รอลุ้นการประชุมกกต.
เชือด‘ทษช.’
‘ศรีสุวรรณ’จี้ยุบพรรค
รับกรรมกระทำการมิบังควร
ปัดข่าวแกนนำถูกควบคุมตัว
‘ทักษิณ’ย้ำ‘ชีวิตต้องเดินต่อ’
‘อุตตม’เล็งดึง‘บิ๊กตู่’หาเสียง
ประธานกกต. งดแสดงความเห็น กรณีพรรคไทยรักษาชาติถึงกาลอวสาน บอกให้รอผลกกต.จันทร์นี้ ด้าน “ศรีสุวรรณ”เดินหน้าจี้ยุบพรรคข้อหากระทำการมิบังควร ส่วนพรรคไทยรักษาชาติเงียบ แต่ “ตู่-เต้น” ยังสบายดี ส่วนตัวหัวหน้าโผล่ไปทำบุญที่กรุงเก่า ปัดโดนควบคุมตัว ด้าน“ทักษิณ” บอกชีวิตต้องเดินต่อไป ในขณะที่ พปชร.ปล่อยรถ 60 คันแห่หาเสียงทั่วกรุง “อุตตม” ย้ำไม่จูบปากกับพวกที่ทำผิดประเพณี พร้อมพลิกตำราดึง “บิ๊กตู่” ช่วยหาเสียง
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.จะมีการประชุมกันทุกวันจันทร์และวันอังคาร ซึ่งในวันจันทร์ที่11 กุมภาพันธ์นี้ คาดจะมีวาระการพิจารณาในเรื่องของพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีคำร้องเข้ามาให้พิจารณา ส่วนเรื่องบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีของ ทษช.ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ต้องพิจารณากันในที่ประชุม กกต.และมีการให้ความเห็นร่วมกัน หรือออกเป็นมติบนพื้นฐานของกฎหมายก่อน
สำหรับกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะยื่นคำร้องให้ กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในที่ 11 กพ.นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า สำนักงาน กกต.จะพิจารณาก่อนว่า คำร้องดังกล่าวสมควรจะรับไว้หรือไม่อย่างไรตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน กกต. เมื่อรับคำร้องแล้ว ก็จะเสนอมาให้ กกต.พิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ตามเรื่องยุบพรรค ทษช.นั้น ยังขอไม่แสดงความคิดเห็นว่า การดำเนินการของ ทษช.เสี่ยงต่อการยุบพรรคหรือไม่ แต่ยืนยันว่าทุกเรื่องที่ กกต.รับไว้จะพิจารณาไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จะต้องรอการพิจารณาของที่ประชุม กกต.ก่อน ย้ำว่า จะพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และมีความเป็นธรรมมากที่สุด
“ศรีสุวรรณ”ยันยื่นเรื่องแน่
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไปยื่นคำร้องให้กกต. เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในวันที่ 11กุมภาพันธ์ เวลา 10.00น.ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ จากกรณีที่มีการเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของ ทษช. ซึ่งก่อให้เกิดการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมไทย ก่อให้เกิดความสงสัยในหมู่ประชาชนทั่วไป ด้วยคำถามใหญ่ที่ว่า“การเสนอชื่อทูลกระหม่อมฯ”ทำได้หรือไม่ ซึ่งพรรค ทษช.ยืนยันว่า ทำได้
แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชโองการ โปรดเกล้าฯ มิให้ “ทูลกระหม่อมหญิง” ลงเล่นการเมือง เนื่องจากเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ใกล้ชิดพระมหากษัตริย์ รวมทั้งขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการเสนอชื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ โดยพรรคไทยรักษาชาติจึงเป็นการเสนอผู้ที่ขาดคุณสมบัติหรือ มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 13 วรรคสอง ประกอบมาตรา 14(2) ของพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร2561 ที่สำคัญเป็นการดำเนินการที่ละเมิดต่อข้อ17 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 โดยชัดแจ้ง
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมหลักฐานไปเป็นต้นเรื่องแจ้งต่อ กกต.เพื่อให้วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อไป
ทษช.ยันข่าวถูกคุมตัวไม่จริง
ในขณะที่นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรคทษช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับตัวกรรมการบริหารพรรค เช่น การถูกคุมตัว ว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทางพรรคยังคงทำงานของพรรคตามปกติ แต่เนื่องจากช่วง 2 วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ กรรมการบริหารพรรคบางท่านอาจจะติดภารกิจจึงไม่ได้เข้าไปที่พรรค
“เต้น-ตู่”บอกยังอยู่สบายดี
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรค ทษช. และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงข่าวที่ว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ไม่สามารถติดต่อนายณัฐวุฒิ ได้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า “ข่าวออกแบบนี้ก็ตกใจกันใหญ่สิครับ แหม่... เจ้าหน้าที่เขาก็พลอยต้องตอบคำถามไปด้วย อยู่ครับอยู่ เมื่อวานใส่เสื้อพรรคไทยรักษาชาติ “ทษช.” ออกไปทำภารกิจ 3-4 ที่ แต่ลืมโทรศัพท์ พอคนเอาตามมาให้ก็โทรกลับ ลุงตู่ เอ๊ย !!! พี่ตู่ ( จตุพร ) แล้วจ้ะ”
ด้านนายจตุพร ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้พยายามโทรติดต่อหานายณัฐวุฒิ เพราะแม้แยกกันทำพรรคการเมือง แต่ความเป็นพี่น้องและความห่วงใยกันยังมีอยู่เหมือนเดิม ซึ่งในช่วงกลางวันนายณัฐวุฒิไม่รับสาย แต่ได้โทรศัพท์กลับมาในช่วงดึก โดยระบุว่าปลอดภัยดี ไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าว ทั้งนี้ในส่วนสถานการณ์การเมือง พรรคเพื่อชาติจะงดหาเสียงกิจกรรมพรรคเพื่อชาติสัญจรภาคอีสาน ระหว่างวันที่ 8-15 ก.พ.นี้ โดยเลื่อนไป 1สัปดาห์ เพื่อประเมินและติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดก่อน
สำนักงาน’ทษช.’เงียบเหงา
ด้าน บรรยากาศที่ทำการพรรคไทยรักษาชาติ ถนนแจ้งวัฒนะตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเงียบเหงาติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ไร้เงาคณะกรรมการบริหาร แกนนำพรรคและสมาชิกพรรค ทษช. เดินทางเข้ามา มีเพียงเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งที่เดินทางมาทำงานในวันนี้ ขณะที่มีสื่อมวลชนบางส่วนมาติดตามรายงานความเคลื่อนไหวบรรยากาศ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพได้แค่ด้านนอก ไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในตึก
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ข้อมูลว่าไม่มีคณะกรรมการหรือแกนนำพรรค ทษช. เข้ามาตั้งแต่เมื่อวานนี้ มีเพียงเจ้าหน้าที่มาซ่อมแซมพื้นผนังภายในตึก ส่วนบรรยากาศด้านนอกมีเพียงรถติดป้ายหาเสียงของพรรค ทษช. จอดอยู่จำนวน 3 คัน ขณะที่วินมอเตอร์ไซด์ที่ปั๊มน้ำมันด้านข้างที่ทำการพรรคบอกว่า ตลอดสองวันที่ผ่านมาบรรยากาศไม่คึกคักเหมือนก่อนหน้าที่พรรค ทษช.จะยื่นชื่อเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ เช่นมีการตรวจตราเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจหรือไม่นั้น วินมอเตอร์ไซด์บอกว่าไม่มีและเป็นไปปกติเช่นทุกวัน
เพจทษช.ขอบคุณทุกกำลังใจ
ขณะที่มีการโพสต์ข้อความในเพจเฟสบุ๊คของพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อเวลา 14.30 น. ว่าพรรคไทยรักษาชาติ ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่หลั่งไหลกันเข้ามาให้ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เราขอยืนยันกับพี่น้องประชาชน พรรคไทยรักษาชาติยังคงมีจุดยืนดังเดิมและจะเดินหน้าต่อไปในสนามเลือกตั้งเพื่ออาสาแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชน ทั้งนี้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คจำนวนมาก แชร์ข้อความและแสดงความเห็น ส่วนใหญ่เป็นการให้กำลังใจสมาชิกพรรคทุกคน และขอให้ทำงานการเมืองต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ภาพขณะทำบุญกับ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคทษช. พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “วันนี้เดินทางมาทำบุญไหว้พระที่วัดหน้าพระเมรุราชิการาม จ.พระนครศรีอยุธยา กับหัวหน้าพรรคค่ะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะคะ”
แม้วโผลบอกชีวิตต้องเดินหน้า
วันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความในทำนองปลุกขวัญและให้กำลังใจตัวเอง โดยระบุว่า “Chin up and keep moving forward! We learn from past experiences but live for today and the future. Cheer up! Life must go on!” ซึ่งแปลว่า “ จงก้าวเดินต่อไป เราเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เพื่อมีชีวิตอยู่ในวันนี้และอนาคต ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป!”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนไหวของนายทักษิณครั้งนี้ มีขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดประเด็นร้อนแรงทางการเมืองจากการเสนอชื่อแคนดิเคตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นพรรคเครือข่ายของตระกูลชินวัตร
ปล่อยขบวนหาเสียงทั่วกรุง
เช้าวันเดียวกัน ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 30 เขต ร่วมปล่อยขบวนรถแห่ในเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 30 เขต
โดยทั้งนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ ได้ปลุกใจสมาชิกพรรคในการอาสามารับใช้ประชาชน และอีกทั้งรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อขบวนของพปชร.ได้เคลื่อนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่รถแห่แต่ละคันจะแยกย้ายไปตามเขตของตัวเอง ซึ่งนายพุทธิพงษ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้เรารู้หมดแล้วใครทำไม่ดีกับประเทศ เราขอสู้แทนประชาชน เราเดินมาไกลและจะไม่ถอยหลังแล้ว ขอทุกคนอย่าลังเลและตัดสินใจเดินเคียงข้างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใครทำร้ายประเทศเราสู้ไม่ถอย และจะเดินหน้าประเทศไทยไปด้วยกัน
เล็งดึง’บิ๊กตู่ช่วยหาเสียง
นายอุตตม ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จะดูข้อกฎหมาย ว่าสามารถร่วมลงพื้นที่หาเสียงกับพรรคได้หรือไม่ ซึ่งจะมีการประสานกับทีมงานของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะสามารถใช้ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์มาช่วยผู้สมัครของหาเสียงได้หรือไม่ แต่ในส่วนของการนำรูปพล.อ.ประยุทธ์ ไปใช้ในการหาเสียงจะทำอย่างแน่นอน
“ยังไม่ได้พูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการหาเสียง แต่ยืนยันนโยบายพรรคจะไม่เปลี่ยนแปลง จะเป็นไปตามที่หาเสียงและแจ้งนายกรัฐมนตรีไว้ เชื่อว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค นอกเหนือจากเรื่องนโยบายแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องบุคลากรของพรรคด้วย พร้อมขอบคุณพลเอกประยุทธ์ ที่ให้ความไว้วางใจและตอบรับคำเชิญของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้จะมีการนัดหารือกันในวันข้างหน้า” นายอุตตมกล่าว
ไม่จูบปากพวกทำผิดประเพณี
เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ พรรคพลังประชารัฐจะไม่สามารถร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ได้อย่างแน่นอน นายอุตตม กล่าวว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน หลักการของเรา เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฎแล้ว ก็ต้องนำไปสู่การหารือกันอย่างแน่นอนระหว่างพรรคการเมือง พรรคพลังประชารัฐมีอุดมการณ์ชัดเจนว่า เราทำเพื่อแผ่นดิน ประชาธิปไตย เรายืนอยู่ข้างประชาธิปไตย ที่เป็นของแท้ของคนไทย เพราะฉะนั้น ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน เราก็คงไม่ร่วมงาน พรรคการเมืองที่เราจะร่วมงานด้วย ต้องเหมือนตัวเรา ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย กฎกติกาของการเลือกตั้ง เคารพธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของคนไทย ในสิ่งที่คนไทยถือปฏิบัติมา ยึดถือในสิ่งที่คนไทยไม่ทำ สิ่งเหล่านี้เราถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราจะก้าวเข้าสู่ความสงบสุขที่แท้จริง สิ่งเหล่านี้ต้องเคารพกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด”
เมื่อถามย้ำว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติ พรรคพลังประชารัฐจะดำเนินการเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคอื่น ถือเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพรรคหรือกลุ่มบุคคลนั้นๆ ไม่เกี่ยวข้องกับเรา เรามุ่งมั่นทำงานในส่วนของเรา ไม่ไปว่อกแว่กว่าพรรคอื่นจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
‘ภท.เน้นจัดครม.สัญจร .
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการรณรงค์หาเสียงของพรรคว่า ขณะนี้พรรคยังคงเดินหน้าหาเสียง พบปะพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้ให้ไว้กับผู้สมัครของพรรคทุกคน นอกจากนี้ประเด็นสำคัญที่นายอนุทินได้ริเริ่มไว้คือหากได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล ก็จะเสนอให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจรทุกสัปดาห์ หรือจัดให้บ่อยที่สุด ไม่จำเป็นต้องประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลตลอด เพราะการที่นายกฯ ลงไปประชุมครม.ในต่างจังหวัดจะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ครม. ได้มีโอกาสเข้าไปรับรู้ปัญหาโดยตรงจากพื้นที่ มีการนำงบประมาณลงไปพัฒนาพื้นที่นั้นๆ สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด
เมื่อถามว่าการประชุมครม.สัญจรทุกสัปดาห์จะคุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปในการเตรียมงานหรือไม่ พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ตนคิดว่างบประมาณที่เสียไปในการจัดประชุมครม.สัญจร ไม่ได้หายไปไหน หากแต่จะตกอยู่ที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ในกรณีที่ต้องจ้างเอกชนเข้ามาเตรียมงาน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้สถานที่ราชการในการจัดการประชุม ซึ่งมีอุปกรณ์ต่างๆพร้อมอยู่แล้ว จึงไม่ได้ใช้งบประมาณมากอะไร
“การประชุมครม.สัญจรคุ้มค่ากับประมาณแน่นอน เราเสียงบประมาณนิดหน่อย แต่ทำให้พี่น้องในพื้นที่ได้มีงบประมาณพัฒนาท้องถิ่นของตัวเอง ทำให้ชาวบ้านได้ใกล้ชิดครม. ทำให้เราได้รับรู้ปัญหาของชาวบ้านที่แท้จริงไม่ว่าจะคิดในมุมไหนก็คุ้มค่า เพราะเราต้องการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว
‘ปชป.’ชู3ประเด็นขอเสียงปชช.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น 2 เรื่องสำคัญ คือ กติกาการเลือกตั้งที่เปลี่ยนจากบัตร2ใบเป็นบัตรใบเดียว ส่งผลให้เกิดพรรคการเมืองถึง 80 พรรคกับผู้สมัครนับหมื่นคน เพราะทุกพรรคต้องการคะแนนสะสมเพื่อไปคำนวณเป็นจำนวนที่นั่งรวมที่พรรคจะได้รับในสภากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 แม้มีความต่อเนื่องของการเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกตั้งท่ามกลางสงครามสีเสื้อ ส่วนปี2562 เป็นการเปลี่ยนแปลงจากการยึดอำนาจไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่ง 5ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า แม้บ้านเมืองสงบ แต่ประชาชนท้องแห้ง จึงเป็นที่มาที่ทำให้คนไทยอยากเลือกตั้งด้วยหวังว่าจะได้รัฐบาลใหม่ที่ช่วยให้พ้นจากภาวะความยากจนได้
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคขอประกาศจุดยืน 3ข้อ คือ 1.การแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนต้องมาก่อน และจะลงมือทำทันทีที่เป็นรัฐบาล นั่นคือยางพาราต้องได้ กก.ละ60บาท ปาล์ม กก.ละ 4 บาท 25 ไร่ได้ทุกคน ทั้งสวนยางสวนปาล์มที่มีเอกสารสิทธิ์และไม่มี ประมงต้องอยู่ได้ทั้งประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ 2.ประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่ชัดเจน เรื่องประชาธิปไตย นั่นคือประชาธิปไตยของประชาธิปัตย์ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งเป็นพระประมุขตามรัฐธรรมนูญ และที่ต้องเทิดทูนไว้เหนือเกล้า อะไรไม่บังควร ประชาธิปัตย์ไม่ทำ ไม่บังคับคนเลือกข้าง เพราะข้างชนะจะเอาอำนาจ ข้างแพ้ก็จะไม่ยอมรับ นำไปสู่ความขัดแย้งไม่สิ้นสุด แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยระบบรัฐสภาที่ใครรวมเสียงข้างมากได้ก็เป็นรัฐบาล เสียงข้างน้อยเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลแทนประชาชน ที่สำคัญคือจุดยืนประชาธิปไตยสุจริต เพราะการทุจริตคือต้นเหตุแห่งการยึดอำนาจ ทั้งเมื่อปี 2549 หรือปี 2557 และ 3.พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนชัดเจนที่จะเป็นแกนตั้งรัฐบาล โดยหลังเลือกตั้งไม่ต้องถามว่าเราจะร่วมรัฐบาลกับใคร แต่ให้ถามว่าหลังเลือกตั้งใครจะมาร่วมรัฐบาลกับเรา
ซัด’สว.’วิปริตมีสิทธ์เลือกนายกฯ
“เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนมี 3ทางเลือก ทางเลือกที่ 1 คือประชาธิปไตยทุจริตที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นต้นเหตุแห่งการยึดอำนาจนำไปสู่ความยากจนข้นแค้น ทางเลือกที่2 คือประชาธิปไตยวิปริตที่คนไทยทั้งประเทศเลือกผู้แทนได้ 500คน แต่คนไม่กี่คนกลับเลือกผู้แทนอีกประเภทที่เรียกว่า สว.ได้ 250คนและมีสิทธิมาเลือกนายกฯ ร่วมกับ สส.500คน ที่ประชาชนเลือก กับทางเลือกที่3 ที่เป็นทางหลักของประเทศ คือประชาธิปไตยสุจริตที่จะพาประชาชนพ้นจากความยากจนและพ้นจากวังวนยึดอำนาจได้ ซึ่งผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องขึ้นกับประชาชน”นายจุรินทร์ กล่าว
‘สุเทพ’มั่นใจได้ส.ส.สกลนคร
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ( รปช.) และ ในฐานะประธานคณะทำงาน เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนเป็นสมาชิกพรรค พร้อมด้วย นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสำราญ รอดเพชร แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รปช. และผู้สมัครจังหวัดสกลนคร อาทิ นายอานนท์ โสรินทร์ ผู้สมัครเขต 1 นางธัญญ์ลภัสส์ โสรินทร์ ผู้สมัครเขต2 นายวิจิตร สัพโส ผู้สมัครเขต 3นาย บุญรักษ์ วงษาไชย ผู้สมัครเขต 4 นายนิเวศน์ แถวฝ่าย ผู้สมัครเขต5 และ นายธัชชัย บรรลือหาญ ผู้สมัครเขต 6 โดยคณะของนายสุเทพได้เริ่มด้วยการเดินทางไปกราบสักการะ พระธาตุเชิงชุม กราบสักการะหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าสุธาวาส จากนั้นจึงได้เริมพบปะเชิญชวนประชาชนที่ ตลาด ต.การค้า ตลาดตุ๊กแก ในระหว่างที่คณะของนายสุเทพเดินอยู่บริเวณถนนพังโคน -วาริชภูมิ ก็ได้พบกับคณะผู้สมัคร ของพรรคพลังประชารัฐที่มาเดินหาเสียง ทั้ง 2กลุ่ม ต่างก็ทักทายกัน พร้อมให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
นายสุเทพ กล่าวระหว่างเดินตลาดตุ๊กแกว่า เป็นตลาดสดที่ใหญ่มาก คนเยอะมากได้รับการต้อนรับจากพี่น้องชาวสกลนคร อย่างที่เรียกว่า ปลื้มใจมาก ได้พวงมาลัยกับดอกกุหลาบเยอะมาก บรรดาพ่อค้า แม่ค้า มีใจ มีความคิดมีอุดมการณ์ทางการเมืองไปในทางเดียวกับพวกเราตื่นเต้น สนุกสนาน มีทั้งมากอด มาให้กำลังใจ ทำให้มีความหวังว่า เราจะมีส.ส.ใน จ.สกลนคร ที่ผ่านมากระแสตอบรับดีมาก มีบ้างในพื้นที่ภาคอีสาน3-4จังหวัด ที่ดูกระแสไม่แน่นหนาเท่าไร แต่จังหวัดอื่นๆทั่วไปดี และเมื่อเดินที่ จ.สกลนครแล้วภาคอีสานเหลือเพียง จ.ชัยภูมิที่ยังไม่ได้เดินและจะต้องไปเดินให้ครบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี