เดินหน้าแก้จน-ปราบโกง
‘บิ๊กตู่’สัญญา
ปลื้ม‘บลูมเบิร์ก’ชมไทย
มีความทุกข์ยากน้อยที่สุด
พปชร.ย้ำไม่ต้องห่วงกังวล
เชื่อจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน
ดัน‘ประยุทธ์’สานงานต่อ
“นายกฯ” พอใจ “บลูมเบิร์ก” ยกไทย อันดับ 1 ประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุด เหนือทั้ง สวิสและญี่ปุ่น “สมศักดิ์ เทพสุทิน” มั่นใจ พปชร. ตั้งรัฐบาลได้แน่ ไม่ต้องห่วงกระแสข่าวลือ เชื่อ “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯต่อ พร้อมเร่งสานนโยบายช่วยชาวบ้านทันที
เมื่อวันที่ 20 เมษายน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจที่ประเทศไทยรั้งอันดับ 1 ประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดจากการจัดอันดับดัชนีความทุกข์ยาก (Misery Index) ครั้งล่าสุด ปี 2019 ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
“ไทย มีค่าคะแนนความทุกข์ยากที่ระดับ 2.1 ต่ำสุด เป็นอันดับ 1 ในปี 2018 ขณะที่ผลสำรวจคาดการณ์ดัชนีปี 2019 ของ บลูมเบิร์ก พบว่าไทยยังคงรั้งอันดับ 1 ด้วยคะแนน 2.1 เช่นเดิม”
รองโฆษกฯกล่าวด้วยว่าดัชนีความทุกข์ยากดังกล่าวคำนวณจากตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราว่างงานใน 62 ประเทศ ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์ของปีนี้มาจากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว สิ้นสุดเมื่อ 11 เม.ย.62
พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าไทยมีอัตราว่างงานที่ระดับต่ำเพียง 0.9ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 1.1 ในปี 2018
“นายกฯเน้นย้ำว่านอกจากเรื่องการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อที่รัฐบาลให้ความสำคัญแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วยเช่นดูแลการครองชีพ ปราบปรามการทุจริตและปัญหาอาชญากรรมฯลฯ เพื่อให้สะท้อนถึงความสุขที่แท้จริงของคนในประเทศ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำ
ทั้งนี้ สำหรับ 5 อันดับของประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุด คือ 1) ไทย 2) สวิตเซอร์แลนด์ 3) ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ 4) ไต้หวัน 5) มาเลเซีย
‘สมศักดิ์’ไม่ต้องห่วงตั้ง รบ.ได้แน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงค่ำของวันที่ 19 เมษายน มีการจัดงานรดน้ำดำหัวและอวยพร พร้อมเตะฟุตบอลกระชับมิตรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ที่สนามกรีนฟิลด์ ซอยมัยลาภ นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง ว่าที่ ส.ส.ชัยนาท และนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค รวมทั้งข้าราชการ บุคคลธรรมดา และสื่อมวลชนร่วมงานอย่างคึกคัก
โดย นายสมศักดิ์ ได้กล่าวอวยพรกับผู้มาร่วมงานบนเวทีว่า ปกติเทศกาลสงกรานต์ที่ถือเป็นปีใหม่ของไทยคนจะไปทำบุญ และเที่ยว ส่วนใหญ่คนที่อวยพรจะบอกว่า1.ขอให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย 2.ให้ขอให้การเลือกตั้งผ่านไปอย่างเรียบร้อย และ ตั้งรัฐบาลให้ได้ และ3.ขอให้ช่วยเหลือชาวบ้านด้วย ตนต้องขอบคุณทุกท่านที่มาอวยพร
“ขอบอกว่าเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ต้องเป็นห่วง และกังวลใจ ผมดูสถานการณ์ล่าสุดแล้วเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ในช่วงนี้จะมีข่าวหลายกระแสเผยแพร่ออกไป เช่นเรื่องข้อเสนอการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่วันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยังไม่ได้รับรองส.ส.เลย และยังต้องมีการเลือกตั้งในบางเขตอีก หรือไม่เพราะมีเรื่องร้องเรียนกกต.อยู่เยอะพอสมควร ซึ่งวันรับรอง ส.ส.ที่ กกต.ประกาศไว้คือ วันที่ 9 พ.ค.ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 20 วันและยังมีขั้นตอนตามกฎหมายในการตั้งรัฐบาล ดังนั้น เราอย่าไปสนใจและกังวล จะเหมือนกระแสข่าวช่วง 2-3 วัน หลังเลือกตั้ง ดังนั้นอย่าได้เป็นห่วง” นายสมศักดิ์ กล่าว
ลั่นพปชร.จะสานต่อนโยบายทันที
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่าในเรื่องการช่วยชาวบ้านนั้น เมื่อท่านเลือกพรรคพลังประชารัฐจะได้รัฐบาล และได้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ อีกครั้งแน่นอน พรรคพลังประชารัฐ จะสานต่อนโยบายต่างๆที่ดีของรัฐบาลปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น มาตรการช่วยเหลือคนจนอย่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและนโยบายหลักที่พรรคพลังประชารัฐได้วางไว้ เช่น โครงการช่วยเหลือชาวนา ซึ่งเมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วเราจะรีบทำโครงการนี้ทันที เพราะใกล้ถึงฤดูกาลการทำนาแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีโครงการยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอีกหลายโครงการ เช่น มารดาประชารัฐ พักหนี้กองทุนหมู่บ้านและการศึกษา ที่ต้องทำทันที เมื่อเราจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งโครงการเหล่านี้เราสามารถทำต่อเนื่องได้ทันที ไม่ต้องรอนานเหมือนพรรคอื่นๆที่อาจจะต้องไปออกเป็นกฎหมายหมาย ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้พี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์ ทุกคนอย่าเป็นห่วง หายเจ็บหายจนแน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าว
‘ธนกร’ ให้ยอมรับ’บิ๊กตู่’นั่งต่อ
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การจับขั้วทางการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล หลังวันที่ 9 พฤษภาคมก็จะดำเนินการได้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้รับการสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย ขณะที่ การรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยนั้นก็สามารถทำได้ หากพรรคเพื่อไทยกับพรรคพันธมิตรได้เสียงสนับสนุนจากส.ส. และ ส.ว.ครึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา หรือ375เสียงขึ้นไป ซึ่งในความเป็นจริงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น ยอมรับความจริงได้แล้ว และ ไม่ต้องโทษกติกา เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนเข้าสู่สนามการเลือกตั้งภายใต้กติกาตามรัฐธรรมนูญอย่างเท่าเทียมกัน
“เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ จะสานงานต่อในหลายๆด้าน โดยเฉพาะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ การดูแลภาคเกษตรโดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร รวมถึงการท่องเที่ยว และการคมนาคมให้ดียิ่งขึ้น วันนี้บ้านเมืองสงบ ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามทิศทางที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์สูงสุด”นายธนกรกล่าว
เพื่อชาติซัดอภินิหารแก้เสียงปริ่มน้ำ
ด้านนายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงข้อเสนอ แก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ให้นำนำเอา สมาชิกวุฒิสภา หรือส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.มาร่วมออกเสียงและพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญกับสภาผู้แทนราษฎร ว่า ถือเป็นการผิดหลักการประชาธิปไตย ประเพณีการปกครองและเจตจำนงของรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง ผิดหน้าที่ ผิดวัตถุประสงค์ของการมี ส.ว.ซึ่งยังไม่รวมถึงกรณีบันลือโลกอย่างการตั้ง ส.ว. 250คน มาร่วมโหวต นายกรัฐมนตรี ก็นับว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์แล้ว เช่นนี้เท่ากับว่าเป็นการวางกับดัก เตรียมสร้างอภินิหาร โดยไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชน ”นายรยุศด์ กล่าว
เตือน พวกงูเห่า อย่าเห็นแก่ตัว
นายรยุศด์ กล่าวอีกว่าวิธีหนึ่งอันเป็นกระบวนการสำคัญที่ จะเป็นหนทางแห่งการตั้งรัฐบาลคือการรวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.มาเป็นอันดับสอง และประกาศจัดตั้งรัฐบาลหลังพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดข้อสังเกตว่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศออกมานั้น บางเสียงซ้ำซ้อนกับการรวมเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศแล้ว ดังนั้น เสียงที่ซ้ำซ้อนกันอยู่ก็คือ งูเห่าหรือไม่ เมื่อรัฐบาลชุดใหม่จะเกิดจากกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม แล้วจะเป็นที่ยอมรับได้อย่างไร ทั้งการซื้อตัว ส.ส.งูเห่า หรือถ้ามีการใช้มาตรา270 ให้ สว.ร่วมยกมือผ่านร่างฯ ล้วนแล้วแต่สร้างรอยด่างพร้อยให้ ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย ให้ไม่เป็นที่ยอมรับกับชาวโลก ไม่เป็นที่เชื่อมั่น แล้วจะติดต่อค้าขาย ทำการค้ากับต่างบ้านต่างเมือง พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปได้อย่างไร
“รวมถึงผมอยากจะขอเตือน ส.ส.ที่เห็นแก่ผลประโยชน์ ไปเป็น งูเห่า ยกมือสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า แม้พวกท่านจะไม่สนใจอนาคตทางการเมืองแล้ว เพราะคงไม่คิดว่าจะมีอนาคตทางการเมืองอีก แต่ขอให้สงสาร พ่อแม่ญาติพี่น้องของพวกท่านบ้าง ถ้าไปเป็นงูเห่า นอกจากตัวพวกท่านที่ชาวบ้านจะสาปแช่งก่นด่าแล้ว พ่อแม่ญาติพี่น้อง ก็คงรู้สึกละอายใจ ไปกับพวกท่านด้วย”นายรยุศด์ กล่าว
หน่วย32เขต13กทม.พร้อมลต.ใหม่
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงเรียนลำสาลี (ราษฎร์บำรุง) ถ.กรุงเทพกรีฑาซึ่งถูกใช้เป็นหน่วยเลือกตั้งที่ 32 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ของเขตเลือกตั้งที่ 13 กรุงเทพมหานคร(บางกะปิ วังทองหลาง (เฉพาะแขวงพลับพลา) ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 21เม.ย.นี้ ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่กกต.เขตได้จัดเตรียมสถานที่หน่วยเลือกตั้งรวมถึงจุดนับคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะเปิดให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้มาใช้สิทธิ์ตั้งแต่เวลา 08.00น.ถึง17.00น.จากนั้นจะมีการนับคะแนนที่บริเวณดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ หน่วยเลือกตั้งที่ 32 มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 802 คน มีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า และใช้สิทธิ์เลือกตั้งในต่างประเทศไปแล้วทั้งสิ้น19 คน สำหรับเขตเลือกตั้งที่13 กทม. มีผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งสิ้น 31 คน โดยผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการที่ผ่านมา น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้ง มี นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนมาลำดับที่ 2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี