“เชาว์” ยก รัฐบาลอภิสิทธิ์ ตั้งครม.3 วันหลังโปรดเกล้าฯนายก ถาม “ประยุทธ์” ตั้งครม.ช้า เหตุพร้อมเป็นนายกฯแต่ไม่อยากถอดหัวโขน หัวหน้าคสช.ใช่หรือไม่ อัด ปลัด คมนาคม ไม่ชงลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าเหลือ 15 บาทตลอดสาย อ้างรอรัฐบาลใหม่ ฟังไม่ขึ้น จี้ รัฐบาลมีอำนาจเต็ม แถมผู้นำใหม่คนเดิม ต้องทำทันที อย่าเป็นเสือปืนไวควัก ม.44 เฉพาะเอื้อกลุ่มทุน
19 มิ.ย. 62 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “ ปัญหาปากท้องต้องรอใคร มี ม. 44 ไว้ทำไม” ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดตั้งครม.ล่าช้าว่า เป็นเพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 หลุดมือหรือไม่ ยกตัวอย่างรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้ครม. ใหม่หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเพียงแค่ 3 วัน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาล คสช. เร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชนทันที โดยเฉพาะการเจรจาคู่สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าให้ลดราคาค่าโดยสารเหลือ 15 บาทตลอดสาย มีรายละเอียด ระบุว่า 24 มีนาคม พี่น้องคนไทยออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ทอดเวลาออกไปเกือบสามเดือน 5 มิถุนายน รัฐสภาลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จากนั้น 11 มิถุนายน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ยังตั้ง ครม.ไม่ได้ ซึ่งถือเป็นความล่าช้าที่ไม่ควรเกิดขึ้น
เพราะที่ผ่านมารัฐบาลหลังเลือกตั้งเมื่อได้ตัวนายกรัฐมนตรี จะมีการนำรายชื่อรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯในเวลารวดเร็ว ยกตัวอย่าง รัฐบาลอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีได้รับการโปรดเกล้าฯวันที่ 17 ธันวาคม ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าครม.ในวันที่ 20 ธันวาคม เท่ากับหลังนายกรัฐมนตรีได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯก็มีการฟอร์มครม.ทันที เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการบริหารประเทศ
นายเชาว์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.อาจเห็นว่า ตัวเองมีอำนาจเต็ม แถมยังถือมาตรา 44 ไว้ในมือ ยิ่งมีรัฐบาลใหม่เร็วเท่าไหร่ อำนาจพิเศษก็จะหลุดมือไปเร็วเท่านั้น แม้ว่า ผู้นำจะเป็นคนเดิมอำนาจก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ส่วนจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้การตั้งครม.ล่าช้าหรือไม่ ผู้มีอำนาจต้องเป็นคนให้คำตอบกับประชาชนว่า ยังไม่พร้อมที่จะเป็นแค่นายกรัฐมนตรีโดยไม่มีตำแหน่งหัวหน้า คสช.ควบด้วยใช่หรือไม่
“สิ่งที่ผมอยากท้วงไว้คือ เมื่อเป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม ผู้นำรัฐบาลก็ไม่เคยคิดชะลอการใช้อำนาจ ก็ควรเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ไม่ควรมีข้ออ้างว่า ต้องรอรัฐบาลใหม่มาตัดสินใจ เช่น กรณีค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่มีราคาแพงกว่าในต่างประเทศ ผลศึกษาของทีดีอาร์ไอ พบว่า ผู้โดยสารต้องจ่ายเฉลี่ย 28.30 บาทต่อเที่ยว ซึ่งถือว่า สูงมากสำหรับผู้มีรายได้น้อย จึงมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้รัฐบาลตรวจสัญญาสัมปทาน เจรจากับคู่สัญญาให้ลดค่าโดยสารเหลือ 15 บาทตลอดสาย แต่รัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมีอำนาจเต็มกลับไม่เร่งดำเนินการ ปลัดกระทรวงคมนาคม อ้างว่า ต้องรอนโยบายที่ชัดเจน จากรัฐบาลใหม่ผมคิดว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะปัญหาปากท้องประชาชนต้องแก้ไขทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาล คสช. มีอำนาจเต็มในมืออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอรัฐบาลใหม่ เนื่องจากผู้นำรัฐบาลก็เป็นคนเดิม อย่าให้เขาครหาได้ว่า มี ม.44 ไว้เอื้อแต่กลุ่มทุน แต่พอเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนกลับไม่สนใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี