“กกต.”ยัน “ทษช.” ใช้รูปแคนดิเดตนายกฯขึ้นป้ายหาเสียงได้ทันที เชื่อทุกพรรคการเมืองรู้ดีอะไรทำได้-ไม่ได้ ส่อไม่มีอำนาจตรวจคุณสมบัติ ส่วนคำร้อง“ไพบูลย์”เป็นประเด็นนำสถาบันมาใช้หาเสียง ไม่ใช่ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ
8 ก.พ. 62 เมื่อเวลา 15.45 น. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แถลงภาพรวมการรับสมัครส.ส.ระบบแบ่งเขต (ข้อมูล ณ เวลา 15.00 น. )ในวันนี้ ซึ่งเปิดรับสมัครเป็นวันที่ 5 ว่า ทั่วประเทศ มีผู้สมัครแบบแบ่งเขต 985 คน รวมยอด 5 วัน จำนวน 10,207 คน จำนวน 78 พรรค และมีพรรคการเมืองยื่นสมัครแบบบัญชีรายชื่อ 34 พรรค รับไว้ 22 รวม 5 วัน จำนวน 57 พรรค ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างดำเนินการอีกจำนวนหนึ่ง ในส่วนของการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีมีพรรคการเมืองยื่นเสนอ 33 พรรค จำนวน 5- รายชื่อ โดยในวันที่ 15 ก.พ.นี้ กกต.จะประกาศรายชื่อ แจ้งเป็นผู้มีสิทธิสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมกกต.ยังได้พิจารณากรณีร้องให้ลบหรือแก้ไขการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีมติให้ลบเปลี่ยนแปลง แก้ไข การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นการใส่ร้ายตามที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ร้องเรียน และหลังจากนี้พิจารณาตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าเรื่องดังกล่าว เกี่ยวข้องกับผู้สมัคร พรรคการเมืองหรอผู้ใด หากพบว่ามีความผิดของบุคคลทั่วไป กกต.จะดำเนินคดีอาญา แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับผู้สมัครจะพิจารณาตัดสิทธิสมัคร หากเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอาจมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค อย่างไรก็ตาม อยากเตือนไปถึงผู้ใช้โซเชียลมีเดียในการหาเสียงขอให้ระมัดระวังการหาเสียงที่จะเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสี เพราะอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าเป็นความผิดมีโทษสูงทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายณัฐฏ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการกกต. กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ว่า การตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.เขตเป็นอำนาจของผอ.กกต.เขต ส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อ กฎหมายก็เขียนชัดว่า เป็นอำนาจของ กกต. แต่สำหรับคุณสมบัติของผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ กกต.ยังเห็นว่า เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า กกต. มีอำนาจพิจารณาหรือไม่ หรือมีอำนาจเพียงประกาศรายชื่อตามที่พรรคเสนอมา แต่เบื้องต้นเท่าที่อ่านกฎหมาย น่าจะมีอำนาจแค่ประกาศ แต่ทั้งนี้ทางสำนักงานฯกำลังศึกษาข้อกฎหมายทั้งหมด และจะเสนอต่อที่ประชุม กกต. พิจารณาในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม หาก กกต.เห็นว่า กฎหมายให้อำนาจ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติได้ ก็จะนำคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. มาเป็นหลักในการพิจารณา เพราะเป็นคุณสมบัติเดียวกัน ร่วมกับคุณสมบัติของรัฐมนตรี รวมถึงจะไปดูว่า มีคำร้องว่า ขอให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อรายใดหรือไม่ โดยจะต้องดูเบื้องต้นก่อนว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องหรือไม่ก่อน ซึ่งปัจจุบันที่มีการยื่นคำร้องปรากฏทางสื่อ เป็นการร้องเรื่องการนำสถาบันฯมาใช้หาเสียง ไม่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อกกต.ประกาศรายชื่อของผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯแล้ว ผู้ที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อไม่สามารถใช้สิทธิทางศาลได้ ต่างจากผู้ที่ไม่ได้รับการประกาศชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.
เมื่อถามว่า พรรคไทยรักษาชาติสามารถนำรูปแคนดิเดทนายกฯของพรรคขึ้นป้ายหาเสียงได้เลยหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ตามระเบียบ กกต. พรรคสามารถขึ้นป้ายหาเสียงได้เลย อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ปัดที่จะอธิบายรายละเอียดว่า พรรค ทษช.จะมีขอบเขตในการนำแคนดิเดตนายกฯ ไปใช้หาเสียงได้อย่างไร โดยอ้างว่า ทุกพรรคทราบดีอยู่แล้วว่า อะไรทำได้ ไม่ได้แค่ไหน ในช่วงของการเลือกตั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี