16 ส.ค.61 นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม กกต. เมื่อวานนี้(31ก.ค.)ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 77 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกใช้เวลานาน เพราะต้องดูในหลายเรื่อง เช่น มีประสบการณ์ผ่านงานเลือกตั้งมาหรือไม่ เนื่องจากต้องไปควบคุมดูแลการทำงานของกรรมการประจำหน่วย และหากพบว่ามีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ต้องมีการรายงานให้กับ กกต.ทราบ
นายศุภชัย กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้เร่งดำเนินการพิจารณา ทั้งที่กำลังจะมี กกต.ชุดใหม่เข้าทำหน้าที่เพราะเราเห็นว่าถ้าจะมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้า หากรอให้ชุดใหม่มาคัดสรรอาจจะดำเนินการไม่ทัน เนื่องจากตามกระบวนการ เมื่อได้รายชื่อแล้วจะต้องมีการส่งไปยังจังหวัด เพื่อปิดประกาศรายชื่อ เปิดโอกาสให้มีการคัดค้าน ถ้าพบว่ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสม เช่น ไม่เป็นกลางทางการเมือง ฝักใฝ่การเมือง มีคดี ต้องโทษที่อาจไม่เหมาะสมกับการที่จะเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็ต้องมีการคัดเลือกใหม่ แต่หากไม่มีผู้คัดค้าน กกต.ก็ต้องทำการอบรม ให้มีความรู้ความเข้าใจ เรื่องข้อกฎหมาย และการปฎิบัติต่างๆ ไม่อยากให้มองว่าเร่งพิจารณาเพราะต้องการวางคนของตนเอง แต่คนจะเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งต้องสมัครผ่านจังหวัดต่างๆ และต้องเป็นคนที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้นๆ
“เราคงไม่สามารถจะมีคนของตัวเองที่มีภูมิลำเนาใน 77 จังหวัดได้ ในความคิดเราต้องทำให้ดี เราจะทำไม่ดีไปเพื่ออะไร ก่อนจะพ้นจากหน้าที่เราต้องทำความดี ไม่ใช่เราเลิกจากตรงนี้แล้ว สุดท้ายต้องไปอยู่ในที่จำกัด เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อย่าคิดว่าเขาปลดเราแล้ว เราก็นั่งกินเงินหลวงฟรีไปวันๆ มันไม่ใช่เรื่อง ต้องทำงานคุ้มค่า อันไหนเป็นประโยชน์บ้านเมืองเราก็ต้องทำ”นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย ยังกล่าวว่า ไม่อยากให้คิดว่า การที่เลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งไว้แล้ว ทำให้นักการเมืองไปซื้อตัวไว้ล่วงหน้า อย่างไปมองอะไรในแง่ร้าย ถ้าเขาสมัครเข้ามา แล้วยอมที่จะขายตัวก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าอยากไปอยู่ในที่จำกัด เราต้องมองโลกในแง่บวก อย่ามองในแง่ร้าย ต้องมองว่าเขามาสมัคร เพราะอยากทำความดี แต่โดยรวมแล้วผู้ตรวจการเลือกตั้งจะใช้งบประมาณมากว่า กกต.ประจำจังหวัด แต่เมื่อกฎหมายกำหนดมาเช่นนี้เราก็ต้องปฎิบัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต.เมื่อวานนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งทั้ง 77 จังหวัดแล้ว จากบัญชีที่แต่ละจังหวัดคัดเลือกส่งมาจังหวัดละ 16 คน เพื่อให้ กกต.กลางพิจารณาเลือกให้เหลือจังหวัดละ 8 คน รวม 616 คน โดยมีรายงานว่าการพิจารณาของ กกต.เมื่อวานนี้เป็นการลงคะแนน ในการประชุมลับที่มีเพียง กกต. 4 คน และลงคะแนนลับเป็นรายจังหวัด ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักงาน ก็จะจัดทำบัญชีผู้ที่ได้รับการคัดเลือก และส่งไปยังสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด 77 แห่ง เพื่อประกาศเป็นเวลา 15 วัน ให้ประชาชนได้รับทราบและสามารถให้ข้อมูล
ทั้งนี้ หากพบว่าผู้ที่ได้รับการคัดเลือกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะที่จะมาเป็นหูเป็นตาในการตรวจสอบ ติดตามการเลือกตั้ง หากไม่มีการคัดค้าน ทาง กกต.ก็จะประกาศขึ้นบัญชีเป็นเวลา 5 ปี ให้บุคคลทั้งหมดเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง แต่หากมีบุคคลใดถูกร้องเรียนและพบว่ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสม ก็จะต้องดำเนินการคัดเลือกใหม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่มีเลือกตั้งเกิดขึ้น กกต.กลางจะใช้วิธีการจับฉลาก เพื่อเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งจำนวน 2 คน จาก 8 คน เป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดนั้นๆ และอีก 6 คน ก็จะจับฉลากเลือกจากผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ขึ้นทะเบียนไว้ จากกลุ่มจังหวัดเดียวกัน มาร่วมเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งของจังหวัดนั้น ๆ โดยจะมีระยะเวลาการทำงานในช่วงที่มีการเลือกตั้ง ประมาณ 60 วัน โดยจะรับค่าตอบแทน 5 หมื่นบาทต่อเดือน ค่าเบื้ยเลี้ยง 400 บาทต่อวัน ค่าที่พัก 1,500 บาทต่อวัน และค่าพาหนะ 1,000 บาทต่อวัน
อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกดังกล่าวถูกตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม เพราะกกต.ชุดปัจจุบันทราบดีอยู่แล้วว่ามี 5 ว่าที่ กกต.แล้ว รวมทั้งก่อนหน้านี้ กกต.ก็เคยวางแนวปฎิบัติไว้ว่าจะดำเนินการเพียงขั้นตอนการรับสมัคร แล้วให้ กกต.ชุดใหม่เป็นผู้คัดเลือก ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เกษียญอายุจากสำนักงาน กกต. และบางคนเป็นผู้ตรวจที่กำลังจะเกษียณอายุ รวมทั้งบุคคลที่รู้จักใกล้ชิดกับ กกต.ทั้ง 4 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี