"โจ้"ปูด"บ่อนสีลม"มี"เฮียตี้"เบื้องหลัง-แฉมีทุจริตรถไฟฟ้า ด้าน"บิ๊กตู่"ลั่นจะตรวจสอบเอง-ไม่ง้อโหวตพ.ร.บ.งบประมาณฯ
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายงบประมาณฯ ว่า มี 4 เหตุผลที่เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ไม่เหมาะสม คือ 1.ไม่มีวินัยด้านการเงินการคลัง ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา การทำงบประมาณมีการกู้เงินทุกปีและกู้เงินหนักขึ้นทุกปี แต่บอกว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่รวย แสดงว่ากู้แล้วรวยใช่หรือไม่ 2.การตั้งงบประมาณเลื่อนลอย เกรงใจทหาร ไม่รู้เกรงใจ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จริงหรือไม่ บางรายการเขียนแค่บรรทัดเดียวโดยไม่มีรายละเอียดเลย สำนักงบประมาณก็อนุมัติงบให้ได้เงินไป 1.6 หมื่นบ้านบาท
3.งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่สามารถทำได้จริง ในงบปี 63 งบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) 122,800 ล้านบาท โดยบอกว่าเอาไปป้องกันปราบปรามและลดระดับอาชญากรรมขับเคลื่อนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ให้ปรากฏผลชัดเจนเป็นรูปธรรม ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย และด้านความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน แต่ตนไม่เชื่อว่าทำได้จริง วันนี้รัฐบาลใช้เงินไปมหาศาลว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้งบประมาณด้านความมั่นคง แต่ไม่เกิดผล
"ตอนนี้แถวๆ สีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจของไทย ปรากฏว่าตอนนี้เพื่อนผมที่ทำงานอยู่แนวนั้น บอกเดี๋ยวนี้แถวสีลมซบเซา คนไม่มีเงินเช่าออฟฟิต แถวนั้นจึงเปลี่ยนไปเปิดคาสิโน ผมไม่เชื่อ เพื่อนก็พาไปดู พบว่ามีคาสิโนเปิดอยู่สีลมกลาง กทม.อยู่ถนนธนิยะ ใต้สถานีรถไฟฟ้าสีลม ซึ่งฝั่งขวาขึ้นกับ สน.บางรัก ฝั่งซ้ายขึ้นกับ สน.ทุ่งมหาเมฆ เดินเข้าไปถนนธนิยะ 300 เมตร อยู่ขวามือ มีคนคอยดูต้นทาง ทางเข้าบ่อนสีลม เขาบอกว่า "เฮียตี้" มาเปิดบ่อน เป็นไปได้อย่างไร อย่างนี้ผมต้องฟ้องนายกรัฐมนตรี ต้องไปจัดการ เพราะนายกฯ เป็นคนดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เอง" นายยุทธพงษ์ กล่าว
นายยุทธพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่นายกฯ บอกว่าต้องเร่งเอางบประมาณไปใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเวลาหน่วยงาน กระทรวงที่เป็นพลเรือน ประมูลงานเวลาประมูลเสร็จรายการไหนที่มีการผูกพันงบประมาณ จะต้องขอความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณ แต่สำนักงบฯ ดึงเรื่อง 8 เดือนกว่า จะให้ความเห็นชอบงบประมาณ แล้วอย่างนี้จะไปกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร แต่ของทหารและตำรวจกลับเร็ว ขอฝากนากยฯ ไปตรวจสอบด้วย
นายยุทธพงษ์ กล่าวต่อว่า ข้อที่ 4 ไม่ทำตามนโยบายที่ได้แสดงไว้ต่อสภาฯ ตามนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 8 เรื่องแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติชอบในวงราชการ เช่น เรื่องรถไฟฟ้าบีทีเอส ขณะนี้มีการทำส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส เส้นสีเขียวเหนือจากสถานีหมอชิตไปถึงสถานีคูคต กับสีเขียวใต้ จากสถานีแบร์ริ่ง ถึง กทม.เคหะบางปู ตรงนี้ รฟม.ลงทุนงานโยธาไป 6 หมื่นบ้านบาท ระบบเดินรถอีก 2 หมื่นล้านบาท เป็น 8 หมื่นล้านบาท แล้ว กทม.ไปรับโอนหนี้มา ตอนนี้ กทม.เป็นหนี้ รฟม.อยู่ 8 หมื่นบาท แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะจะเป็นหนี้ รฟม.หรือ กทม.ก็เป็นรัฐบาลเหมือนกัน และในงบประมาณปี 63 ไม่มีการตั้งงบประมาณไปชดเชยหนี้แต่อย่างใด แสดงว่าไม่ได้เดือดร้อนอะไร
และขณะที่กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งคณะกรรมการ โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการวิสามัญที่พิจารณาเรื่องบีทีเอสของสภาฯ บอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องขยายสัมปทานให้บีทีเอสอีก 40 ปี ขณะนี้ตนทราบว่าคณะกรรมการที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว กำลังจะเสนอให้ รมว.มหาดไทย เพื่อเสนอนายกฯ ให้ต่อสัมปทานให้ รฟม.ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าเป็นหนี้ และเมื่อตนอภิปรายเสร็จก็จะเอาเอกสารของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเรื่องบีทีเอสไปมอบให้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่นั่งฟังอยู่ด้วย และก็ประกาศว่าจะจัดการกับการทุจริตต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทย
นายยุทธพงษ์ กล่าวด้วยว่า ขอฝากเรื่อง กทม.ด้วย เมื่อปี 61 สำนักโยธา ประกาศประกวดราคาจ้างโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมกาญนาภิเษก - พุทธมณฑล สาย 2 โดยประกวดราคาผ่านอิเล็กทรอนิกส์ แต่บอกว่าผู้ที่มาประมูลงานจะต้องมีผลงานไม่น้อยกว่า 450 ล้านบาท ผลงานย้อนหลัง 10 ปี เป็นผลงาของรัฐวิสาหกิจ เอกชน หรือท้องถิ่น ในสัญญาเดียว ต่อมาปีเดียวกันสำนักโยธา ประกวดราคาจ้างโครงการก่อสร้างถนนสายอ่อนนุช - ลาดกระบัง ใช้ระบบประกวดราคาผ่านอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไปล็อกผลงานว่าต้องมี 500 ล้านบาท และต้องเป็นผลงานที่อยู่ กทม.ย้อนหลัง 10ปี อย่างนี้สวนทางนโยบายของรัฐบาลที่จะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้น ขอให้นายกฯ ได้ปรับปรุงแก้ไขงบประมาณนี้ให้เหมาะสมก่อน แล้วค่อยนำเข้ามาเสนอต่อสภาฯ
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้นไม่มีการทุจริต และไม่มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินการไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2563 ทั้งนี้ ในรายละเอียดสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าของบริษัทบีทีเอส จะสิ้นสุด ปี 2572 ก่อนส่งมอบให้กับกรุงเทพมหานครดูแล ขณะที่บีทีเอสส่วนต่อขยายซึ่ง การรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) ดูแลในเส้นทางส่วนต่อขยายสายสีเขียว ส่วนหมอชิต - คูคน และส่วนต่อขยายจากแบริ่ง - บางปู สมุทรปราการ ทั้งนี้ ยอมรับการเปิดเดินรถดังกล่าวจะทำได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ยอมรับว่า รฟม.ไม่สามารถบริหารจัดการได้ จึงต้องโอนมาให้ กทม.ดำเนินการ และต้องรับภาระหนี้รวม 8 หมื่นล้านบาทด้วย ทั้งนี้ หลังจากการโอนทรัพย์สินของรถไฟฟ้ามาให้ กทม.แล้ว เชื่อว่าจะมีรายได้ ในปี 2573 แต่ระหว่างก่อนส่งมอบเชื่อว่าจะมีปัญหาเรื่องการขาดทุน
"หากจะมีโกงก็ไปติดคุกกัน ให้สังคมรู้ว่าบิดบังไม่ได้ ไม่ว่าผมจะอยู่ตรงนี้ หรือท่านอยู่ตรงนี้ หากท่านทำเสียหายมีทุจริตต้องรับผิดชอบ ผมว่าใครอยู่ตรงนี้ต้องทำเพื่อแก้ปัญหา ผมยืนยันว่าคณะกรรมการพีพีพีนั้น ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีตำแหน่งสำคัญ ทั้งนี้ สังคมต้องรู้ ท่านต้องทราบ และ กมธ.ของสภาฯ ผมทราบว่า กมธ.สภาฯ ไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่หากผิดหรือถูกต้องรับผิดชอบ แต่ต้องแกัปัญหา ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ ทำเอง หรือให้บริษัทไหนทำ ต้องมีคำอธิบายได้ ที่บอกว่าทุจริตผมยืนยันว่าไม่ใช่ และไม่เกี่ยวกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า เรื่องของรถไฟฟ้าทุกท่านทราบอยู่แล้วว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลาย 10 ปี ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือดำเนินการแล้วมีปัญหา เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ในช่วงระยะทาง 1 กม.ซึ่งเป็นเรื่องการจัดทำแผนงานและงบประมาณ แต่เมื่อตนเข้ามาก็พยายามเร่งรัดดำเนินการ กระทั่งแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ พร้อมกับเร่งรัดพัฒนารถไฟฟ้าอีกหลายสาย เพราะเป็นความต้องการของประชาชน อย่างไรก็ตาม สมัยที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโดยใช้งบประมาณของภาครัฐที่ตั้งไว้อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลที่ผ่านมาทำ คือ การตั้งคณะกรรมการทำงานแบบรัฐร่วมเอกชน ฉะนั้น หากแบ่งการลงทุนเป็น 3 ส่วน รัฐจะลงทุน 1 ส่วน เอกชน 2 ส่วน เพื่อลดความเสี่ยงของฝ่ายรัฐด้วย ซึ่งคณะกรรมการจะพิจารณาด้วยความถูกต้องเหมาะสม และรับฟังทุกฝ่าย รัฐบาลไม่สามารถชี้สั่งได้ ตนไม่เคยทำแบบนั้น
"ส่วนเรื่องการกล่าวอ้างว่ามีการทุจริตต่างๆ ที่จริงผมก็ได้ข่าวเหมือนกันว่ามีบางคนไปเรียกรับบริษัทเขา เดี๋ยวผมจะหาข่าวแล้วกันว่าใคร และถ้าใครพบเรื่องพวกนี้ ถ้ามีหลักฐานไปหามาเลยว่าใครเรียกเงิน ถ้าตรวจสอบพบจะดำเนินการทั้งสิ้น ขอให้เข้าใจกันตามนี้ ขอให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า เมื่อเช้าที่หายไปเพราะไปงานจิตอาสา จากนั้นก็ไปถวายพระพร เห็นว่ามีคนถามหา นั่งรถก็ฟังท่าน เปิดทีวีฟังท่านมาตลอด เมื่อคืนกลับไปถึงตีหนึ่งครึ่ง ตีสองเข้านอนยังได้ยินเสียงของท่านอยู่เลย ดังนั้น จึงคิดถึงท่านเลยต้องมา และเย็นนี้ก็จะไปงานพระราชพิธี จึงขอเรียนให้ทราบ ไม่อย่างนั้นท่านจะหาว่าไม่ให้เกียรติ
"ส่วนเรื่องงบประมาณ จะรับหรือไม่รับก็เรื่องของท่าน ผมไปบังคับไม่ได้ แต่สำคัญคือประเทศต้องเดินหน้า ส่วนเรื่องกู้เงินนั้น ที่บอกว่ารัฐบาลกู้เงินจำนวนมาก อยากให้ไปดู เพราะหลักฐานมีอยู่ในช่วงรัฐบาลไหนไม่รู้ ระยะเวลาเท่านี้หากนับ 3 - 5 ปี ของผม ถ้ารวมยอดแล้วตนกู้น้อยกว่า และเท่าที่ผมจำได้หากย้อนไปในระยะเวลา 10 ปี มีรัฐบาลเดียวผมไม่อยากเอ่ยนาม ที่ทำงบประมาณแบบสมดุลได้ เพราะ IMF ไม่ทำโครงการแบบขาดดุล เป็นช่วงการกู้ IMF เป็นรัฐบาลไหนไม่รู้ไปหามา อย่าไปพูดแบบไม่มีหลักฐานไม่มีอะไร" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องเงินคงคลังที่ถามกันว่าทำไมไม่เอามาใช้ ท่านไม่เข้าใจระบบงบประมาณอะไรเลยจะพูดแบบนี้ไม่ได้ กระทรวงการคลังต้องมีเงินสำรองจ่ายเก็บไว้ก้อนหนึ่ง จากนั้น เวลาที่จะใช้คณะกรรมการก็จะต้องอนุมัติ และจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณเรื่อยๆ ตอนนี้ในระยะเวลา 1 ปี จะมีการเก็บรายได้ส่งคลังถึงปีละ 2 ครั้ง ดังนั้น ในช่วงที่ภาษียังเข้ามาไม่ถึงแต่โครงการยังเดินหน้า ก็จะใช้เงินคงคลังใช้จ่ายไปก่อนจึงค่อยชดเชย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงกรณีบ่อนที่สีลม ว่า อย่าแค่ถ่ายรูปอย่างเดียว ให้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย แล้วตนจะตรวจสอบเอง แจ้งเดี๋ยวนั้นจะไปเดี๋ยวนั้น ตนสั่งให้สอบสวนแล้ว ขอบคุณที่แนะนำขอให้ทุกคนเชื่อมั่นตนเป็นหัวหน้ารัฐบาล
ต่อมา นายยุทธพงศ์ แถลงข่าวหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ระบุถึงข้อมูลที่ตนได้อภิปรายเรื่องบ่อนการพนันซอยธนิยะ ย่านสีลม ที่ระบุว่าเมื่อรู้แล้ว ไม่ใช่ถ่ายภาพ ทำไมไม่ไปแจ้งตำรวจให้ดำเนินการ ว่า นายกฯ ไม่รู้ในระบบตำรวจ บ่อนการพนันที่เปิดได้ในพื้นที่ สน.บางรัก คิดว่าตำรวจในพื้นที่ไม่รู้หรืออย่างไร กลัวว่าเวลาตนไปแจ้งตำรวจแล้ว จะมาจับตนเสียมากกว่า ที่ต้องมาบอกนายกฯ ก็เพราะอยากให้นายกฯ ได้เข้าไปจัดการตรวจสอบ กทม.ในวันนี้เป็นลาสเวกัสไปแล้วหรือ บ่อนถึงเต็มไปหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี