“สมศักดิ์”ลุ้นปลัดยธ.ชี้ขาด คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเผยผิดสเปคทีโออาร์มากมายทำลายง่าย รวมทั้งใช้สัญญาณคลื่นโทรศัพท์ต่ำกว่ารายงานสปท.กำหนด ทำสัญญาณหาย-แจ้งเตือนถี่จนผิดปกติขาดความน่าเชื่อถือ
วันที่ 24 สิงหาคม 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตั้งกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติและทีโออาร์(TOR)ของระบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือกำไลอีเอ็ม(EM) ที่สามารถถอดออกได้โดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนและถูกกระชากขาดด้วยมือเปล่าว่า นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้รับรายงานสรุปผลการตรวจสอบจากพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ขั้นตอนต่อไปยังต้องรอให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมพิจารณาลงความเห็น คาดว่าเมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจนปลัดกระทรวงยุติธรรมจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 26 ส.ค.นี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เสนอความเห็นไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรมว่า การเช่าใช้กำไลอีเอ็มส่อที่จะขัดต่อทีโออาร์ในหลายจุด ดังนี้ 1.การไม่กำหนดให้มีการทดสอบระบบการทำงานของกำไลอีเอ็ม โดยอ้างเพียงว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีเอกสารรับรองคุณภาพจากองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือแล้ว เป็นผลให้การประมูลถูกตัดสินด้วยการเสนอราคาต่ำเพียงอย่างเดียว 2. สายรัดกำไลอีเอ็มที่เป็นสายยาง ซึ่งไม่ระบุถึงความเหนียว แข็งแรงทนทานต่อการตัดทำลาย
3.ระบบกำไลอีเอ็มใช้ระบบสัญญาณติดตามด้วยคลื่นโทรศัพท์เครือข่าย 2 จี ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่ศึกษาโดยคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ทั้งนี้ การกำหนดทีโออาร์ให้ต่างไปจากรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนประเทศฯ ส่งผลให้สัญญาณจากกำไลอีเอ็มขาดหายไปจากระบบ เมื่อเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ยกเลิกใช้เครือข่าย 2 จีแล้ว
ประเด็นที่ 4 เมื่อตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังของศูนย์ควบคุมระบบกำไลอีเอ็ม พบการแจ้งเตือนสูงผิดปกติ ซึ่งในแต่ละเดือนจะมีการสั่งใช้กำไลอีเอ็มกับผู้ถูกคุมประพฤติเฉลี่ย 500-700 ราย แต่ระบบแจ้งเตือนสายรัดถูกตัด สายรัดถูกกระทบกระเทือนหลักแสนครั้ง หรือหลักล้านครั้งต่อเดือน ทำให้ระบบขาดความน่าเชื่อถือว่าเป็นการผิดพลาดของอุปกรณ์หรือการฝ่าฝืนเงื่อนไขของผู้ถูกคุมประพฤติ นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่าผู้ถูกสั่งติดกำไลอีเอ็มมีอาการแพ้สายรัด ผิวหนังบริเวณข้อมือเป็นแผลติดเชื้อ
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ถือเป็นดุลพินิจของปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่จะลงความเห็นว่าข้อบกพร่องของระบบกำไลอีเอ็มจะถือว่าผิดสเป็คในการเช่าใช้หรือไม่อย่างไร บริษัทเอกชนคู่สัญญาจะสามารถแก้ไขจุดบกพร่องที่ตรวจสอบพบได้หรือไม่ และข้อบกพร่องที่ตรวจพบจะถึงขั้นต้องสั่งปรับหรือยกเลิกสัญญาหรือไม่ ขณะที่กรมคุมประพฤติได้เรียกคืนกำไลอีเอ็มมาตรวจสอบทั้งหมด และสั่งให้บริษัทเอกชนคู่สัญญานำชุดกำไลอีเอ็มเข้ามาเปลี่ยนใหม่ โดยให้ผู้ถูกคุมประพฤติสวมกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าแทนข้อมือ เนื่องจากทีโออาร์กำหนดว่า กำไลอีเอ็มจะใช้สวมที่ข้อมือหรือข้อเท้า อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
สำหรับรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เรื่องการใช้กำไลอีเอ็มในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา มีข้อเสนอแนะถึงมาตรฐานขั้นต่ำที่ต้องใช้งานกับโครงข่ายโทรคมนาคม ตั้งแต่มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 3 จีขึ้นไป รวมถึงคุณลักษณะด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น 1.อุปกรณ์ต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 513 มีระบบป้องกันการถูกทำลายด้วยของแข็งตั้งแต่ระดับ 6 ขึ้นไป และป้องกันน้ำตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นไป แก้ปัญหาการใช้งานสำหรับผู้สวมใส่ที่ต้องลุยน้ำ ลุยโคลน
2.สามารถทำงานได้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 0-85 องศาเซลเซียส 3.สายรัดมีความเหนียวและทนต่อการตัด โดยอาจใช้เป็นแผ่นเหล็ก สายสแตนเลสถักหรือวัสดุอื่นๆ ที่มีความแข็งแรงทนทานเพื่อเสริมโครงสร้างในสายรัด หรือสายรัดอาจทำจากวัสดุจำพวกโพลีเมอร์เสริมใยเหล็กกล้า 4.สายรัดมีกลไกพิสูจน์การงัดแงะ 5.ตัวอุปกรณ์มีกลไกป้องกันการงัดแงะ และสามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือน 6.เมื่อประกอบสายรัดกับตัวอุปกรณ์และสวมใส่ให้กับผู้ถูกควบคุมแล้วต้องไม่สามารถถอดออกได้ และ7.มีน้ำหนักรวมตัวอุปกรณ์และสายรัด ไม่เกิน 300 กรัม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี