สกัดภัยคุกคาม!‘บิ๊กช้าง’งัดระเบียบสวน‘เสธ.อนค.’ ยันทหารมีสิทธิ์จ้อการเมือง
14 สิงหาคม 2562 ที่รัฐสภา ย่านเกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีระเบียบวาระการประชุม คือ การตอบกระทู้สดของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดย พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้ตั้งกระทู้ถาม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงบทบาทของผู้บัญชาการเหล่าทัพในเรื่องของข้าราชการกลาโหมกับการเมือง
พล.ท.พงศกร ตั้งคำถามว่า มีการให้ความเห็นทางการเมือง จากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เป็นที่ทราบกันว่าอยู่ในช่วงเวลาไม่ปกติ ซึ่งเข้าใจได้ แต่ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่ายังมีการให้ความเห็นทางการเมืองของผู้บัญชาการเหล่าทัพ จึงมีความจำเป็นที่ตนต้องตั้งกระทู้ถาม เพื่อให้มีการทบทวนเรื่องนี้กันใหม่
โดยตนขอถามว่า ตามมาตรา 12 ทวิ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข่าวและบริการข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2529 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2533) ระบุไว้ชัดเจนว่า ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือลูกจ้างของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายในการให้ความเห็นทางการเมือง และต้องอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ ดังนั้นตนอยากทราบว่าในการให้ความเห็นของผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาในขณะนี้ เป็นการให้ข่าวสารที่เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือไม่
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ระบุว่า กระทรวงกลาโหมมีอำนาจและบทบาทหน้าที่ พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ซึ่งข้าราชการกลาโหมทุกนาย จะต้องยึดถือปฏิบัติ คือ ต้องพิทักษ์รักษาเอกราชของอาณาจักร ทั้งจากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในราชอาณาจักร และจะต้องพิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติ รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายในลักษณะนี้เป็นเรื่องของกองทัพจะต้องมีหน้าที่ในการเตรียม และประเมินความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งในส่วนอำนาจหน้าที่ของผู้บัญชาการกองทัพก็มีหน้าที่บังคับบัญชาหน่วยงานในความรับผิดชอบเพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่กล่าวไว้ข้างต้น
ต่อมา พล.ท.พงศกร ถามต่อว่า ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมือง พ.ศ.2499 ในมาตรา 7 ระบุว่า ข้าราชการกลาโหมจะต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และจะต้องไม่ฝ่าฝืนข้อ 8 ที่ระบุถึงข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติในทางการเมือง จึงอยากถามว่าการให้ความเห็นทางการเมืองของผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นการขัดกับข้อบังคับกระทรวงกลาโหมฉบับนี้หรือไม่
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ระบุว่า ข้อบังคับดังกล่าว เป็นแนวทางปฏิบัติของข้าราชการกลาโหม 2 เรื่องหลักๆ คือ การเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของข้าราชการกลาโหม กับการสนับสนุนให้กับนักการเมือง ซึ่งตนได้ดูข้อบังคับดังกล่าวแล้ว ในปัจจุบันนี้การให้ข่าวของผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นไปตามระเบียบฯ ที่กำหนดให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพสามารถให้ข่าวในเรื่องนโยบาย การปฏิบัติงานประจำ งานด้านความมั่นคง เป็นต้น ดังนั้นตนยืนยันว่า การให้ข่าวของผู้บัญชาการเหล่าทัพ สามารถให้ข่าวสารตามหน้าที่ ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ให้ข้อคิดเห็น เสนอแนะ และห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองต่อประชาชนได้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ สร้างความสงบเรียบร้อยต่อประชาชน
สุดท้าย พล.ท.พงศกร ถามว่า ในประเทศฝั่งตะวันตก หรือตะวันออกก็ดี ทหารจะไม่ให้ความเห็นทางการเมือง เพราะกองทัพเป็นผู้ถืออาวุธ และยังมีอำนาจเหนือพรรคการเมืองและประชาชนทั่วไป จึงต้องมีระเบียบที่รัดกุมและไม่ก่อให้เกิดความหวาดระแวงในหมู่ประชาชน ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีแนวความคิดจะปรับเปลี่ยนการให้ความเห็นในส่วนดังกล่าว สอดคล้องกับประเทศสากลได้หรือไม่
พล.อ.ชัยชาญ ได้ตอบว่า การทำงานของกองทัพแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน ซึ่งกองทัพไทยถูกกำหนดบทบาทไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่น โดยหน้าที่หลักของกองทัพไทย คือ ช่วยเหลือและพัฒนาประเทศ เป็นเครื่องมือพัฒนาประเทศ รวมถึงดูแลภัยคุกคาม ความมั่นคง ซึ่งกองทัพได้กำหนดระเบียบให้ข้าราชการยึดถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด รวมถึงปลูกฝังอุดมการณ์ทหารเพื่อป้องกันสถาบันหลักของชาติให้มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี