วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“นายกฯ ร่ายยาวเหตุจำเป็นต้องมีทหาร-งบประมาณ ลั่น แม้เป็นอดีตทหารแต่ไม่ยอมให้ใครมาทำลายความเชื่อมั่น ถามกลางวงชาวบ้านใครเกลียดทหารยกมือขึ้น ซัดพวกปากดีไม่มีใครเคยเป็นทหารสักคนเดียว
เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 21 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เดินทางมายังศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์ในการจัดงานการแสดงศิลปกรรมร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, 2020 ส่งต่อให้กับจ.นครราชสีมา ภายหลังจากจังหวัดกระบี่ ในฐานะเจ้าภาพจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรม “หนังตะลุงประยุกต์” ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2561 – 28 ก.พ. 2562 ณ ภายใต้แนวคิด “EDGE OF THE WONDERLAND (สุดขอบฟ้าแห่งดินแดนมหัศจรรย์)
จากนั้น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสืออนุญาตให้เข้า ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้แก่ผู้แทนราษฎร จำนวน 1 ราย และมอบหนังสือโครงการป่าชุมชน บ้านคีรีวงศ์ ให้แก่ผู้แทนราษฎร จำนวน 1 ราย
นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ตั้งใจจะมาแต่เช้าจริงๆ แต่เครื่องบินทหาร บินมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วมีปัญหาใบพัดขัดข้อง ตอนแรกมี 4 ใบพัด บินไปเหลือ 3 ใบพัด ไอ้ตนก็กะว่ายังไงก็ต้องมาแม้มี 3 ใบพัด เพราะมั่นใจว่าเครื่องบินทหารปลอดภัยอยู่แล้ว แต่นักบินบอกว่ากลัวจะดับอีก 2 ใบพัด
“นี่คือเครื่องบินที่ใช้มา 30-40 ปีแล้วนั่นคือเหตุผลที่ทำไมเราจะต้องมีการหมุนเวียน มีการเปลี่ยน จัดหาซ่อมแซมเพิ่มเติม ซึ่งวันนี้ก็ซ่อมไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ซ่อมเครื่องยนต์ดีหมด แต่ตัวถังก็ยังแย่ และถ้ามันเสียบนอากาศ มันก็แก้ไขไม่ได้ และวันหน้าเครื่องบินเหล่านี้ เอาไว้ใช้รับพวกเรานั่นแหละ แล้วใครจะกล้าเสี่ยงขึ้น เมื่อมันไม่ปลอดภัย”นายกฯกล่าว
นายกฯกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลพยายามเร่งรัดซ่อมแซมจัดหามาทดแทน แต่อย่างว่ามันต้องใช้เวลาและงบประมาณ การจัดซื้อจัดหา มันจำเป็นต้องซื้อ เพราะบินไปแล้วเหลือ 3 ใบพัด มันไหวที่ไหน วันนี้โลกเขามีเทคโนโลยีขั้นสูงแล้ว แต่เรายังจอดบินจอดบินอยู่ มันไม่ได้ เราไม่ได้มีเอาไว้ยิงหรือรบกับใคร แต่มันทำให้ ไม่ต้องรบกัน นั่นคือศักยภาพของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพลทหาร นายทหารมันก็ลูกหลานของท่านทั้งนั้น มันไม่เหมาะที่จะมาโจมตีกันในตอนนี้ มันไม่ใช่เวลา ทุกครั้งเวลาบ้านเมืองเกิดเหตุพวกเขาก็มาช่วยเราทั้งนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่ใช่ทหารแล้ว เป็นอดีตทหารแต่ตนก็ยังมีความรัก ความมั่นใจในความเป็นทหารของตนไม่อยากให้ใครมาทำลายความเชื่อมั่น ความไม่ไว้วางใจของตัวทหารทุกคน อย่าลืมถ้าทำให้เขาเสียขวัญ ไม่มีกำลังใจ แล้ววันหน้า ใครจะมารบให้กับเรา กระสุนห่า กระสุนปืนใหญ่ ปืนเล็กตกมาแล้ว จะไปไหม ถ้าจ้างเงินเดือนน้อย ผมไม่ไปครับ จะได้หรือไม่ คิดตรงนี้ อะไรที่ต้องแก้ไขก็แก้ไขไป ในจุดที่บกพร่อง แต่อย่าให้ใครมาบิดเบือนตรงนี้ได้
“ที่สำคัญในสมัยโบราณแต่ก่อนมา คนไทยก็เกณฑ์เป็นทหาร โดยไม่มีค่าจ้าง เวลาใครมาบุกประเทศ พระมหากษัตริย์จะนำทัพไปสู้รบใช่หรือไม่ ไม่ได้เงินได้ทองหรอก ต้องไปครั้งนึง 3-4 เดือนจะได้กลับมาหาเมียหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ออกจากบ้านคือไปแล้วไปลับเลย วันนั้นเขายังเสียสละได้ แต่วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นชายแดน ก็มีภารกิจ ในประเทศก็มีภารกิจ จะไม่ให้เขาพักเลยหรืออย่างไร มันก็ต้องสลับเปลี่ยนเวียนกัน อย่างน้อยต้องมีผลัดถึงสาม ผลัดไปอยู่ตามแนวชายแดน แม้อยู่ในหน่วยที่ตั้งเดิม ก็ต้องฝึกหัดไปรบร่วม ช่วยเหลือภัยพิบัติ นั่นคือหน้าที่ของทหาร เฝ้าอธิปไตยชาติ และพัฒนาประเทศ รักษาความสงบเรียบร้อย”นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถาม ขึ้นว่า ใครเกลียดทหารขอให้ยกมือขึ้น ปรากฎว่า ไม่มีใครยกมือ แต่เมื่อถามว่า ใครรักทหาร ขอให้ยกมือขึ้น ปรากฏว่า ในห้องก็ยกมือกันเต็มห้อง ซึ่งรวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ ก็ยกมือด้วย พร้อมกล่าวว่า"ผมภูมิใจในความเป็นทหารของผม เพราะผมไม่ได้ทุจริตคดโกงใครเขามา และผมก็เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย คนที่เป็นทหารผ่านการรบมาทั้งนั้น ชายแดนสู้ภัยคอมมิวนิสต์สมัยก่อน ผมจบปี 2019 รมว.มหาดไทยจบก่อนผม ท่านรุ่น 10 ผมรุ่น 12 ผ่านศึกสงครามมาทั้งนั้น ใครไม่เป็นก็ไม่รู้ ไอ้คนที่พูดวันนี้ไม่เคยเป็นทหารสักคนเลย ลูกหลานของเราทั้งนั้น เอาล่ะพอแล้วเรื่องทหาร"นายกฯกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี