พท.จัด70สส.ถล่มงบ’63
ฮึ่ม‘งูเห่า’
ห้ามโหวตสวนหนุนรัฐบาล
ขู่สังคมตรวจสอบแน่
รบ.เคาะซักฟอก3วัน
แบ่งฝ่ายละ15ชั่วโมง
ชี้เสียงปริ่มน้ำผ่านได้
“เพื่อไทย”ขู่ใครโหวตสวนมติพรรค เจอสังคมตรวจสอบแน่ จัดหนัก 70 สส.ขออภิปรายถล่มงบประมาณ’63 นัดติวเข้มก่อนลุย ระบุจัดสรรงบมีพิรุธหลายจุด ขณะรัฐบาลย้ำให้อภิปราย 3 วัน ไม่ขยายวันอภิปรายเพิ่ม “สนธิรัตน์” มั่นใจทุกฝ่ายร่วมโหวตผ่านงบ’63ไม่กังวลพรรคเล็ก ส่งสัญญาณไม่โหวต ย้ำจัดสรรอย่างเหมาะสม ตามบทบาทภารกิจเป้าหมายใช้พัฒนาประเทศ วิษณุ’ชี้ตั้ง กมธ.งบ ต้องเลือกคน มีเวลาทำงานเต็มที่ เชื่อแต่ละมาตราถกยาววิปรัฐบาลเคาะถกงบ63 เวลา 3วัน รัฐบาล-ฝ่ายค้าน อภิปรายฝ่ายละ15ชม. มั่นใจ ฝ่าฟันเสียงปริ่มน้ำได้ ยืนกราน18พรรคร่วมฯไม่มีแตกแถว ‘ชวน’เผยยังไม่ได้หนังสือ 51สส.พปชร.ยื่นฟันแกนนำฝ่ายค้าน พร้อมส่งให้ศาล รธน.ตีความ
เมื่อวันที่ 10ตุลาคม นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563ว่าสภาผู้แทนราษฎรกำหนดให้เวลาในการอภิปราย 3 วัน ระหว่างวันที่ 17 ถึง 19 ตุลาคม ได้เวลารวม 40 ชั่วโมง โดยฝ่ายรัฐบาล 20 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมง จากเวลาของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังต้องนำมาเฉลี่ยกันใน7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน
พท.จัด70สส.ถล่มงบประมาณ63
“ซึ่งเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทย มีผู้แสดงเจตจำนงขออภิปรายมากถึง 70 คน เมื่อนำมาหาร เป็นเวลา ผู้อภิปรายจะได้เวลาประมาณคนละ 5-6 นาทีเท่านั้น ในส่วนของผู้อภิปรายหลักที่ต้องเน้นเนื้อหาเฉพาะอาจจะได้เวลาเพิ่มขึ้นมา ในจำนวนผู้แสดงเจตจำนงอภิปราย ยังสามารถปรับลดได้อีก ในวันที่15-16ต.ค.พรรคเพื่อไทย จะมีการประชุมเตรียมความพร้อมและติวเข้มกันอีกครั้ง”นายสุทิน ย้ำ
ระบุจัดงบพบพิรุธหลายอย่าง
นายสุทิน ยอมรับว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะโฟกัสไปที่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นพิเศษหรือไม่ เท่าที่ดูในรายละเอียดเบื้องต้น รัฐบาลประมาณรายรับคลาดเคลื่อนไปเยอะ งบด้านความมั่นคงเยอะกว่างบการแก้ไขปัญหาปากท้อง เมื่อลงไปดูในเนื้อหา ยังพบว่า มีการจัดงบประมาณแบบใหม่ งบบูรณการ มีการจัดงบไม่มีรายละเอียดจำนวนมาก นำไปลงไว้ว่า เป็นการวิจัย เป็นงบกองทุน ซึ่งดูแล้วเห็นพิรุธหลายอย่าง ถ้าปล่อยไปแบบนี้ คงจะเป็นปัญหา5ปีที่ผ่านมา สมัยสภานิติบัญญัติ(สนช.)ใช้เวลาพิจารณาเพียง 30นาที ไม่ได้มีการตรวจสอบเท่าที่ควร ฝ่ายค้าน จึงอยากจะสะสาง คงต้องใช้เวลาพิจาณาพอสมควร ไม่อยากให้รัฐบาล ขี้เหนียวเวลาและไม่อยากให้มีการตีรวนมากนัก
ขู่ห้ามโหวตงบฯสวนมติพรรค
เมื่อถามถึงข้อห่วงใยที่ ส.ส.อาจจะไม่โหวตไปในทิศทางเดียวกัน นายสุทิน กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นวินัยของแต่ละพรรค ก่อนจะโหวตเรา คงจะมีมติออกมาก่อน สมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติ ถ้าใครออกนอกลู่ไป คงจะเจอสังคมตรวจสอบ แม้รัฐธรรมนูญให้เอกสิทธิ์ในการโหวตต่อส.ส.แต่เรื่องนี้ถือเป็นวิธีปฏิบัติต้องมีจรรยาบรรณ ส.ส. ถ้าใครโหวตสวน จริงอยู่เขาก็ยังกลับพื้นที่ได้ แต่เมื่อกลับไปแล้วก็ต้องเตรียมตอบคำถามชาวบ้านให้ได้ด้วย
รมต.เป็นสส.ไม่ควรโหวตหนุน
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวถึงที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐธรรมนูญปี 2560เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีที่เป็นส.ส.สามารถร่วมโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯได้ว่ารัฐธรรมนูญปี60แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ห้ามรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.โหวตเรื่องที่ตัวเองมีส่วนได้เสีย จึงไม่มีการโหวตในเรื่องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯและการอภิปรายที่ตนเองมีส่วนได้เสีย แต่รัฐธรรมนูญปี 2560 ตัดข้อความเหล่านี้ออกไป เขาจึงมีสิทธิในการโหวต
ทั้งนี้ ถ้าดูตามรัฐธรรมนูญแล้วก็คิดว่าจะสามารถร่วมได้ เพราะไม่มีข้อห้าม แต่จะมีปัญหา คือเรื่องการมีส่วนได้เสียที่เขียนเป็นหลักการของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะรัฐมนตรีเป็นผู้ร่างงบประมาณเอง แล้วมาโหวตเรื่องที่ตัวเองร่าง จะเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ เรื่องนี้ในการอภิปรายสภาฯ คงต้องมีการหารือกันว่ารัฐมนตรีสมควรร่วมโหวตหรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่ารัฐมนตรีที่เป็นส.ส. ควรเฉยไว้
เทวัญ’ย้ำถก3วันงบ63ไม่ขยายเพิ่ม
ขณะที่ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563ว่า มีการพูดคุยกับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)แล้วเป็นวันที่ 17-19 ตุลาคม 2562 โดยในวันที่ 17 ตุลาคม ครึ่งวันเช้า จะมีการพิจารณากฎหมายสำคัญก่อน และหลังจากนั้นช่วงบ่ายจะมีการพิจารณาพ.ร.บ. งบประมาณฯ ซึ่งเราคาดการณ์ว่า เวลาของวันที่ 17 ตุลาคมหายไปครึ่งวัน ก็อาจจะต้องเลยไปถึงวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งก็จะมีการหารือในที่ประชุมในวันนี้ คาดว่าจะมีการประชุมเต็มที่แค่เพียง 3 วัน เพราะอยากได้ระหว่าง 2 วัน หรือ 3 วันเท่านั้น ซึ่งหากถัดไปอีกหนึ่งวัน ในวันที่ 20 ตุลาคม ส.ว.เขาขอประชุมวุฒิสภา
สนธิรัตน์เชื่อทุกฝ่ายร่วมโหวตผ่าน
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563จะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอย่างรอบคอบและได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากทุกฝ่าย เพราะเป็นกฎหมายสำคัญที่ไม่อยากเกิดความล่าช้าจนกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
เมื่อถามว่าพรรคฝ่ายค้านและพรรคเล็ก เริ่มส่งสัญญาณไม่โหวตสนับสนุนหรือมีกระแสโจมตีจากฝ่ายค้านว่าการจัดสรรงบประมาณใช้ไปกับงบกองทัพและความมั่นคงมาก นายสนธิรัตน์กล่าวว่าอยากให้สังคมมองว่าขณะนี้รัฐบาลมีบทบาทหน้าที่หลายด้านแต่ทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การพัฒนาประเทศชาติในทุกมิติ เชื่อว่าเราสามารถชี้แจงเรื่องนี้ได้และไม่อยากให้ไปโฟกัสกับคำว่ามากหรือน้อย เพราะขึ้นอยู่กับภารกิจมากกว่า
ไม่ห่วงพรรคเล็ก/ยันงบพัฒนาชาติ
“ผมมั่นใจว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี2563จะผ่านไปด้วยดี ตอนนี้เราพยายามสร้างความมั่นใจให้กับทุกฝ่ายว่างบประมาณนั้น ได้ถูกจัดสรรอย่างเหมาะสม พรรคเล็กเอง ก็อาจมีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ท้ายที่สุด เชื่อมั่นว่าเขามีจุดประสงค์ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ขณะนี้มาตรการทางเศรษฐกิจต่างๆ เป็นเรื่องที่รัฐบาลมุ่งเน้นและต่อจากนี้จะค่อยๆปรากฏผลออกมาให้เห็นเรื่อยๆ วันอภิปรายงบฯจะมีรายละเอียดชี้แจงต่อสภาและประชาชนได้แน่นอนพรรคพลังประชารัฐ เตรียมความพร้อมตรงนี้ไว้หมด โดยได้กำชับให้ ส.ส. ในพรรคไปศึกษาเรื่องการอภิปรายไว้แล้ว”นายสนธิรัตน์ กล่าวย้ำ
กลาโหมพร้อมชี้แจงงบฯในสภา
วันเดียวกัน ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก ได้เป็นประธานการประชุมสภาทหารผ่านศึก ครั้งที่ 3/2562 ภายหลังประชุม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหมกล่าวว่านายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางและดูแลความเป็นอยู่ของทหารผ่านศึก ที่ทหารเหล่านี้ได้ดูแลประเทศชาติมา ต้องทำให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยเรื่องค่าตอบแทนให้กับทหารผ่านศึก ซึ่งปัจจุบันมีการมอบค่าตอบแทนให้ตามขั้นตอนและบัตรทหารผ่านศึกนอกประจำการ ชั้นที่ 1,2,3,4 อยู่แล้ว แต่อนาคตจะมีการเพิ่มค่าตอบแทนค่าครองชีพให้แก่ทหารผ่านศึกในแต่ละชั้น ให้สามารถอยู่ได้
ทั้งนี้ รมช.กลาโหมยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วันที่17 ตุลาคมว่า ขณะนี้งบประมาณอยู่ในขั้นตอนของสภา ก็เตรียมไปเสนอและชี้แจงในสภาซึ่งกระทรวงกลาโหม มีความพร้อมชี้แจงและแต่ละหน่วยก็มีความพร้อมชี้แจงอยู่แล้ว
วิษณุย้ำตั้งกมธ.ต้องมีเวลาเต็มที่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี2563 สัดส่วนของ ครม.ที่เหลืออีก12คนจากทั้งหมด15คนว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไรแต่ละพรรค จะต้องไปพิจารณา แล้วส่งชื่อมาและจากการพูดคุยกัน ไม่ใช่เรื่องของโควตาพรรค หรือระบุว่าจะต้องส่งเฉพาะคนของพรรคตัวเอง อาจจะส่งคนอื่น คนนอก คนกลาง แต่ให้ยึดหลักว่ามีเวลาทำงาน เพราะกมธ.งบประมาณฯไม่เหมือนกับกมธ.อื่น เนื่องจากในทุกมาตรามีความสำคัญ ต้องมีการซักถามและแค่มาตราเดียวอาจใช้เวลาเป็นวันในการพิจารณา
วิปรบ.เคาะถกงบฯฝ่ายละ15ชม.
เวลา16.00 น.ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่าที่ประชุมวิปรัฐบาลได้ข้อสรุปให้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 จำนวน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-19ตุลาคม โดยจะแบ่งเวลาอภิปรายให้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ฝ่ายละ15 ชั่วโมง หากฝ่ายใดประท้วง ก็ให้หักเวลาฝ่ายนั้น โดยจะไม่นับรวมเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะแถลงร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี2563 เป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยภายหลังที่นายกฯพูดจบ จะเริ่มนับกรอบเวลา 15 ชั่วโมงของแต่ละฝ่ายทันที
เหตุที่อภิปราย 3 วันเพราะในช่วงเช้าวันที่ 17ตุลาคมจะมีการพิจารณาเรื่องด่วนก็คือ พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหมไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ตามที่ ครม.เป็นผู้เสนอ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเข้าสู่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี2563ต่อไป
มั่นใจฝ่าฟันเสียงปริ่มน้ำไปได้
นายวิรัช ยังกล่าวว่า ส่วนปัญหาเรื่องเสียงปริ่มน้ำ ที่รัฐบาลมีเสียงเกินฝ่ายค้านมาอยู่ 4เสียงนั้น ไม่กังวล เพราะ 18 พรรคร่วมรัฐบาลได้ยืนยันมาแล้วว่าพร้อมร่วมประชุมและโหวตตลอดเวลา ทั้ง 3วัน อีกทั้งมติวิปรัฐบาลยังระบุว่า ให้พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมพร้อมร่วมโหวตทั้งสามวันตลอดเวลา เพราะ ดูจากการประชุม1สมัยที่ผ่านมา มั่นใจจะฝ่าฟันไปได้ เสียงไม่มีสวิง ไม่ต้องเตรียมแผนสำรองอะไรไว้ เพราะยังไงก็ผ่าน พร้อมยืนยันว่า รัฐมนตรีที่เป็นส.ส.โหวตได้ รัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ได้ห้ามไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านยังยืนยันต้องการเวลาอภิปราย 20 ชั่วโมง นายวิรัชตอบว่า คงต้องไปหารือกับฝ่ายค้านอีกครั้ง แต่วิปรัฐบาลยืนยันให้ได้แค่ฝ่ายละ 15 ชั่วโมง
ชวนยันไม่เกี่ยวเงินเดือนย้อนหลัง
ที่สถาบันพระปกเกล้า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสมในการให้เงินเดือนส.ส.ย้อนหลัง2เดือนก่อนปฏิบัติหน้าที่ว่าอยู่ที่วิธีคิดและการคำนวณ คาดว่าจะคิดเวลาเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประกาศรับรองผล ซึ่งก็อาจจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ความไม่เหมาะสมในการรับเงินส่วนนี้บ้าง เพราะเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับประธานสภาฯ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ และส.ส.แต่ควรจะสอบถามรัฐบาล และสำนักงบประมาณที่เป็นผู้จ่ายเงินเดือนให้กับ ส.ส.ว่าจะทำอย่างไร
ติงกมธ.ใช้อำนาจเรียกบุคคลแจง
เมื่อถามถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนฯเตรียมเรียกพล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.มาให้ข้อมูลเป็นการแทรกแซงหรือไม่ นายชวนกล่าวว่าการเชิญบุคคลมาชี้แจง มีขอบเขตที่เป็นระเบียบอยู่แล้ว ซึ่งข้อท้วงติงว่าการเรียกมาอาจเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เห็นว่าแทรกแซงในส่วนใด แต่ถ้าหากเห็นว่าคณะกรรมาธิการเชิญมาไม่ถูกต้องและเป็นการแทรกแซงการทำงานก็สามารถร้องเรียนมาที่สภาฯได้ ที่ผ่านมามีการร้องเรียนของคณะกรรมาธิการลักษณะนี้มาแล้ว1คณะ ขอย้ำว่าการเชิญคนเข้าชี้แจงสามารถทำได้ ตามอำนาจหน้าที่แต่หากผู้ใดสงสัยสามารถไปศึกษาระเบียบข้อบังคับสภาฯดูได้
ยังไม่ได้รับ51สส.เข้าชื่อ
นายชวน ยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เข้าชื่อ 51เพื่อยื่นหนังสือผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สมาชิกภาพของแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไปรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญในการจัดเสวนา“พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่การนับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่”ที่จังหวัดปัตตานี ว่า เบื้องต้นยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่ได้ทราบจากสื่อเท่านั้น คาดว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดก็จะส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยต่อไป
‘เสรีรวมไทย-ปิยบุตร’โล่งอก!
วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.ที่130/2562 กรณีก่อนประกาศการเลือกตั้ง กกต.ได้รับคำร้องว่าพรรคเสรีรวมไทย และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่เป็นผู้ถูกร้องที่1-2 ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา73วรรคหนึ่ง(5) กล่าวคือ ผู้ถูกร้องที่1-2ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง
โดยกรณีพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ“คนไทยหัวใจเสรี”ลงเผยแพร่ข้อความว่า“การบริหารประเทศที่เต็มไปด้วยการผูกขาด กฎระเบียบที่กดหัวประชาชน มองประชาชนเป็นแหล่งหาเงินส่งให้รัฐ ไม่ให้ประชาชนเรียนรู้ ไม่ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง ปากก็อ้างว่าเศรษฐกิจพอเพียง ในเมื่อชาวนา พึ่งพาตัวเองได้ด้วยเมล็ดพันธุ์ที่เก็บไว้แล้ว ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว พวกเอ็งยังมีหน้ามาดึงเอาสิ่งที่ชาวนาทำกันมาไปเป็นของนายทุน เราต้องบอกคนเฒ่าคนแก่ว่า พวกเผด็จการ พรรคพลังประชารัฐและพรรคที่ส่งเสริมประยุทธ์ เป็นนายก กำลังจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน เพียงเพราะผลประโยชน์ของตัวเอง” และข้อความว่า “มันคืออะไรกัน แอดมินโกรธมาก #xxxx ขายข้าว ต้องผ่านรัฐ ขายเอง จับติดคุก คลอดแล้ว พ.ร.บ.ข้าว เก็บ 17% ชาวนาปวดใจ ปลูกข้าวได้แต่ห้ามขาย ฝืนโทษหนัก 5 ปี ปรับ5แสนบาท”นั้น กกต.เห็นว่าเนื้อหาของข้อความเป็นการหยิบยกข่าวสารที่ได้นำเสนอทางสื่อต่างๆมาวิพากษ์วิจารณ์ และแสดงความเห็นทางการเมือง ข้อความที่เผยแพร่ดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
กกต.ยกคำร้องปมโพสต์ใส่ร้าย
ส่วนกรณีนายปิยบุตรได้ลงเผยแพร่ข้อความในเฟซบุ๊กว่า“...คนอีสานถูกทำให้เชื่อว่าเป็นคนตลก เป็นแรงงาน ไม่มีความรู้ แต่แท้จริงแล้ว คนอีสานคือ“เดินแดงกำแพงเหล็ก”เป็นดินแดนแห่งนักประชาธิปไตย นักต่อสู้ความอยุติธรรม ขจัดความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้ ทำให้รัฐจากส่วนกลางจับมือกับสื่อมวลชนบางกลุ่มผลิตสื่อ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้คนอีสาน เป็นคนตลก ไม่มีความรู้นั่นก็เพราะพวกเขากลัวความเป็นนักต่อสู้ นักประชาธิปไตยแห่งแดนอีสาน ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่ยืนยันจะเข้ารัฐสภาเพื่อทวงคืนอำนาจให้กับคนอีสาน..”นั้น กกต.เห็นว่าข้อความดังกล่าว มิได้ระบุถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ และเนื้อหาของข้อความเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ยังไม่ถึงขนาดเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ข้อเท็จจริง จึงฟังไม่ได้ว่าพรรคเสรีรวมไทยและนายปิยบุตร กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) ตามคำร้องแต่อย่างใด จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ภาคกทม.พท.เคลียร์ใจ’สมพงษ์’
มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่าตามที่พรรคเพื่อไทยจัดสัมนาส.ส.ที่โรงแรมเชอราตัน รีสอร์ทแอนด์สปา หัวหิน จ.เพชรบุรีที่พรรคเพื่อไทย นัดหมายให้ส.ส.สมาชิกพรรค มาเสวนา มีหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค ส.ส.กทม.และส.ส.จากทุกภูมิภาค เดินทางมาร่วมสัมนาอย่างคับคั่ง ระหว่างวันที่ 9-10ต.ค.นอกจากเนื้อหาประเด็นที่ทางพรรคเน้นย้ำให้ส.ส.ทำงานด้วยความรักใคร่ สามัคคี ยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคเพื่อไทย ยังมีประเด็นความคิดที่แกนนำพรรคเห็นไม่ตรงกันว่า จะส่งหรือไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ในนามพรรค นายสุรชาติ เทียนทอง เลขานุการภาคกทม.ระบุว่า มติภาค กทม.ยืนยันจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม.แข่งกับนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ที่ประกาศขอไปลงสมัครในนามอิสระ ทำให้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ส่งแถลงการณ์ตามมาทันทีว่าพรรคยังไม่มีมติส่งผู้สมัครผู้ว่ากทม.ถือว่าสมาชิกพรรคต่างเห็นไปคนละทิศทาง จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
ย้ำพท.ต้องส่งชิงผู้ว่ากทม.ลงสู้
โดยก่อนการสัมมนาวันที่ 9 ต.ค.ตัวแทนภาคกทม.นำโดยนอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค และส.ส.กทม.ได้หารือกับ นายสมพงษ์ เป็นการภายใน ปรับความเข้าใจซึ่งทั้งน.อ.อนุดิษฐ์และตัวแทนกทม. ร่วมกันชี้แจงถึงเหตุผลในการที่พรรคต้องตัดสินใจส่งผู้สมัครในนามของพรรค เพราะพรรคเป็นสถาบันการเมือง ขนาดพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ ยังไม่รู้จะส่งใคร ยังยืนกรานจะส่งแน่นอน พรรคเพื่อไทยที่ทำงานการเมืองมานาน ไม่ควรจะหมอบตั้งแต่ยังไม่ลงสนามต่อสู้ โดยการไม่ส่งตัวแทนของพรรคลง จากมติที่ออกไปยังเป็นมติของภาคกทม. ตามขั้นตอนยังต้องส่งให้ผู้ใหญ่พรรค ยังต้องได้รับความเห็นชอบผ่านมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งหนึ่งอยู่ดี ซึ่งนายสมพงษ์ หลังจากรับฟัง ได้กล่าวว่า เพียงแต่แปลกใจที่ปกติ มติที่ประชุมภาคกทม. ไม่เคยมีออกมา แต่ทำไมครั้งนี้จึงมีการออกมาให้ข่าว แต่ถ้าสิ่งใด ถ้าทำให้เกิดความไม่สบายใจ ก็ต้องขอโทษด้วย
อย่างไรก็ดี ตัวแทนกทม.ที่ได้เข้าร่วมหารือและได้สอบถามนายสมพงษ์อีกว่าแถลงการณ์ที่นายสมพงษ์ส่งมาทันที หลังจากทราบมติภาคกทม.นั้น มีใครเขียนให้แล้วเอามายัดใส่มือหรือไม่นายสมพงษ์ ตอบกลับเพียงว่า อย่ามาถาม อยากรู้ให้ไปหาเอาเองซึ่งการหารือครั้งนี้ใช้เวลาไม่นานนักจนทั้งสองฝ่ายเข้าใจ และไม่ติดใจในประเด็นใดๆอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี