22 เม.ย.59 ผู้สื่อข่ารายงานว่า ตามที่คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำหน้าที่แทน อ.ก.พ.กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พิจารณาโทษทางวินัย นายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาธิการ กพฐ.และนายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ.กรณีการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีมีความจำเป็น หรือมีเหตุพิเศษ ว12
โดยที่ประชุม อ.ก.พ.สพฐ.เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ได้มีมติเห็นด้วยกับคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงให้ลงโทษปลดออกจากราชการ นายชินภัทร และนายไกร กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นผลให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85 (7) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ทั้งนี้ หลังจากนายชินภัทร และ นายไกร ได้รับหนังสือคำสั่งปลดออกแล้ว สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ในวันนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา กล่าวว่า หลังจากที่ อ.ก.พ.สพฐ.มีมติปลดออกจากราชการ นายชินภัทร และ นายไกร ไปเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้วนั้น ขั้นตอนต่อจากนี้ทาง สพฐ.จะต้องไปดำเนินการในการยกร่างคำสั่งปลดออกจากราชการในส่วนของนายชินภัทร มาให้ตนเซ็นลงนามในคำสั่งตามอำนาจในการลงนาม ส่วนกรณีของนายไกรนั้น เป็นอำนาจของ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการ กพฐ.เป็นผู้ลงนามคำสั่ง และเมื่อลงนามในหนังสือคำสั่งแล้ว สพฐ.ก็จะแจ้งไปยังนายชินภัทร และนายไกร ให้รับทราบมติปลดออก ซึ่งขณะนี้ร่างหนังสือคำสั่งยังไม่ส่งมาถึงตน คาดว่า สพฐ.จะส่งมาให้เร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนายไกร ที่ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งปลดออกจากราชการ ก็จะพ้นจากความเป็นข้าราชการ แต่ระหว่างนี้ ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ สพฐ.จะไปดำเนินการ
"ส่วนที่นายชินภัทร ยืนยันว่าที่ผ่านมาทำงานตามขั้นตอนและตามอำนาจหน้าที่นั้น ที่ผ่านมานายชินภัทร ก็ชี้แจงมายังคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯเป็นระยะๆ แต่จากคำชี้แจงเมื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ พิจารณาแล้ว ก็มีข้อมูลที่สามารถหักล้างได้ ผมก็พิจารณาไปตามนั้น ซึ่งนายชินภัทร และนายไกร ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ส่วนการวางมาตรการลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตนั้น ผมมองว่าการพิจารณาโทษผู้ที่กระทำการทุจริต หรือส่อไปในทางทุจริต ควรจะต้องทำโดยเร็ว หากทำช้าโดยไม่สมเหตุสมผลถือเป็นการลงโทษคนดี แต่หากทำเร็วเกิดไปและลงโทษผิดคนจะเลวร้ายกว่า ดังนั้น ทุกอย่างต้องมีความพอดี ส่วนกรณีนายชินภัทร และนายไกร ผมถือว่าพิจารณาช้าไปเพราะเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 และเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย" พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ตนมีแนวคิดว่าในอนาคตการสอบครูผู้ช่วยจะใช้ข้อสอบกลาง เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยให้สำนักงานทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เป็นผู้ออกข้อสอบนั้น แต่เมื่อมาดูปัญหาที่เกิดขึ้นในสมัยที่นายชินภัทร ใช้วิธีออกข้อสอบจากส่วนกลางเช่นกัน แต่ตนก็จะยังไม่เลิกล้มความคิดนี้ จะถือเป็นบทเรียนและจะต้องศึกษารายละเอียดช่องว่างให้มากขึ้น รวมถึงการแต่งตั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การบริหารงานบุคคลเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ดังนั้น จะขอรอดูการบริหารงานก่อน ว่า กศจ.จะสามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างไร
"เคสนี้ให้ถือเป็นบทเรียน แต่ผมยังไม่ได้ล้มเลิกความคิดที่จะใช้ข้อสอบกลาง ซึ่งที่ผ่านมาการจัดสอบครูผู้ช่วยฯจะเห็นได้ว่าทุกฝ่ายพยายามอุดช่องว่างที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาได้อย่างดี เรื่องร้องเรียนแทบไม่ปรากฏ ส่วนการตัดสินลงโทษปลดออกจากราชการอดีตผู้บริหารศธ.จะถือว่ารุนแรงหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าไม่ว่าจะตัดสินลงโทษอะไร ไม่ว่าจะภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ชีวิตราชการก็รุนแรงทั้งสิ้น และไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น" พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
ขณะที่ นายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ.กล่าวว่า ขณะนี้ สพร.กำลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพื่อยกร่างคำสั่งปลดออกจากราชการ โดยจะต้องตรวจสอบความถูกต้องทั้งถ้อยคำและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ และเลขาธิการ กพฐ.ลงนาม โดยคาดว่าจะเสนอได้ภายในสัปดาห์หน้า ในส่วนของนายไกร ขณะนี้ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผอ.สำนักติดตามฯ ตามปกติ จนกว่าจะได้รับทราบคำสั่งปลดออกจากราชการอย่างเป็นทางการและลงนามรับทราบคำสั่ง เมื่อนั้นจึงจะถือว่าพ้นจากความเป็นข้าราชการทันที
ขณะที่นายชินภัทร กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งปลดออกจากราชการ ดังนั้น จึงต้องรอดูคำสั่งดังกล่าวจากทางกระทรวงศึกษาฯ ก่อน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ชี้แจ้งตามข้อร้องเรียนทุกอย่างแล้ว ขณะนี้จึงขออยู่นิ่งๆ เพื่อรอพิจารณาหนังสือคำสั่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี