27 ก.ย.61 เมื่อเวลา 17.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานพระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายถาวร เสนเนียม และคณะกล้าเปลี่ยนเพื่อประชาชน เดินทางมาทำพิธีพราหมณ์ถวายเครื่องสังเวยและบวงสรวงองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่ามกลางประชาชนที่มาให้กำลังใจและคอยต้อนรับไม่ต่ำกว่า 300 คน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบคอยดูแลความสงบเรียบร้อย
จากนั้นได้มีการแนะนำตัวสมาชิก อาทิ นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย และนายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร อดีต ส.ส.นครสวรรค์ 2 สมัย เป็นต้น
นพ.วรงค์ กล่าวว่า วันนี้เรามาทำพิธีบวงสรวงขอพรจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์คู่แผ่นดินเมืองสองแคว เป็นสถานที่ศักสิทธิ์ ตนต้องการสื่อกับประชาชนว่า เรามาทำหน้าที่นี้ด้วยหัวใจ และความตั้งใจจริง พวกเรากล้าสาบานได้เลยว่าถ้าสิ่งที่พูดไม่เป็นความจริงขอให้มีอันเป็นไป
ขณะนี้ประเทศมีวิกฤต และประเทศมีปัญหา ประชาชนก็ฝากความหวังไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังเกิดวิกฤต สถานการณ์ที่ผ่านมาไม่ค่อยจะดี เราพ่ายแพ้การเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่องนับสิบปี กระแสนิยมตกต่ำ มีคนวิพากษ์วิจารณ์พวกเราหลายอย่าง ล่าสุดก็คือเลือดไหลออกไม่หยุด
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า มีคนวิพากษ์วิจารณ์พวกเราด้วยว่า สร้างภาพ ดีแต่พูด ไม่กล้าตัดสินใจ จุดที่เลวร้ายที่สุดก็คือถูกคู่ต่อสู้ทั้งในและนอกสภา ชี้หน้าประณามหยามว่า พวกขี้แพ้ ซึ่งตนยอมรับไม่ได้ แม้ว่าในอดีตนั้นตนจะไม่ได้มีหน้าที่วางแผนการต่อสู้เพื่อให้ชนะการเลือกตั้งก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้พบกับพี่น้องประชาชน ทุกคนฝากความหวังไว้ที่พรรคประชาธิปัตย์ ในการนำพาประเทศ โดยถามว่า เมื่อไหร่พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเปลี่ยนแปลงเสียที เราก็รอผู้กล้าปรากฏตัว แต่ก็ไม่มีเลย
"จนวันนี้ทีมหมอวรงค์ได้หารือกันแล้ว เห็นว่าเรามีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงพรรคให้เป็นพรรคของประชาชน และขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่ความเข้มแข็ง ความยิ่งใหญ่ และชัยชนะในการเลือกตั้งต่อไป" นพ.วรงค์ กล่าว
จากนั้น นพ.วรงค์ ได้กล่าวถึงความฝันนโยบายที่จะทำ หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ การสร้างผู้นำเป็นลำดับชั้น โดยเฉพาะจะเพิ่มบทบาทของประธานสาขาพรรคต้องอยู่ระดับแถวเดียวกับกรรมการบริหารพรรค หรือรัฐมนตรี พัฒนาประเทศให้เทียบเท่าสิงคโปร์ ปราบการทุจริต จะไม่ร่วมมือกับพรรคที่ตั้งใจเข้ามาโกงกินอย่างเด็ดขาด เปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา อีก 20 ปีข้างหน้า เด็กไทยต้องพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง จัดการหนี้คนจน น้ำ และหาที่ทำกินให้ทุกครัวเรือน
นอกจากนี้ จะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ให้มีการเลือกผู้ว่าฯ จัดตั้งองค์กรตรวจสอบการทุจริตระดับท้องถิ่น ตั้งมหานครใหม่ที่ไม่ใช่มีแต่กรุงเทพฯ กับพัทยา แต่ต่อไปต้องมีมหานครเมืองใหญ่ทุกมุมเมือง อาทิ มหานครพิษณุโลก เชียงใหม่ นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี ส่วนระบบขนส่งมวลชนต้องเชื่อมต่อกันทั้งหมด
"ความฝันของผมทั้งหมดจะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ต้องชื่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม วันนี้พวกเรายังเป็นรองแชมป์อยู่ ถ้าอยากจะชนะแชมป์ ผมต้องทำงานหนักอย่างน้อย 5 เท่า และผมพร้อมทีมงานขอเสนอตัวชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" นพ.วรงค์ กล่าว ท่ามกลางเสียงปรบมือให้กำลังใจ พร้อมตะโกนโห่ร้องออกมาอย่างล้นหลาม พร้อมมีการถ่ายรูปกับพี่น้องประชาชนและมอบดอกกุหลาบกับกลุ่มทีมกล้าเปลี่ยนเพื่อประชาชนในครั้งนี้ด้วย
หลังจากนั้น นพ.วรงค์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ตนพร้อมในการชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้พรรคกลับมาพัฒนาประเทศอีกครั้ง ซึ่งถึงว่าฐานเสียงของตนจะเป็นรองแชมป์เก่า (หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน) อยู่แล้ว แต่ตนพร้อมในการพัฒนาพรรค โดยฝันว่าในการพัฒนาพรรค จะต้องสร้างสาขาพรรรคให้มีบทบาทและเข้ามาพัฒนาพรรคมากขึ้น ซึ่งอนาคตจะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าชั้นนำของเอเชีย โดนหากไหนไม่โกงก็สามารถร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการพูดเรื่องต่างๆ ในครั้งนี้จะถือว่าไปตีความเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ผิดกฎหมายในช่วงนี้ นพ.วรงค์ กล่าวว่า เขาพูดถึงเรื่องความฝันที่เราจะทำ และเข้าใจกฎหมายอยู่ ไม่ใช่เป็นการหาเสียง เป็นแค่ความฝันของตนเองอยู่ว่าอยากจะทำอย่างโน้น อย่างนี้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว มีความเป็นไปได้หรือไม่ในการร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ นพ.กล่าว กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องอีกไกล ตนคิดว่า จริงๆ แล้วพรรคเรามีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งอนาคตก็ยังไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร
"ผมขอบอกว่าวิธีคิดของตนนั้นไม่เหมือนสื่อมวลชน คือเปลี่ยนโจทย์ใหม่ว่า ต้องชนะ เพื่อเป็นคนเลือกว่าจะเอาใครมาร่วมงานด้วย และผมขอประกาศว่าพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกด้วย และไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรีอย่างเดียว ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีชั้นนำของหลายประเทศ" นพ.วรงค์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี