"จุรินทร์"ชี้เลือกตั้ง2562คสช.เป็นผู้คุมการเลือกตั้งไม่ใช่กกต. ชี้เปลี่ยนผ่านจากการยึดอำนาจโดยกำลังมาเป็นการยึดอำนาจโดยรัฐธรรมนูญ หวั่นมีโอกาสเกิด"พฤษภาทมิฬภาค2"
14 ธ.ค.61 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในเวทีการอภิปรายเรื่อง "การเมือง เศรษฐกิจ หลังเลือกตั้ง 62" ในงาน "THAILAND Smart Money" ของเครือหนังสือพิมพ์ดอกเบี้ย ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ในการตอบคำถามเรื่องสถานการณ์การเลือกตั้ง'62 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตยหรือไม่?
โดย นายจุรินทร์ กล่าวว่า การเลือกตั้ง'62 ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตย แต่จะเป็นแค่การเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์การยึดอำนาจด้วยกำลังทหาร ไปสู่การยึดอำนาจด้วยรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หรือที่เรียกกันว่า "การสืบทอดอำนาจ" มากกว่า
ขอย้ำว่า การเลือกตั้ง'62 จะเป็นการเลือกตั้งภายใต้ประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ เพราะผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะควบคุมการเลือกตั้งยังเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ใช่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และมาตรา 44 ก็ยังอยู่ตลอดการเลือกตั้ง ส.ส.การเลือกประธานสภา การเลือกนายกรัฐมนตรี ไปถึงการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพ้นต่อเมื่อรัฐบาลใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเท่านั้น
และสภาวการณ์เช่นนี้ยังจะอยู่ต่อไปอย่างน้อย 8 ปี หรือ 2 รัฐบาลเป็นอย่างน้อย เพราะบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญบังคับไว้ ซึ่งไม่ใช่บังคับเฉพาะเลือกตั้ง'62 ครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังบังคับไปถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไปหลังจาก 4 ปี ของสภาชุดปี'62 อีกด้วย ซึ่งเลือกตั้งครั้งถัดไปหากอยู่ครบ 4 ปี ก็เท่ากับว่าสภาวการณ์ครึ่งใบยังสามารถอยู่ต่อไปได้ถึงอย่างน้อย 8 ปีนั่นเอง นอกจากจะมีการแก้รัฐธรรมนูญเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นไปได้ยาก เพราะรัฐธรรมนูญนี้กำหนดเงื่อนไขให้แก้ยากยิ่ง นอกจากใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาแล้ว ยังต้องเห็นฟ้องต้องกันระหว่าง ส.ส. , รัฐบาล , ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา อีกทั้งยังต้องทำประชามติอีกด้วย การเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญนี้จึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งดังกล่าว
ส่วนคำถามที่ว่า การเลือกตั้ง'62 จะเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างประเทศหรือขั้นตอนใหม่ของความขัดแย้งที่สั่งสมมาตลอด 4 ปีนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นได้ทั้ง 2 อย่าง หากเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย การสร้างประเทศก็เริ่มต้นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปที่ คสช.บังคับไว้ ไม่งั้นจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีโทษทางอาญา
ส่วนจุดเริ่มต้นความขัดแย้งใหม่จะเกิดได้เมื่อมีการบังคับเลือกข้าง ข้างแพ้ไม่ยอมรับ หรือการเลือกตั้งไม่ยุติธรรม มีการโกงเลือกตั้ง ใช้อำนาจรัฐเอื้อบางพรรคการเมืองสู่การสืบทอดอำนาจ ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทุความขัดแย้งถึงขั้นเกิด "พฤษภาทมิฬ ภาค2" ได้
ส่วนคำถามเรื่องความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจฝืดเคือง รวยกระจุกจนกระจายนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทุกคำถามที่ถามเป็นจริงทุกข้อ เพราะนโยบายที่ผิดทางของรัฐบาล ทั้งนโยบาย "ประชารัฐ" ที่เอื้อทุนใหญ่ไม่กี่ราย และนโยบาย "ประชานิยมเรียกพี่" ที่มุ่งแต่ลด แลก แจกปลาอย่างเดียว นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวขึ้น จน "เครดิต สวิส" จัดลำดับไทยเป็นประเทศเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก และแม้รัฐบาลจะออกมาโต้ว่าใช้ฐานข้อมูลเก่าปี 2549 เป็นฐาน แต่รัฐบาลกลับไม่บอกว่าตัวเลขการถือครองทรัพย์สินหรือความมั่งคั่งของคนรวยสุด 1% ของประเทศไทยที่ถือครองความมั่งคั่งสูงถึง 66.9%นั้น "เครดิต สวิส" ใช้ตัวเลขการถือครองทรัพย์สินที่นิตยสาร Forbes ประเมินทุกปีรวมถึงปีนี้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี