28 ก.ย.59 ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.598/2557 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัยวัฒน์ ทองมูล อายุ 57 ปี และนายอรุณ ฉายาจันทร์ อายุ 49 ปี 2 แนวร่วมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง , ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องสรุปว่า ก่อนวันที่ 12 เม.ย.52 กลุ่ม นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้จัดการชุมนุมหลายพันคนบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยจำเลยทั้งสองกับพวกอีกหลายคน ซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง และมี นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน กับพวกอีกหลายคน เพื่อขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) โดยอ้างว่าเป็นรัฐบาลที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาแกนนำผู้ชุมนุมได้สั่งการ ยุยงปลุกปั่น ผ่านเครื่องขยายเสียง ให้จำเลยทั้งสองกับพวกผู้ชุมนุมหลายพันคน เคลื่อนขบวนปิดล้มกระทรวงมหาดไทย เพื่อจับตัวนายอภิสิทธิ์ และขัดขวางไม่ให้ใช้กระทรวงมหาดไทยเป็นสถานที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และปริมณฑล โดยจำเลยทั้งสองได้กำลังประทุษร้ายร่างกาย รปภ.และผู้ติดตามได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมทั้งใช้ก้อนหินขว้างทำลายรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่มี นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) นั่งอยู่ในรถ จนได้รับความเสียหาย 1,414,887 บาท เหตุเกิดที่ แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร และแขวงดุสิต เขตดุสิต กทม.ขอให้ลงโทษตามความผิดด้วย จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 3 คน เบิกความตามเหตุการณ์ที่พบเห็น โดยจำเลยทั้งสองรับว่าได้เข้าร่วมชุมนุม และได้เข้าไปในกระทรวงมหาดไทยด้วย จึงเป็นตัวการร่วมในการกระทำผิด
ส่วนที่จำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่า เดินตามกลุ่มผู้ชุมนุมได้เปิดประตูรั้วและเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย เห็นว่าวันเกิดเหตุได้มีการประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ และได้ปิดทำการสถานที่ราชการ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความชอบธรรมที่จะเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองที่ได้ตามผู้ชุมนุมที่พังประตูรั้วเข้าไปเพื่อจะรวมกลุ่มกับผู้ชุมนุม จึงเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร
พยานโจทก์จึงรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคแรก , 364 , 365 ประกอบมาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ จำคุกคนละ 6 เดือน , ฐานร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ จำคุกคนละ 3 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปี 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 2 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายความจำเลยยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นโฉนดที่ดินย่าน จ.ปทุมธานี พร้อมเงินสด รวมมูลค่า 3 แสนบาทเศษ เป็นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราว นายชัยวัฒน์ จำเลยที่ 1 โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นควรส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้วินิจฉัย เพื่อมีคำสั่งว่าจะอนุญาตปล่อยชั่วคราวหรือไม่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนนายอรุณ จำเลยที่ 2 ไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ดังนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวจำเลยทั้งสองไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี