ตบปากกลางสภา! 'บิ๊กช้าง'งัดระเบียบตอกหน้า‘เสธ.อนค.’ยันทหารมีสิทธิ์จ้อการเมือง

ตบปากกลางสภา! 'บิ๊กช้าง'งัดระเบียบตอกหน้า‘เสธ.อนค.’ยันทหารมีสิทธิ์จ้อการเมือง

วันพุธ ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562, 17.12 น.

สกัดภัยคุกคาม!‘บิ๊กช้าง’งัดระเบียบสวน‘เสธ.อนค.’ ยันทหารมีสิทธิ์จ้อการเมือง

14 สิงหาคม 2562 ที่รัฐสภา ย่านเกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีระเบียบวาระการประชุม คือ การตอบกระทู้สดของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดย พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้ตั้งกระทู้ถาม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงบทบาทของผู้บัญชาการเหล่าทัพในเรื่องของข้าราชการกลาโหมกับการเมือง


พล.ท.พงศกร ตั้งคำถามว่า มีการให้ความเห็นทางการเมือง จากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เป็นที่ทราบกันว่าอยู่ในช่วงเวลาไม่ปกติ ซึ่งเข้าใจได้ แต่ในปัจจุบันนี้ปรากฏว่ายังมีการให้ความเห็นทางการเมืองของผู้บัญชาการเหล่าทัพ จึงมีความจำเป็นที่ตนต้องตั้งกระทู้ถาม เพื่อให้มีการทบทวนเรื่องนี้กันใหม่

โดยตนขอถามว่า ตามมาตรา 12 ทวิ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้ข่าวและบริการข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2529 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2533) ระบุไว้ชัดเจนว่า ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือลูกจ้างของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายในการให้ความเห็นทางการเมือง และต้องอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ ดังนั้นตนอยากทราบว่าในการให้ความเห็นของผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาในขณะนี้ เป็นการให้ข่าวสารที่เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือไม่

ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ระบุว่า กระทรวงกลาโหมมีอำนาจและบทบาทหน้าที่ พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ซึ่งข้าราชการกลาโหมทุกนาย จะต้องยึดถือปฏิบัติ คือ ต้องพิทักษ์รักษาเอกราชของอาณาจักร ทั้งจากภัยคุกคามทั้งภายนอกและภายในราชอาณาจักร และจะต้องพิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติ รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายในลักษณะนี้เป็นเรื่องของกองทัพจะต้องมีหน้าที่ในการเตรียม และประเมินความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งในส่วนอำนาจหน้าที่ของผู้บัญชาการกองทัพก็มีหน้าที่บังคับบัญชาหน่วยงานในความรับผิดชอบเพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่กล่าวไว้ข้างต้น  

ต่อมา พล.ท.พงศกร ถามต่อว่า ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยข้าราชการกลาโหมกับการเมือง พ.ศ.2499 ในมาตรา 7 ระบุว่า ข้าราชการกลาโหมจะต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง และจะต้องไม่ฝ่าฝืนข้อ 8 ที่ระบุถึงข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติในทางการเมือง จึงอยากถามว่าการให้ความเห็นทางการเมืองของผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นการขัดกับข้อบังคับกระทรวงกลาโหมฉบับนี้หรือไม่

ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ระบุว่า ข้อบังคับดังกล่าว เป็นแนวทางปฏิบัติของข้าราชการกลาโหม 2 เรื่องหลักๆ คือ การเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของข้าราชการกลาโหม กับการสนับสนุนให้กับนักการเมือง ซึ่งตนได้ดูข้อบังคับดังกล่าวแล้ว ในปัจจุบันนี้การให้ข่าวของผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นไปตามระเบียบฯ ที่กำหนดให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพสามารถให้ข่าวในเรื่องนโยบาย การปฏิบัติงานประจำ งานด้านความมั่นคง เป็นต้น ดังนั้นตนยืนยันว่า การให้ข่าวของผู้บัญชาการเหล่าทัพ สามารถให้ข่าวสารตามหน้าที่ ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ให้ข้อคิดเห็น เสนอแนะ และห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองต่อประชาชนได้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ สร้างความสงบเรียบร้อยต่อประชาชน

สุดท้าย พล.ท.พงศกร ถามว่า ในประเทศฝั่งตะวันตก หรือตะวันออกก็ดี ทหารจะไม่ให้ความเห็นทางการเมือง เพราะกองทัพเป็นผู้ถืออาวุธ และยังมีอำนาจเหนือพรรคการเมืองและประชาชนทั่วไป จึงต้องมีระเบียบที่รัดกุมและไม่ก่อให้เกิดความหวาดระแวงในหมู่ประชาชน ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีแนวความคิดจะปรับเปลี่ยนการให้ความเห็นในส่วนดังกล่าว สอดคล้องกับประเทศสากลได้หรือไม่

พล.อ.ชัยชาญ ได้ตอบว่า การทำงานของกองทัพแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน ซึ่งกองทัพไทยถูกกำหนดบทบาทไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่น โดยหน้าที่หลักของกองทัพไทย คือ ช่วยเหลือและพัฒนาประเทศ เป็นเครื่องมือพัฒนาประเทศ รวมถึงดูแลภัยคุกคาม ความมั่นคง ซึ่งกองทัพได้กำหนดระเบียบให้ข้าราชการยึดถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด รวมถึงปลูกฝังอุดมการณ์ทหารเพื่อป้องกันสถาบันหลักของชาติให้มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top