แนะออกกฎหมายอุ้มผู้ประกอบการไทย เตรียมชงข้อเสนอ ‘นายกฯ’ เร่งแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2568 ที่อาคารสุขอนันต์ จ.สมุทรปราการ พรรคปวงชนไทย จัดเวทีเสวนาประเด็น “สงครามกำแพงภาษีทรัมป์-ไทยจะปรับตัวอย่างไรให้อยู่รอด” โดยมีนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล หัวหน้าพรรคปวงชนไทย และประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย ผู้จัดเสวนา ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ รศ.ดร.ศิพิมพ์ ศรบัลลังก์ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,ดร.ปนิธิ ศิริเขต ที่ปรึกษาทรงคุณวุฒิประจำคณะกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร และนายสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (ประธานสภาSMEไทย) ร่วมพูดคุยเสนอแนะแนวคิดเพื่อเป็นทางออกของประเทศไทย โดย ดร.จิตรกร ลากุล รองหัวหน้าพรรคปวงชนไทย เป็นผู้ดำเนินการเสวนา
โดยนายอนันตชัย คุณานันทกุล ประธานที่ปรึกษาพรรคปวงชนไทย นายภูชิสส์ ศรีเจริญ เลขาธิการพรรค นายวิทยา ติรณะประกิจ รองหัวหน้าพรรค และโฆษกพรรค นายวรฐ สุนทรนนท์ พ.ต.อ.ชัชชัย เศรษฐีพันล้าน รองหัวหน้าพรรค นายสมบูรณ์ บุญยรัตนประภา และนายวิรัตน์ ลีรุ่งเรือง กรรมการบริหารพรรค พร้อมทั้งตัวแทนจากสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย สภาSMEไทย คณาจารย์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยรัชต์ภาคย์ เข้าร่วมเสวนาด้วย
นายเอกสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สร้างความปั่นป่วนในระบบเศรษฐกิจทั่วโลก และกระทบอย่างหนักต่อภาคการส่งออกของไทย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายและผู้ประกอบการในประเทศควรต้องให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยโดยตรง โดยที่ผ่านมาพบว่านโยบายของทรัมป์มีความผันผวนอย่างมาก แต่เชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ในการวางแผนเพื่อให้แต่ละประเทศเข้ามาต่อรอง ซึ่งจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้านั้น ทำให้ผู้ประกอบการทุกระดับได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะภาคธุรกิจ SME จำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาและขับเคลื่อนช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเร่งด่วน และภาคเอกชนต้องเข้ามาช่วยร่วมมือกัน ในฐานะที่ตนเป็นประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย มองว่า ภาคเอกชนต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐด้วยเพื่อขับเคลื่อนไปด้วยกัน ในส่วนของแรงงานไทย ที่คนไทยเก่งไม่แพ้ใคร แต่จะต้องเร่งรีสกิลอัพสกิล พัฒนาฝีมือแรงงานเพิ่มทักษะความรู้วิชาชีพให้สามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้
“การเมืองมีส่วนสำคัญและมีผลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ หากนโยบายของรัฐบาลดี ก็ทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีด้วย วันนี้พรรคปวงชนไทย จึงเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน จากทั้งภาควิชาการ สภาSME ตัวแทนผู้ประกอบการ เยาวชน นักศึกษาซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะในด้านต่าง ๆ และพรรคปวงชนไทยจะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน นำยื่นถึงรัฐบาลให้รับนำไปสู่การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศต่อไป” หัวหน้าพรรคปวงชนไทย กล่าว
รศ.ดร.ศิพิมพ์ กล่าวว่า สงครามภาษีของทรัมป์เกี่ยวข้องโดยตรงกับเศรษฐกิจ การเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จะส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่ต่อทั่วโลกด้วย เพราะมีห่วงโซ่อุปทานและการผลิตเดียวกัน เมื่อเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทุกประเทศจึงต้องลุกขึ้นปกป้องตัวเอง ตามแนวทาง (Protectionism) ยิ่งสหรัฐฯขาดดุลการค้ากับประเทศอื่นมาก ยิ่งต้องตั้งกำแพงภาษีสูง ที่สำคัญในช่วงหลังจากที่จีน เข้ามาเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ทำให้พลิกโฉมเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด เปิดโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ เข้าไปลงทุนในจีนอย่างมาก ทำให้ได้เม็ดเงินลงทุนมหาศาล แต่มีเงื่อนไขต้องถ่ายโอนเทคโนโลยีให้จีน ซึ่งทำให้ทรัมป์มองว่าไม่เป็นธรรม และตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา สหรัฐฯไม่เคยได้ดุลการค้าจากจีนเลย จึงทำให้ทรัมป์ประกาศตั้งกำแพงภาษีทำสงครามการค้ากับจีน เพราะคิดว่าจะสามารถต่อกรกับจีนได้ จึงทำให้เกิดสงครามการค้าขึ้นและส่งผลกระทบต่อทั่วโลกรวมถึงไทยด้วย แต่เมื่อจีนเปลี่ยนมาพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์และใช้เรื่องนี้ตอบโต้สหรัฐในเรื่องการจำกัดการส่งออกแร่แรเอิร์ธให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์จนสามารถทำให้ทรัมป์อ่อนข้อลงยอมเจรจาและประกาศปิดดีลกับจีน โดยให้สัญญาณเชิงบวกในเวลา 90 วัน ทั้งนี้ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจยังตกลงกันได้ก็ตาม แต่ในทางการเมืองจีนกับสหรัฐยังเป็นศัตรูกันอยู่ทำให้ทุกฝ่ายกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่(Great Depression) นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยจะรับมือกับสงครามภาษีของทรัมป์ได้ ผู้นำ หรือผู้กำหนดนโยบาย รวมถึงผู้ประกอบการ ควรจะต้อง Foresight หรือคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และวางแผนรับมือกับนโยบายของทรัมป์แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากเพราะนโยบายทรัมป์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ก็ต้องมีการวางแผนและเตรียมแนวทางเพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
ขณะที่ ดร.ปนิธิ กล่าวถึงสงครามภาษีของทรัมป์ที่ส่งผลกระทบต่อไทย ว่า ผลกระทบต่อภาคการค้า การลงทุนหด การจ้างงานลดลง เพราะผู้ประกอบการต้องลดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนการผลิต หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจึงทำให้มีการเลิกจ้างงานจำนวนมาก รัฐบาลต้องช่วยอย่างมากเร่งแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการ SME ว่าจะปรับตัวอย่างไรให้อยู่ได้ต่อ ที่สำคัญรัฐต้องมองหาตลาดใหม่นอกจากสหรัฐเพื่อช่วยภาคเอกชน ผู้ประกอบการ จึงจะมีทางรอด ซึ่งนอกจากปัญหาภาษีทรัมป์แล้ว ค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นมาอีกทำให้ค่อนข้างกระทบทุกด้าน รัฐบาลต้องช่วยหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง สภาองค์การนายจ้างฯ ที่อยู่ในคณะกรรมการไตรภาคีเรื่องค่าจ้าง สิทธิการจ้างงานต้องมีการพูดคุยกันก่อนจะเลิกจ้าง เพื่อหาแนวทางพัฒนาและส่งต่อแรงงานฯลฯ แต่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายเรื่องการบูรณาการในการดูแลแรงงาน ส่วนภาษีทรัมป์ รัฐบาลไทยต้องมีการเจรจาหลายรอบกว่าจะเห็นผลซึ่งต้องใช้การเมืองเข้ามาร่วมด้วย
ส่วนนายสุปรีย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีโอกาสที่ดีหลายอย่างในการเป็นศูนย์กลางอาเซียน แต่ยังไม่ใช้โอกาสนั้น ทุกวันนี้สินค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ถูกนำเข้ามาจากจีน ซึ่งการคุกคามจากจีนเข้ามาอย่างรวดเร็วจนคนไทยตั้งตัวไม่ทัน กระทบกับสินค้าไทย ผู้ประกอบการ SME ไทยอย่างหนัก แต่ปัญหาของเราคือไม่มีการส่งเสริมด้านเทคโนโลยี จึงทำให้ AI เข้ามาทดแทนแรงงานคน แต่มองว่าเป็นโอกาสของ SME ไทยโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มองโลกรอบด้านสามารถสั่งการ AI ได้ ดังนั้นเทคโนโลยีไทยต้องขยับตาม วันนี้ไทย มีปัญหาเดียวกันกับสหรัฐอเมริกาทีต้องต่อสู้กับจีน แต่รัฐบาลไทยไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้เหมือนอย่างสหรัฐทำ รัฐบาลไม่มีการหาทางเลือกใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการ เช่น กลุ่มประเทศตะวันออก ละตินอเมริกา แต่มุ่งเน้นเลือกแค่สหรัฐฯ เพราะมองว่าเป็นประเทศใหญ่ ปัญหาของเราคือวิธีคิดของผู้นำ วันนี้โลกมีความเชื่อมโยงกันทุกเรื่องสัมพันธ์กันทั้งการเมือง เศรษฐกิจ การซื้อขายช็อปปิ้งออนไลน์จึงเป็นโอกาสของ SME
ซึ่งจีนใช้โอกาส และความได้เปรียบนี้ เชื่อมโยงโลกเข้าเป็นหนึ่งเดียว ผ่านแพลตฟอร์ม Tiktok เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงคนทั้งโลกได้ เป็นกลไกเศรษฐกิจใหม่จากจีน ทำให้เฟซบุ๊ค อินสตราแกรม อยากจะเป็นเหมือน Tiktok สิ่งที่Meta ต้องการเชื่อมโยงคน สหรัฐฯจึงพยายามใช้ทุกวิธีการเพื่อกีดกัน Tiktok ในสหรัฐ เพราะมองเห็นว่าจีนกำลังสร้างระบบการค้าใหม่ สร้างแพลตฟอร์มให้เป็น e-Commerce ของตัวเองเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศได้มากที่สุด ดังนั้น ไทยจึงต้องเปลี่ยนความคิด เราต้องสร้าง Market Place ใหม่ เพราะเราเป็นภาคการผลิตแต่อาศัยหน้าร้านคือแพลตฟอร์มของคนอื่น จึงเกิดสภาพถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบตลอดซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ ไทยต้องมีกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าออนไลน์ กฎหมายควบคุมตลาดดิจิทัล ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือต้องปรับปรุงและออกกฎหมายช่วยคุ้มครองผู้ประกอบการไทยและปกป้องพลเมือง สิ่งที่ SME ไทยกังวลคือการออกกฎหมายยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพต่ำจะทำให้สินค้าจีนทะลักเข้ามาตีตลาดไทยอย่างหนัก
สำหรับ ข้อเสนอในเวทีเสวนาครั้งนี้ ทางพรรคปวงชนไทยจะสรุปรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอจากตัวแทนผู้ประกอบการSME ภาคแรงงานและภาคส่วนต่างๆ เป็นตัวแทนประชาชนเพื่อยื่นต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในลำดับต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี