1.ในพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 มาตรา 51(2) กำหนดให้เทศบาลอาจมีอำนาจหน้าที่จัดทำกิจการโรงฆ่าสัตว์ได้ในเขตเทศบาล โดยดำเนินการเองตั้งแต่ต้นจนให้บริการสู่ประชาชน หากต่อมาเทศบาลจะมอบให้เอกชนเข้ามาดำเนินการแทนเทศบาลนั้น จะกระทำได้ หรือไม่ประการใด
2.ในพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 มาตรา 22 บัญญัติว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาจมอบให้เอกชนดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่แทนได้ ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงแต่ขณะนี้ยังไม่ออกกฎกระทรวงตามมาตรา 22 เพื่อการนี้แต่ประการใด
3.ประเด็นปัญหาของครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เทศบาลได้ดำเนินการก่อสร้างโรงฆ่าสัตว์ และได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2535 แต่การดำเนินกิจการดังกล่าวปรากฏว่า ที่ผ่านมาขาดทุนโดยตลอด เทศบาลจึงประสงค์จะให้เอกชนประมูลกิจการโรงฆ่าสัตว์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2543 ข้อ 15 ที่ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีเทศบาลจะจัดหาประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ ให้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดเกี่ยวกับอัตราค่าเช่าที่เหมาะสม จึงหารือว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่เพียงใด
4.ประเด็นนี้ คณะกรรมการร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ 1 พิจารณาแล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า มาตรา 51(2) แห่งพ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 บัญญัติให้เทศบาลตำบลอาจจัดให้มีโรงฆ่าสัตว์ในเขตเทศบาลได้ แต่โดยที่กฎหมายใช้คำว่า “อาจจัดให้มี” จึงไม่ใช่ภารกิจที่บังคับให้เทศบาลต้องดำเนินการ แต่ให้พิจารณาตามความเหมาะสม
ส่วนกรณีการมอบอำนาจให้เอกชนดำเนินกิจการนั้นแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น มาตรา 22 ได้กำหนดว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจมอบให้เอกชนดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่แทนได้ทั้งตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
สำหรับกรณีตามที่หารือนั้น โรงฆ่าสัตว์เป็นกิจการที่เปิดโอกาสให้เอกชนสามารถดำเนินการเองได้เมื่อได้รับใบอนุญาตจึงไม่ใช่การมอบอำนาจให้ดำเนินกิจการแทนตามมาตรา 22 หากเทศบาลเห็นว่ากิจการโรงฆ่าสัตว์ไม่คุ้มค่าและประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ ก็ย่อมสามารถเลิกกิจการดังกล่าวได้ แล้วเทศบาลจะนำโรงฆ่าสัตว์ไปจัดหาผลประโยชน์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ก็สามารถกระทำได้ (มติที่ประชุมครั้งที่ 14/2559 วันที่ 23 ธันวาคม 2558)
5....ใครรับผิดชอบตามมาตรา 22 ข้างต้น ก็รีบจัดการเข็นกฎกระทรวงฉบับนี้ออกมาด้วยครับ...16 ปีแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี