“ไพบูลย์” ย้ำเข้าไปเป็น กมธ.ปราบโกง เพราะมีประสบการณ์ ไม่ใช่เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของพรรค - ชี้ “นายกฯ – บิ๊กป้อม” ส่งตัวแทนแจง กมธ. ถูกต้องแล้ว เพราะถ้าแจงเองจะไม่มีเวลาในการทำงาน
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการไปเป็นกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แทนนายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนาว่า ได้รับการแจ้งจากวิปของพรรคว่า จะส่งตนไปทำหน้าที่กมธ.แทนนายดล ทั้งนี้ไม่ใช่การเข้าไปเพิ่มความขัดแย้งตามที่มีข้อสังเกตกัน แต่พรรคเห็นว่า ตนเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งน่าจะมีประโยชน์เข้าไปช่วยเหลืองาน กมธ. ให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อประโยชน์ประชาชน อีกทั้งสัดส่วนของพรรคยังมี กมธ. น้อยแค่ 3 คน เราก็ปรับให้เป็น 4 คนตาม กมธ. ชุดอื่นๆ
“ผมคิดว่า จะมีประโยชน์ทั้งต่อคณะ กมธ. และตัวประธานเองในการเสนอข้อคิดเห็นต่างๆทางกฎหมายโดยเฉพาะพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” นายไพบูลย์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบรรยากาศในชั้นคณะกมธ.ได้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ความขัดแย้งกันในเรื่องข้อกฎหมายจะชัดเจนขึ้นตามกฎหมาย และจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย คงให้ข้อมูลแก่เพื่อน กมธ. ที่มาจากพรรคการเมืองต่างๆได้ ส่วนกรณีที่เสนอปลดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ออกจากการเป็นประธาน กมธ.ฯนั้น ยังไม่ทราบเรื่อง แต่ทุกอย่างต้องพิจารณาตามหลักเหตุและผล รวมถึงตามกฎหมายและความถูกต้อง ซึ่งทุกอย่างต้องพูดคุยกันในที่ประชุม อย่างไรก็ตามทั้งนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็ทำเต็มที่ตามเอกสิทธิ์และเป็นไปตามแนวทางที่จำเป็นจะต้องทำ ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมายก็ควรจะเข้าไปคุยกันในที่ประชุม สำหรับการทำงานหน้าที่ของประธาน กมธ. ก็มีกรอบอยู่คงจะทำเกินเลยจากกรอบที่กำหนดไว้ไม่ได้ ซึ่งหากตนได้เข้าไปเป็นกมธ. ถ้าเห็นว่า ประธานทำอะไรเกินอำนาจหน้าที่ก็จะเข้าไปพูดคุย แต่ที่ไม่เห็นด้วยเลย คือ การนำที่ปรึกษาประธาน กมธ. มาร่วมประชุมในคณะ กมธ. ด้วย เพราะความจริงต้องแยกประชุมไม่ใช่เอามานั่งหัวโต๊ะ เรื่องนี้เป็นทั้งข้อบังคับ ระเบียบ วิธีการปฏิบัติ และมารยาทในการประชุม
เมื่อถามถึงการส่งเข้าไปนั่งเป็น กมธ. ชุดนี้ เป็นยุทธศาสตร์ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องสัดส่วนของพรรคที่มีน้อยผิดปกติ ซึ่งควรมี 4-5 คน ในแต่ละ กมธ. อีกทั้งตนมีความเหมาะสมด้วย เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมายใน กมธ. อยู่มากและเคยทำงานด้านนี้มา ซึ่งเข้าใจว่า เป็นแนวทางของพรรคมากกว่า ส่วนพล.อ.ประวิตรแค่ให้นโยบายเท่านั้น
เมื่อถามว่า การกระทำนี้เป็นการเบียดโควตาของพรรคอื่นหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องดูเหตุที่เกิดขึ้นก่อน เรื่องนี้เกิดจากการที่นายดลลาออก ซึ่งเขาอาจจะไม่ถนัดในการทำหน้าที่ตรงนี้ เมื่อตำแหน่งว่างประกอบกับพรรคพลังประชารัฐก็มีโควตาว่างอยู่ จึงส่งตนเข้าไปแค่นั้น ไม่ได้เป็นการเบียดโควตาของพรรคการเมืองใด แต่เพื่อความเหมาะสมมากกว่า นายดลอาจจะเข้าไปเป็นกมธ.ในชุดที่ถนัดและชอบ
เมื่อถามอีกว่า ในประเด็นที่ กมธ. ยังมีเจตนาเรียกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร มาชี้แจงด้วยตัวเองแบบซ้ำหลายครั้ง มองอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่สมควรและควรยุติได้แล้ว ทั้งนี้ แม้จะมี กมธ.ในสัดส่วนพรรคพลังประชารัฐเพิ่มขึ้นเป็น 4 คนนั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ท่านจะมาอย่างสบายใจ อีกทั้งที่ผ่านมาไม่เคยมีประเพณีไหนที่นายกเข้ามาชี้แจง กมธ. ด้วยตนเอง มีเพียงส่งตัวแทนและหนังสือชี้แจงเท่านั้น
เมื่อถามต่อว่า หากนายกมาเองจะถือเป็นการสร้างแบบอย่างที่ดีของนักการเมืองหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า นายกไม่ควรมา ทั้งนี้ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสและให้เวลาในที่ประชุมสภา เพื่อตอบข้อซักถามและประเด็นต่างๆของสมาชิกมากพออยู่แล้ว ดังนั้น หากนายกมา กมธ. ชุดนี้อาจจะมีอีกกว่า 30 คณะกมธ.เชิญมาชี้แจง ทำให้นายกไม่มีเวลาทำงานในภารกิจ ซึ่งหากฝ่ายค้านต้องการสอบถามในประเด็นใด ตนสนับสนุนให้ใช้ที่ประชุมสภา โดยเฉพาะการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี