กห.-มท.-คลัง-คมนาคม
‘ประยุทธ์’จอง
ให้‘พปชร.’ส่งรมต.ดูแล
พรรคอื่นร่วมทีมศก.ได้
อยากชวน‘บิ๊กป้อม’อยู่ต่อ
ไล่‘ธนาธร’เป็นฝ่ายค้าน
“พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อทำเนียบฯ ระบุ “กห.-มท.-คลัง-คมนาคม” ควรอยู่กับพรรคหลักตั้งรัฐบาล อยากให้ “บิ๊กป้อม” อยู่ช่วยงานต่อ เพราะไว้ใจ ไม่ขัดพรรคร่วมเสริมทีม ศก. “สมคิด” อายุรัฐบาลใหม่สั้นหรือยาว อยู่กับประชาชน ไล่ “ธนาธร” ไปเป็นฝ่ายค้านเรื่องจบด้าน’ธนกร’ขู่ดำเนินคดี’ธนาธร’ใส่ร้ายดูด20สส.แลกล้มคดี ซัดโกหกหน้าตาย-เล่นการเมืองสกปรกที่สุด ขณะ‘ปิยบุตร’ฝันหนาวไม่เกิน7วัน’อนค.’ตั้งรบ.ได้ชัวร์
เมื่อวันที่ 17พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 250 คนว่า เรื่องนี้ขออย่ากังวล ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านก็ต้องให้ สว.ชุดนี้ทำงานไปก่อน เมื่อถึงเวลาก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ในวันข้างหน้า ซึ่งวันนี้ก็เดินหน้าไปได้มากแล้ว นอกจากนี้ จะมั่นใจว่า สว.ทั้ง 250คน จะแตกแถวหรือไม่นั้น ตนก็ไม่ทราบ จะไปคุมอะไรได้ แต่ตนทำได้อย่างเดียว ทำความดีและประพฤติตนเป็นเยี่ยงอย่างเท่านั้น สุดแล้วแต่ว่าเขาจะเชื่อมั่นมากน้อยแค่ไหน อย่างไร
‘บิ๊กตู่’เลี้ยงข้าวสื่อทำเนียบส่งท้าย
เวลา 12.00น.พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ส้มตำ- ไก่ย่างในกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการรับประทานอาหารร่วมกันครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่ โดยนายกฯรับประทานอาหาร พร้อมเปิดใจถึงการทำงานในช่วง 5ปีที่ผ่านมาว่า โดยระบุว่า การทำงาน 5ปีที่ผ่านมา มีความคาดหวังให้สำเร็จในหลายเรื่อง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่สามารถสำเร็จได้ในวันนี้ ซึ่งหวังว่ารัฐบาลใหม่จะสานต่อในสิ่งที่ทำไว้ ส่วนกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลที่ออกมาขณะนี้ เป็นเรื่องของการเมืองของแต่ละพรรคจะเสนอขึ้นมา แต่สิ่งสำคัญคือต้องสนใจเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองต่างๆ หลายพรรคมีนโยบายที่ดีและเชื่อว่าทุกคนมีเจตนาทำเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นจึงขอให้ทำจริงตามเจตนาที่วางไว้
ยินดีหนุนนโยบายของทุกพรรค
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่เสนอขึ้นมา ตนต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองมา ซึ่งแต่ละพรรคล้วนมีนโยบายดีๆก็ต้องยอมรับให้เข้ามาในคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่าคิดว่าเป็นการให้เก้าอี้และตนได้เตือนกับพรรคการเมืองหลายอย่างแล้วว่าหลายอย่างทำไม่ได้แบบเดิม เพราะติดกฎหมาย รวมถึงคณะตรวจสอบและอยู่ในการจับตาของประชาชนส่วนที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องตนจะมีปัญหาในการถูกอภิปรายในสภานั้น เชื่อว่าชี้แจงได้ ขออย่าใช้คำว่ากลัวหรือไม่ ขณะที่บุคคลที่เหมาะจะเป็นประธานสภานั้น ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องงานในสภา ไม่ว่าในสภาอะไรก็แล้วแต่
ส่วนที่มีชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภานั้น ส่วนตัวไม่ทราบ ก็คงมีการคุยกันอยู่ ตำแหน่งประธานสภาต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม ถูกต้องตามครรลอง ไม่ใช่ทำตามใจและขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ด้วย
เรื่องจัดตั้งรบ.ให้ไปคิดกันเอง
เมื่อถามว่ารัฐบาลผสมจากหลายพรรค อาจเกิดความไม่พอใจในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยกันทำให้สังคมเรียนรู้ว่า นี่เป็นการจัดตั้งของรัฐบาล เมื่อมาอย่างนี้ก็ต้องไปอย่างนี้ ทุกคนให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้ง ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ไม่ได้เข้ามาหารือกับตนเลย ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคไปก่อน แต่ท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจคือ นายกฯคนใหม่ ซึ่งจะได้ใครก็ยังไม่รู้เลย เพราะยังมีเต็ง2,3อยู่ด้วย
พปชร.ยึดกห.-มท.-คลัง-คมนาคม
เมื่อถามว่า มี 4 กระทรวงคือ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม ไม่สามารถให้พรรคร่วมได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ควรจะอยู่กับฝ่ายความมั่นคงและพรรคหลักหรือไม่ เพื่อดูแลให้เดินหน้าไปได้ ขอย้ำว่าผมไม่หวงผลประโยชน์ ผมไม่เคยมีผลประโยชน์ ส่วนกระทรวงการคลังและคมนาคม เขาคุยกันอยู่ ให้เขาคุยกันก่อน ถ้าผมเป็นนายกฯก็ค่อยมาดูกันอีกที ซึ่งไม่น่าเปลี่ยนแปลง ถ้าคุยกันได้ แต่ละพรรคขออย่ากังวล เพราะผมให้เกียรติทุกพรรค และหลักการที่จะต้องดูสัดส่วนความเหมาะสมของพรรคร่วม ทั้งคะแนนการเลือกตั้งมาพิจารณาด้วย ส่วนใครจะเหมาะสมตรงไหน ก็ค่อยว่ากันอีกที เราจะเดินหน้าไปแบบนี้ แม้คะแนนใกล้เคียงกัน ก็ขอให้บ้านเมืองไปได้ก่อนจะได้ไหม”
อยากให้’บิ๊กป้อม’อยู่ช่วยทำงาน
เมื่อถามว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อยู่ช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดถึงอยาก ก็โอเค อยาก เพราะไว้ใจกันมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วย ว่าจะรับแค่ไหน รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย ผมเป็นห่วงกังวลตรงนี้ ส่วนได้ชวนพล.อ.ประวิตรแล้วหรือไม่นั้น เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องชวน ถึงเวลาก็คุยกัน แต่ยังไม่ได้ถามท่าน รวมถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะมาช่วยงานหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่าน เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียว”
อย่าใช้คำว่าการต่อรองตำแหน่ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการบริหารจัดการพรรคร่วมที่มีกว่า 20พรรค ว่า ขึ้นอยู่กับการพูดคุยร่วมมือกัน ไม่ว่าจะ30หรือ50พรรค ก็ช่าง แต่ต้องดูว่าทุกคนทำจริงอย่างที่กล่าวว่าทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แล้ววันหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้ วันหน้าจะเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ ส่วนตัวถ้าไม่เป็นก็กลับบ้านนอน แล้วทุกคนจะคิดถึงตน อย่างไรก็ตามวันนี้ไม่อยากให้คำว่าต่อรองตำแหน่งกัน เพราะเป็นการหารือกันถึงความเหมาะสมกับตำแหน่งและย้ำตนไม่ได้พูดคุยกับพรรคอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องของพรรค พปชร.ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลผสมจะมีอายุไม่ยืนนั้น คิดว่า ไม่ยืดก็ไม่ยืด ก็แล้วแต่ว่าเราจะทำให้ยืดหรือไม่ แต่ต้องให้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้าง ต้องยอมรับกติกาประชาธิปไตย
พรรคอื่นร่วมทีมศก.’สมคิด’ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ไม่ทราบว่าจะได้ตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ไปเพื่อเดินหน้าเรื่องกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีก ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้พรรคร่วมมาเสริมทีมเศรษฐกิจของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯนั้น ก็สามารถช่วยได้หลายอย่าง เป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ที่ปรึกษา หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีก็ได้มีตำแหน่งจำนวนมาก ถ้าทุกคนมุ่งแต่จะเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีก็มีตำแหน่งเดียว ส่วนที่มีการปรามาสรัฐบาลหน้าอายุไม่ยาวนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ สื่อและโซเชียลมีเดียขอร้องให้ลดเรื่องเฮดสปีด ขอร้องคนไทยด้วยกันต้องอยู่ประเทศนี้แยกกันไม่ได้ ข่าวลือก็คือข่าวลือ เปิดเจอเห็นข่าวตั้งรัฐบาลกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีมีมาตรา 44แล้ว ก็ต้องใช้กลไกประชาธิปไตยเต็มที่
ไล่’ธนาธร’ไปเป็นฝ่ายค้านจบมั๊ย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องกฎหมา ซึ่งเขาต้องสู้กับกฎหมายไม่ใช่สู้กับตน เมื่อถามว่า พรรคอนาคตใหม่มีจำนวนสส.เป็นอันดับสาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาอยู่ฝ่ายไหน อยู่ฝ่ายค้านก็อยู่ฝ่ายค้าน ก็จบไป เขาคงไม่อยู่ฝ่ายทางนี้มั้ง เพราะเขาแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว ตนไม่ได้ไปรังเกียจเขาหรอก ก็แล้วแต่เขา
บิ๊กป้อมชี้เปิดกก.คัดสว.อำนาจคสช.
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองที่จะมาร่วมรัฐบาล ว่า ยังไม่ได้คุยอะไรเลยและไม่รับทราบเรื่องจัดตั้งรัฐบาล ส่วนเรื่องขั้วที่3 ก็ยังไม่รู้เรื่อง รู้จากหนังสือพิมพ์ที่เขียนเป็นข่าว เมื่อถามถึงความชัดเจนของการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการคัดสรรสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะที่เป็นประธาน พร้อมจะเปิดเผยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ‘ไม่รู้ คุณคิดกันไปเองทั้งนั้น แต่ก็เปิดได้ ไม่รู้จะเปิดเมื่อไหร่ เป็นเรื่องของ คสช.รัฐธรรมนูญก็บอกไว้แล้วว่า ให้คสช.เป็นคนคัดเลือก’
พล.อ.ประวิตร ยังปฏิเสธกระแสข่าวไปทานข้าวกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เพื่อพูดคุยจัดตั้งรัฐบาลว่า ‘ไม่มี ไม่รู้เรื่อง ไม่ได้คุย’ เมื่อถามว่า พร้อมกลับมารับตำแหน่ง รมว.กลาโหมอีกครั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวว่า โถ่เอ้ย
ขู่ดำเนินคดี’ธนาธร’ใส่ร้ายพปชร.
ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า พรรค พปชร.ฐติดต่อแม่ นายธนาธร ขอ 20สส.มาร่วมงานแลกกับการไม่ดำเนินคดี นายธนาธร ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พรรคไม่มีนโยบายแบบนี้และไม่เคยมอบหมายใคร นายธนาธร โกหกหน้าตาย พูดเท็จใส่ร้ายพรรค พปชร.เป็นการเล่นการเมืองที่สกปรกที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่มีใครในพรรคทำแบบนี้ นึกไม่ถึงว่า นายธนาธร จะกระทำแบบนี้ มีเจตนาพิเศษที่จะใส่ร้ายสร้างความเสียหายให้พรรค พปชร.อย่างไม่น่าให้อภัย
ทั้งนี้ พรรค พปชร.ทำการเมืองตรงไปตรงมา โปร่งใสตามระบอบประชาธิปไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่เคยคิดว่าคนรุ่นใหม่จะกระทำแบบนี้ได้
นายธนกร กล่าวอีกว่า พรรคจะมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดำเนินคดี นายธนาธร ต่อไป เพราะทำให้พรรคเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ไหนบอกว่าเป็นการเมืองแบบคนรุ่นใหม่ แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ นอกจากนี้ การพูดของ นายธนาธร ยังสร้างความเสียหายให้กระบวนการยุติธรรมด้วย เพราะไม่มีใครแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ นายธนาธร มีหลายคดี ซึ่งพรรคไม่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น อยากให้ นายธนาธร เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านที่ดี ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แสดงออกถึงความรักชาติบ้านเมืองบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องที่จะทำให้คนไทยไม่สบายใจจะดีกว่า
ปิยบุตรโวภายใน7วันตั้งรบ.ได้
ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่3ว่า เราได้มอบอำนาจให้พรรคอันดับ1จัดตั้งรัฐบาล แต่กระทั่งวันนี้ยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งเดินไปทางไหนประชาชนก็รู้สึกสิ้นหวังว่า สุดท้ายเลือกตั้งมาแล้ว ยังจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีก1สมัย พรรคอนค.ในฐานะพรรคอันดับ2ของฝ่ายที่ไม่เอา คสช.จึงจะจัดตั้งรัฐบาลเองและคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรร พท.เปิดทางให้แล้ว
‘การที่พรรค พท.จัดตั้งรัฐบาลได้ลำบาก เพราะ10กว่าปีที่ผ่านมาพรรคใหญ่ๆมีความขัดแย้งกันค่อนข้างมาก แต่ อนค.ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้งนั้น เชื่อว่าจะเจรจาต่อรองกันได้ มั่นใจว่าภายใน 7วัน จะหารือพรรคอื่นๆ เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่3และไม่เป็นการเสียมารยาททางการเมือง ที่ผ่านมาพรรคที่ชนะในอันดับ1และ2ไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นเราจะเดินหน้าเจรจากับพรรคอื่น’นายปิยบุตร กล่าว
ปูดมีแรงกดดันส่งหุ้นสื่อให้ศาล
นายปิยบุตร ยังกล่าวถึงกรณี กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรคอนค.ว่า ไม่แน่ใจว่า กกต.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในฐานะที่เป็นผู้สมัคร สส.หรือสส.ถ้าตรวจสอบในฐานะผู้สมัคร ทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นสส.แล้ว ยืนยันว่าการโอนหุ้นตั้งแต่ 8มกราคมแล้ว เพราะทราบเรื่องคุณสมบัติการสมัคร สส.เป็นอย่างดี จึงจัดการไปเรียบร้อย แต่เมื่อ กกต.ยื่นเรื่องแล้วก็พร้อมไปสู้ในชั้นศาล ยืนยันว่า นายธนาธร มีความตั้งใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า มีผู้หวังดี ทั้งโทรศัพท์ ส่งข้อความและส่งจดหมายน้อยมาเตือนว่า มีการเข้ามากดดัน กกต.ให้เร่งรัดคดีนี้ แต่ไม่เชื่อ จึงไม่ได้ออกมาชี้แจง คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่ นายธนาธร เคยมาให้ถ้อยคำยังระบุว่า ให้ชี้แจงเพิ่มเติมได้ จึงไม่คิดว่า กกต.เร่งพิจารณา แม้ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญสามารถใช้อำนาจหน้าที่ได้ตามกฎหมาย แต่ควรระมัดระวัง เพราะอยู่ในสายตาสาธารณชน
พท.หนุน’ธนาธร’เป็นนายกฯ
ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ประกาศเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลและพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า นายธนาธร เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความสามารถและไม่มีอะไรที่เสียหาย จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ นายธนาธร ประกาศเสนอตัวเป็นนายกฯ ซึ่งการประกาศตัวจะไม่เกิดความสับสนในการทำงานร่วมกันของ 7 พรรคการเมืองในขั้ว พท.เพราะพรรคพท.ย้ำมาตลอดว่า ไม่ยึดติดตำแหน่งนายกฯและประธานสภาฯจะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขในการพูดคุยและจับมือทำงานร่วมกันกับพรรคการเมืองต่างๆ หากมีจุดยืนเดียวกันคือการสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สิ่งสำคัญคือจะต้องไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
ดึงปชป.ร่วมถ้าอุดมการณ์ตรงกัน
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า การเสนอชื่อ นายธนาธร ได้พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับอีก 6พรรคการเมืองแล้วถือว่า เป็นการแบ่งบทบาทหน้าที่ในการทำงาน เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ทุกพรรคมีสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกฯได้ หากเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีของประเทศ ส่วนกรณีพรรค พท.สนับสนุนให้ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นประธานสภาฯ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากพรรค ปชป.มีหลักทำงานเดียวกันก็พร้อมสนับสนุน แต่วันนี้ยังไม่ขอพูดถึงตัวบุคคล เพราะต้องดูในหลักการ คือไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง
เฉลิมชัยรับคุยเสี่ยหนูเรื่องหน.ใหม่
ที่ลานพระแม่ธรณี พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมคณะรองเลขาธิการพรรค เช่น พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร นายธนา ชีรวินิจ นายอันวาร์ สาและ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร เป็นต้น เข้าสักการะองค์พระแม่ธรณีบีบมวยผม องค์สัญลักษณ์ประจำพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อความเป็นศิริมงคล ก่อนที่จะทำหน้าที่บริหารงานของพรรคต่อไป
โดย นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้โทรศัพท์พูดคุยแสดงความยินดีที่ตนกลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคและฝากแสดงความยินดีให้กับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า กรณีดังกล่าว ตนยืนยันว่า มีการคุยกับ นายอนุทิน จริง แต่ไม่ใช่คุยเรื่องจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นการคุยยินดีส่วนตัว เรื่องร่วมไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ตนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่ขอให้เป็นมติของกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ร่วมกับส.ส. ดีกว่า ซึ่งไม่น่าจะเกิน 2–3วันนี้และไม่มีผลคาบเกี่ยวกับพรรค ภท.ที่จะมีการประกาศจุดยืนในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะอย่างน้อยที่สุด สภาฯก็จะประชุมกันแล้ว ฉะนั้นทิศทางพรรคต้องชัดเจน ตอนนี้ขอปรึกษา นายจุรินทร์ ก่อน
นายเฉลิมชัย ยังได้พูดถึงกระแสข่าวการตกลงเก้าอี้รัฐมนตรี โดยมีชื่อของตัวเองติดอยู่ในโผด้วยว่า ยังไม่มีใครติดต่อมาเลย เพราะวันนี้ตนเป็นเลขาธิการพรรค ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครไปคุยกับใคร ซึ่งก็มีข่าวออกมาทั้งวัน ยืนยันได้เลยว่า ยังไม่มีการคุยกับใครเลยในเรื่องดังกล่าว
จ่อเฉ่งคดีปล่อยข่าว’ชวน’ต่อรอง
ด้าน นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงข่าวกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ รวมทั้งกรณีที่มีการให้ข่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้โทรศัพท์ติดต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า จะขอนำพรรคปชป.เข้าร่วมรัฐบาล แต่จะต้องไม่แทรกแซงกระบวนการเลือกหัวหน้าพรรค ว่า กระแสข่าวที่ออกมาในขณะนี้ ไม่เป็นความจริง เหตุผลก็คือ ไม่มีการไปพบกันตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด รวมทั้งกรณีของนายชวน ไม่มีการติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น
สัปดาห์หน้ารู้แน่จับมือขั้วไหน
ทั้งนี้ พรรคปชป.มีกระบวนการที่ชัดเจน เช่น การเลือกตั้งหัวหน้าและกก.บห.ที่เพิ่งผ่านพ้นไป โดยขณะนี้ กก.บห.ที่ได้รับเลือกเข้ามาใหม่ จะต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบการเปลี่ยนแปลงฯ ภายใน 15วันนับตั้งแต่วันที่มีการเลือก กก.บห.เสร็จสิ้น ฉะนั้นกระแสข่าวที่ออกมา โดยเฉพาะที่ปล่อยออกมาว่า นายชวน ได้โทรศัพท์ไปหา พล.อ.ประวิตร ตนก็รู้ข้อมูลว่า ที่มาของข่าวนี้อยู่ที่พรรคการเมืองไหน ฉะนั้นถ้ามีการปล่อยข่าวที่ก่อให้เกิดความเสียหายอีก ก็ต้องมาพิจารณาว่า อาจมีการฟ้องร้องตามกฎหมาย อีกทั้ง ข้อบังคับพรรคระบุไว้ชัดว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคปชป.ต้องเรียกประชุม กก.บห.และสส.ของพรรคเพื่อกำหนดว่า จะประชุมร่วมกันวันไหนเพื่อจะกำหนดว่า จะมีการร่วมรัฐบาล หรือไม่ร่วมรัฐบาล
“พรรคขอยืนยันว่า พรรคปชป.เป็นสถาบันทางการเมือง การดำเนินการต่างๆ นั้น เรามีจุดยืน มีหลักการและมีศักดิ์ศรี ฉะนั้นการจะไปดำเนินการต่างๆเหล่านี้ ได้มีขั้นตอนกำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งส่งให้ทันกับการเรียกประชุมร่วมระหว่าง สส.และกก.บห.พรรคตามประสงค์ของเลขาธิการพรรคที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล’นายราเมศ กล่าว
น้องชาย’วิษณุ’รายงานตัวนั่งสว.
ที่อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย เครืองาม น้องชายของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาแสดงตนเป็น สว.วันสุดท้าย พร้อมกล่าวยืนยันว่า ไม่หนักใจการเข้ามาเป็น สว.เพราะมีประสบการณ์เคยเป็นทั้ง สว.และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)มาก่อน จึงรู้อำนาจและหน้าที่เป็นอย่างดี ขออย่ามองสภาพี่น้องแค่นามสกุล ขอให้ดูที่การทำงาน สามารถสอบถามจากวุฒิสภาปี2554-2557 ได้ว่า ชื่อนี้ นามสกุลนี้ มีบทบาททำงานในสภาเป็นอย่างไร
โหวตนายกฯไม่มีใครบังคับได้
เมื่อถามถึงการโหวตเลือกนายกฯว่า จะพิจารณาจากคนที่เลือกให้เข้ามาเป็น สว.หรือไม่ พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ตนและสว.จะเลือกอย่างไรนั้น ขอให้เชื่อใจในดุลยพินิจและวิจารณญาณ ทั้ง สส.และ สว.มีญาณวิถีหยั่งรู้ว่า จะต้องทำงานอย่างไร เลือกใครอย่างไร เพราะการลงคะแนนเลือกนายกฯสภาจะไม่อนุญาตให้อภิปราย หรือแสดงวิสัยทัศน์ ดังนั้นผู้เลือกต้องมีข้อมูลของตัวเองมาอยู่แล้ว จึงจะไม่มีคืนหมาหอน ยืนยันว่า ไม่คำนึงว่าใครตั้งเรามา หรือใครเลือกเรามา แต่ให้ดูจากผลงานในอดีตและรายชื่อแคนดิเดตนายกฯที่มีอยู่ทั้งหมด เมื่อนำรายชื่อมาไล่เรียงดูแล้ว ญาณวิถีหยั่งรู้ก็จะทำให้เรารู้ว่าต่องเลือกใคร ไม่ได้อยู่ในอานัติ หรือมีใครมาสั่งและเชื่อว่า สั่งไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจว่า จะเลือกใคร
โหวตปธ.สภา25พ.ค.ที่’ทีโอที’
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระบวนการภายหลังจากที่ ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้ง มารายงานตัวกับทางสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้วว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว ถึงกำหนดวันทำรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภานัดแรกในวันที่ 24 พฤษภาคม ที่กระทรวงต่างประเทศ จากนั้นในวันรุ่งขึ้นตามหลักการที่เคยปฏิบัติมา หรือในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ จะมีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอีก 2 คนทันที ซึ่งตามกระบวนการก็เป็นไปตามที่ได้กล่าวไปแล้ว โดยสำนักงานเลขาฯได้เรียนเชิญ นายชัย ชิดชอบ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทยไว้แล้ว ในฐานะสส.อาวุโสสูงสุดให้ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวในการประชุมเลือกประธานสภาฯ โดยจะใช้หอประชุมทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ เป็นสถานที่ประชุม ส่วน จะมีการโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 30พฤษภาคมที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ หรือไม่นั้น ตนยังยืนยันไม่ได้ เพราะต้องหารือและขอความเห็นชอบจากประธานรัฐสภาคนใหม่ด้วย
‘สว.’เข้ารายงานตัวแล้ว249คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเข้ารายงานตัว สว.วันสุดท้าย ปรากฏว่า มี สว.เข้าแสดงตนทั้งสิ้น 21คน ส่วน นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีต รมช.ต่างประเทศ แจ้งว่าติดภารกิจต่างประเทศ จึงไม่สามารถมารายงานตัวได้ในสัปดาห์นี้ ขณะที่พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ซึ่งเป็น สว.โดยตำแหน่ง ได้เดินทางมาขึ้นไปแสดงตนและยื่นเอกสารบริเวณชั้นบนของอาคารสุขประพฤติ ทำให้สื่อมวลชนที่รอสัมภาษณ์อยู่ชั้นล่างไม่สามารถตามขึ้นไปสัมภาษณ์ได้ เมื่อรวมยอดผู้มาแสดงตนวันที่ 14-17พฤษภาคม รวมทั้งสิ้น 249คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี