สนามเลือกตั้งใน “เขต 2 จ.นครพนม” ประกอบด้วย อ.ท่าอุเทน อ.โพนสวรรค์ และ อ.เมือง (เฉพาะเทศบาลเมืองนครพนม ต.ท่าค้อ ต.นาราชควาย ต.หนองญาติ และ ต.อาจสามารถ) แชมป์เก่าที่ครองพื้นที่นี้คือ นางมนพร เจริญศรีจากสังกัด พรรคเพื่อไทย (พท.) โดยมีประชาชนลงคะแนนให้คราวเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 จำนวน 53,739 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคการเมืองอื่นจนไม่เห็นฝุ่น และยังเป็นการเป็น สส. ครั้งแรกของนางมนพรอีกด้วย

แต่สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. 2562 เชื่อว่าจะมีความคึกคักมากขึ้น “เพราะเป็นการชิงชัยกันระหว่างหญิงกับหญิง และเป็นหญิงแกร่งด้วยกันทั้งคู่” ระหว่าง นางมนพร เจริญศรี ที่ลงป้องกันแชมป์ในนามพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม ครั้งนี้ต้องพบกับคู่แข่งสำคัญอย่าง น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ที่ขึ้นท้าชิงในนาม พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งมีโอกาสถึงขั้นล้มแชมป์เก่าลงได้

เส้นทางการเมืองของบุคคลทั้งสอง..สำหรับ นางมนพร นั้นได้รับการสนับสนุนจากพ่อบุญธรรม “หมอคนยาก” นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และ สส.นครพนม 10 สมัย ประเดิมลงสนามการเมืองด้วยการสมัครเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นครพนม จากนั้นเมื่อครบวาระในปี 2547 ก็ลงสมัครเป็น นายก อบจ.นครพนม พอครบเทอม ในปี 2551 ก็สลับเก้าอี้กับ ดร.สมชอบ นิติพจน์ ศิษย์เอกของ นายไพจิต ศรีวรขาน ขึ้นเป็น นายก อบจ.นครพนม จนถึงปี 2554 ได้เบนเข็มลงเลือกตั้งสนามใหญ่ในสังกัดพรรคเพื่อไทย

ต่อมาในปี 2557 ท่ามกลางวิกฤติการชุมนุมประท้วงทางการเมือง จบลงด้วยการเข้าควบคุมอำนาจของกองทัพในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นักการเมืองทั่วประเทศถูกคำสั่ง คสช. ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง ตั้งแต่บัดนั้นชื่อของ นางมนพร ก็หายเงียบไป กระทั่งปลายปี 2561 มีการคลายล็อก จึงเห็น นางมนพร โผล่ขึ้นเวทีในรอบ 4 ปี 
ในวันเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย สาขา อ.นาแก และต่อมาก็ไปปรากฏตัวบนเวทีข้างสนามกีฬาจังหวัดนครพนม เขตเทศบาลเมืองนครพนม ในวันที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาปราศรัยเช็คเรตติ้งกระแสพรรค

ส่วนทาง น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ เป็นที่รู้จักในสนามการเมืองครั้งแรกเมื่อปี 2555 ในการเลือกตั้งนายก อบจ. นครพนม โดยลงท้าชิงกับ ดร.สมชอบ นิติพจน์ ที่ครองตำแหน่งอยู่เดิม ซึ่ง น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ มีศักดิ์เป็นหลานสาวของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองในกลุ่มของ พล.อ.ชวลิต แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนั้น น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ พ่ายแพ้ต่อแชมป์เก่า ดร.สมชอบ ไป 4,000 คะแนน ซึ่งอาจเป็นเพราะ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยังเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ก็เป็นได้

แม้จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่นในปี 2555 แต่ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยังเดินหน้าพบปะประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องหากมีโอกาสอำนวย โดยเฉพาะถ้าทางจังหวัดนครพนม มีงานสำคัญๆ เช่น งานสมโภชพญาศรีสัตตนาคราช งานฉลองนครพนมครบรอบ 232 ปี ฯลฯ ก็จะตั้งโรงทานนำอาหาร ขนม น้ำดื่ม แจกจ่ายแก่ผู้ร่วมงานประจำ หรือกรณีเขื่อนแตกแขวงจำปาศักดิ์ แขวงอัตตะปือ สปป.ลาว ก็รวบรวมสิ่งของอุปโภคบริโภคนำไปช่วยเหลือ

นอกจากนี้ก็ยังนำข้าวของที่จำเป็นไปให้ผู้สูงอายุและผู้ยากไร้ในชุมชนต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ทำให้ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากประชาชน กระทั่งในช่วงปลายปี 2561 ที่นักการเมืองเริ่มกลับมาทำกิจกรรมได้มากขึ้นหลัง คสช. ทยอยคลายล็อกตามลำดับ ทำให้ ณ ปัจจุบัน น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ถือว่ามีความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งกว่าเมื่อหลายปีก่อนอย่างมาก

การแข่งขันในศึกเลือกตั้ง 2562 ของผู้สมัครทั้ง 2 คน ยังอาจถูกเรียกว่าเป็น “ศึกระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง” ได้เช่นกัน เพราะหากย้อนไปในปี 2555 ที่ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ. นครพนม แล้วแพ้ ดร.สมชอบ นั้น นางมนพร ก็เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสนับสนุนทาง น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ด้วย แต่วันนี้ทั้งคู่ต้องมาแข่งกันเอง ซึ่งสำหรับ นางมนพร หากกลุ่มคนเสื้อแดงอันเป็นมวลชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยยังกลมเกลียวไม่แตกคอกัน ก็เชื่อว่าน่าจะส่ง นางมนพร เดินเข้าสภาในฐานะ สส. เขต 2 นครพนม อีกสมัยได้ไม่ยาก

แต่สิ่งที่ทำให้ นางมนพร ไม่ควรประมาท อยู่ที่ทางฝั่งของ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ซึ่งมี ดร.สมชอบ นิติพจน์ นายก อบจ. นครพนม หรือก็คือผู้ที่ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ เคยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งนายก อบจ. นครพนม เมื่อปี 2555 มาช่วยสนับสนุน ทั้งนี้คอการเมืองใน จ.นครพนม มองว่า“การแข่งขันระหว่าง นางมนพร กับ น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ น่าจะชี้ขาดกันที่ความนิยมในตัวบุคคลเป็นหลัก” เพราะแม้ทั้ง 2 จะไม่ใช่คนนครพนมโดยกำเนิด แต่ก็หมั่นพบปะประชาชนจนมีฐานเสียง..สุดท้ายใครจะคว้าเก้าอี้ สส. เขต 2 นครพนมไปครองคงต้องลุ้นกัน 24 มี.ค. 2562!!!