"ปิยบุตร"ลั่นวิจารณ์ศาลได้! ชี้ปชช.เจ้าของอำนาจอธิปไตย ถาม"เลขาศาลรธน."ใช้อำนาจตามกม.ข้อไหนเรียก"โกวิท"ไปชี้แจงปมละเมิดอำนาจศาลฯ โอดเปิดช่องบุคคลอื่นฟ้องแทนศาล เป็นกระบวนการทางยุทธศาสตร์ ที่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน
เมื่อเวลา 13.20 น.วันที่ 30 สิงหาคม 2562 ทื่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงถึงกรณีมีบุคคลจำนวนหนึ่งถูกร้องทุกข์กล่าวโทษเรื่องดูหมิ่นศาล และละเมิดอำนาจศาล เช่น นายโกวิท วงศ์สุรวัฒน์ พ่อของ นายจอห์น วิญญู ว่า รัฐธรรมนูญประกาศรับรองเอาไว้ว่าประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ดังนั้น เจ้าของอำนาจคือประชาชน การที่ประชาชนคนทั่วไปวิพากษ์วิจารย์องค์กรต่างๆ ที่ใช้อำนาจอธิปไตยนั้นจึงเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย เพราะทำไมเจ้าของอำนาจจะวิจารณ์องค์กรที่ใช้อำนาจไม่ได้ เราจะเห็นประชาชนวิจารณ์ ส.ส.วิจารณ์นักการเมือง สภา รัฐบาล เช่นเดียวกันก็ต้องวิจารณ์ศาลได้ แต่เราเข้าใจว่าศาลเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรม ดังนั้น จึงต้องมีกฎหมายอะไรบางอย่างที่ต้องปกป้องคุ้มครองศาลเช่นเดียวกัน ตรงนี้เราไม่ปฏิเสธ เพียงแต่กฎหมายที่ใช้ปกป้องคุ้มกันนั้นจะทำอย่างไรให้สมดุลกับเสรีภาพของประชาชนในการวิพากษ์วิจารณ์ของศาล
ทั้งนี้ กฎหมายเรื่องการละเมิดอำนาจศาลบัญญัติไว้เพื่อใช้เวลาที่มีใครมาขัดขวางการพิจารณาของศาล ปิดล้อม ชุมนุมที่ศาล หรือเมื่อศาลมีคำสั่งแล้วไม่เคารพศาล ก่อความไม่สงบวุ่นวายในศาล รวมไปถึงการติดสินบนต่างๆ ในศาล กฎหมายจึงมีลักษณะพิเศษที่ให้อำนาจศาลดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องผ่านตำรวจเพื่อต้องการความฉับไว เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของศาล อีกเรื่องคือเรื่องดูหมิ่นศาล คือดูหมิ่นตัวบุคคล เช่น ตุลาการ หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาคดี หรือขัดขวางการพิจารณาคดี เรื่องนี้จะดำเนินการโดยการไปแจ้งความ หรือตัวผู้เสียหายจะฟ้องศาลดำเนินคดีก็ได้ ซึ่งกรณีของศาลรัฐธรรมนูญ วิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในมาตรา 38 วรรค 3 เขียนว่า การวิจารณ์การวินิจฉัย หรือคำสั่งของศาลนั้นหากทำโดยสุจริต ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย เหล่านี้ไม่ถือเป็นละเมิดอำนาจศาล ซึ่งการจะละเมิดอำนาจศาลหรือไม่อย่างไร โดยธรรมชาติของการวิจารณ์คำวินิจฉัยไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาลอยู่แล้ว แต่พอคุณไปเขียนกฎหมายแบบนี้ แปลว่าคุณตีขอบเอาไว้แล้วว่าจะวิจารณ์อย่างไรถึงไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาล ถ้าวิจารณ์ออกนอกกรอบเรื่องความโดยสุจริต ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้ายเหล่านี้ถือว่า เป็นการละเมิดอำนาจศาลทันที ซึ่งตนเห็นว่า การเขียนกฎหมายแบบนี้ทำให้มีขอบเขตการใช้กฎหมายอำนาจละเมิดอำนาจศาลกว้างจนเกินไป
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า กรณีวันนี้ที่นายโกวิท ถูกเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญเรียกตัวไป ตนก็นั่งสงสัยอยู่ว่า หนังสือเรียกตัวนายโกวิทนั้น สถานะทางกฎหมายคืออะไร สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญอาศัยอำนาจตามกฎหมายข้อไหนเรียกคนไปชี้แจง เราอยู่ในหลักนิติรัฐ องค์กรผู้ใช้อำนาจรัฐจะมีอำนาจรัฐต้องมีกฎหมายให้อำนาจ ตำรวจเราไปก็ต้องมีหมายเรียก กกต.ก็ปฏิบัติตามกฎหมายของ กกต. ปัญหาคือ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญทำจดหมายเรียกนายโกวิทไปชี้แจงวันนี้อาศัยอำนาจตามกฎหมายอะไร ตนดูกฎหมายฉบับนั้นก็ไม่เห็นอ้างกฎหมายอะไรเลย ส่วนอีกคดีที่กำลังจะเปิดกระบวนการพิจารณาคดีในวันที่ 9 กันยายน คือ กรณีของ นางสฤณี อาชวนันทกุล นักวิชาการ เป็นการดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง โดยใช้เรื่องละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิฯ แพ่ง แต่ใช้มาตรา 32 ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องหนังสือ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ในระหว่างที่การพิจารณาคดียังไม่จบ แต่กรณีนางสฤณีเป็นวิจารณ์คำพิพากษาที่จบไปแล้ว ดังนั้น ตนจึงอยากฝากว่า ศาลเป็นองค์กรตุลาการ เป็นองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตยเคียงคู่ไปกับรัฐสภา และรัฐมนตรี ทั้ง 3 องค์กรนี้อยู่ในระนาบเดียวกัน ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร และเมื่อคุณใช้อำนาจอธิปไตยผ่านกระบวนการตุลาการ ก็จำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยมีโอกาสตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบที่ดีที่สุดคือการวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งกันและกัน ท่านต้องระวังเรื่องการใช้กรณีละเมิดอำนาจศาลมาดำเนินคดี เพราะต่อไปในอนาคตจะทำให้เข้าใจว่า ศาลเป็นองค์กรที่แตะต้องไม่ได้เลยหรือเปล่า
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ถูกฟ้องข้อหาดูหมิ่นศาล นายปิยบุตร กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 198 โดยการริเริ่มคดีตามมาตราดังกล่าวเกิดได้จาก 2 ช่อง คือ ผู้เสียหายไปฟ้องคดีต่อศาลเอง หรือใครก็ได้ไปฟ้องตำรวจ หรืออัยการ ซึ่งปัจจุบันสิ่งที่เกิดขึ้น มาจากแนวทางหลัง ซึ่งตนก็โดนใช้ช่องทางนี้ จากการแจ้งความของ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ที่ไปแจ้งความที่ ปอท.โดยระบุว่ารับมอบอำนาจจาก คสช.กรณีดังกล่าวจึงกลายเป็นจุดอ่อนของกฎหมายมาตรานี้ ที่เปิดโอกาสให้ใครๆ ก็ไปแจ้งความกับตำรวจได้
"ประเทศที่เป็นอารยะแล้ว เข้าพยายามป้องกัน การ "สแน็ป" หรือการดำเนินคดีทางยุทธศาสตร์เพื่อขัดขวางไม่ให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพในการแสดงออกหรือ เข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายสาธารณะ ตอนนี้มันกำลังเป็นแนวโน้มของโลกที่ใช้เรื่องนี้กันเยอะขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐก็พยายามออกกฎหมาย ป้องกันไม่ให้เกิดการฟ้องคดีเพื่อปิดปากกัน ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ก็มีนโยบายในเรื่องนี้ เรื่องของการป้องกันการฟ้องคดีปิดปากต่อไป เพราะฉะนั้น กรณีการดูหมิ่นศาล ตัวศาลที่ถูกดูหมิ่น ถ้าท่านเห็นเอง ท่านต้องริเริ่มด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้สภาพการณ์ทางกฎหมายมันเปิดช่องไว้จริงๆ ว่าใครก็ได้ สามารถไปฟ้องตำรวจได้" นายปิยบุตร ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี