เป็นโรคเครียด! 'บิ๊กตู่'บอกมีคนแช่งให้ตาย ตัดพ้อทำไมเกลียดกันขนาดนี้

เป็นโรคเครียด! 'บิ๊กตู่'บอกมีคนแช่งให้ตาย ตัดพ้อทำไมเกลียดกันขนาดนี้

วันพฤหัสบดี ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562, 15.34 น.

“นายกฯ” เป็นสักขีพยานลงนามเอ็มโอยูป้องกันโรคคนวัยทำงาน พร้อมเปิดตัว 10 แพคเกจส่งเสริมสุขภาพ โอดเจอปัญหาเยอะทำเป็นโรคเครียดแต่สู้ได้ บอกมีคนแช่งให้ตายเกลียดอะไรกันขนาดนั้น ยินดีรับคำด่าเพราะเป็นคนรับใช้ปชช. เตือนโซเชียลซินโดรม ขอสื่ออย่าตีข่าวทำคนไทยเครียด

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคนวัยทำงานในสถานประกอบการ ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และเปิดตัวแนวทาง 10 Packages ส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมในสถานประกอบการ


สำหรับชุดความรู้สุขภาพ 10 เรื่อง ประกอบด้วยชุดที่ 1 หุ่นดีสุขภาพดี ชุดที่ 2 จิตสดใส ใจเป็นสุข ชุดที่ 3 ครอบครัวสดใส ใส่ใจดูแล ชุดที่ 4 สุดยอดคุณแม่ ชุดที่ 5 เตรียมเกษียณอย่างมีคุณค่า พาซีวายืนยาว ชุดที่ 6 ออฟฟิศ ซินโดรม ชุดที่ 7 สถานประกอบการจะก้าวไกล ต้องใส่ใจสุขภาพแรงงานต่างชาติ ชุดที่ 8 สถานประกอบการดี ชีวีสดใสไร้แอลกอฮอล์ บุหรี่ ชุดที่ 9 โรงอาหารปลอดภัยใส่ใจสุขภาพ และชุดที่ 10 สถานประกอบการปลอดภัยสิ่งแวดล้อมดี มีสมดุลชีวิต

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือสุขภาพอนามัยและการรักษาพยาบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวงจรเดียวกัน ตนยินดีที่มีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมสุขภาพในครั้งนี้ ถือเป็นการนำร่องไม่ใช่เพียงสถานประกอบการอย่างเดียว แต่ประชาชนทั่วไปต้องดูแลสุขภาพด่วย เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อชีวิตที่มีความสุขต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญคือให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี และหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าระบบสุขภาพของคนไทยได้รับการประเมินอยู่ที่อันดับ 6 ในจำนวน 89 ประเทศและเราเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มต้นมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาจนถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ให้ความสำคัญในระบบสุขภาพของคนไทย ซึ่งรัฐบาลจะสืบสานสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตามภายหลังจากลงนามความร่วมมือแล้วขอให้ทุกคนช่วยกันทำอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงอีก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้คนไทยอยู่ในวัยทำงาน 51 ล้านคนซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศชาติ ดังนั้นต้องพัฒนาตัวเองด้วยซึ่งรัฐบาลก็จะดูแล ขณะเดียวกัน 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาล ได้เก็บทุกเรื่องที่ไม่สมบูรณ์มาแก้ปัญหาและเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆถ้ามองฟรีอย่างเดียวไม่ได้ต้องดูทั้งระบบและหาเงินมาสนับสนุนแต่สิ่งที่จะไม่เสียเงินเลยคือการรักษาสุขภาพให้ดี วันนี้มีหลายโรคด้วยกัน เช่น เบาหวานความดันและโรคเครียด

"โรคเครียดผมก็เป็น เพราะมีหลายอย่างรุมเร้า เดี๋ยวก็จะปรึกษาหมอ แต่สู้ได้ เพราะผมไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อคนในชาติ และวันนี้ก็มีคนสู้กับผม ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีแล้วแล้วจะอะไรกันนักหนาก็ต้องช่วยกันทำงาน มันมีเรื่องทุกวัน ปัญหาก็ต้องแก้ โอเค ไม่เป็นไร ผมจะไม่บ่น"นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้แม้ตนจะไม่ใช่หมอ แต่ทำงานมา 4-5 ปีก็ได้ฟังหมอมาจำนวนมาก แต่โชคดีที่ไม่ได้ป่วยหนักหนาสาหัสแบบที่หลายคนอยากให้เป็น และหลายคนบอกตนบ่นมากเมื่อไหร่จะลาออกสักที ซึ่งตนไม่ได้บ่นแค่พูดให้ฟังเฉยๆ และบางคนก็บอกเมื่อไหร่ผมจะตายๆ สักทีก็ดีเหมือนกัน คนเราทำไมเกลียดกันขนาดนี้ แต่คนรักผมก็มีเยอะอย่างน้อยในห้องนี้ เดี๋ยวจะหาว่าตนพูดการเมืองอีก นอกจากนี้วันนี้อะไรก็ด่านายกไฯ ไว้ก่อน แต่ไม่เป็นไรยินดี เพราะตนเป็นคนรับใช้ประชาชนอยู่แล้ว ไม่ใช่เจ้านาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันโรคเครียดส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเสพสื่อ วันนี้มีโรคโซเชียลซินโดรม โรคเสพสื่อโซเชียล ซึ่งวันนี้ก็มีสื่อจำนวนมาก ตนไม่ใช่ศัตรูกับสื่ออยู่แล้ว แต่อย่าทำให้เสียชื่อเสียงประเทศชาติ เพราะเรื่องในประเทศก็คือเรื่องภายในประเทศ หากเราไม่แก้ไขแล้วใครจะแก้ เหมือนเรื่องสุขภาพหากเราไม่ดูแลแล้วใครจะดูแลให้ อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณสื่อแต่ขออย่าทำให้คนไทยทั้งประเทศเครียด เพราะหากทำให้คนเป็นโรคขึ้นมาก็จะอันตราย ดังนั้นวันนี้ขอให้ทุกคนร่วมกันดูแลในเรื่องสุขภาพและเรื่องอื่นๆที่เป็นปัญหาของประเทศไทยไปด้วยกัน

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเดิมได้มีการกำหนดไว้ในวันเดียวกันนี้ แต่ได้เลื่อนไปก่อนเนื่องจากรัฐมนตรีหลายมีภารกิจเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯ พร้อมด้วย นายอนุทิน พล.อ.อนุพงษ์ นายสาธิต และปลัดกระทรวงที่มาร่วมงาน ได้ลงมาทานกาแฟที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรมแรม ประมาณ 15 นาที ก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล

ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเดิมได้มีการกำหนดไว้ในวันเดียวกันนี้ แต่ได้เลื่อนไปก่อนเนื่องจากรัฐมนตรีหลายมีภารกิจเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top