ปชป.โต้แค่โยนหินถามทาง
เขี่ยพ้นรัฐบาล
ยืนยันไม่ขัดแย้งพรรคร่วม
‘เทพไท’พร้อมทำตามมติวิป
‘พีระพันธุ์’ไขก๊อกประชาธิปัตย์
‘ธนาธร’ลุ้นคดีเงินกู้11ธันวาฯ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ไม่กังวล ข่าวปรับ ปชป.พ้นรัฐบาล เพราะไม่ขัดแย้งพรรคร่วม เตรียมนำถกกก.บห.นัดหน้า เน้นทำงานเพื่อปชช.ด้าน“เทพไท”เย้ยแค่โยนหินถามทาง สร้างความกระแสกดดันพรรคขณะที่“เสี่ยหนู”ชี้ปรับครม.มันไม่หมู เพราะเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่ “เล่นจ้ำจี้ผลไม้” เตือนเลี้ยงงูเห่า ไม่รู้วันไหนจะถูกแว้งฉก ด้านกกต.ถกปมกู้เงินอนค.11 ธันวาคมตั้งประเด็นนิติกรรมอำพราง หากผิดชงศาลยุบพรรค นายทะเบียนเสนอความเห็นเข้า กกต.หรือ แจ้งข้อกล่าวหา’ธนาธร-อนค.’
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยระบุจะเอาพรรคปชป.ออกจากการร่วมรัฐบาล ว่า พรรคไม่กังวลกับเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่มีความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีของพรรคทำงานให้กับประชาชนเต็มที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พิสูจน์ให้เห็นโดยการเดินหน้าทำงาน สร้างประโยชน์และความสำเร็จให้กับประชาชน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็มีผลงานชัด ความสำคัญของการร่วมรัฐบาลคือการทุ่มเททำงานให้กับประชาชน ส่วนเรื่องเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ในสภาก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกันเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)นัดหน้าคาดว่าจะมีกรรมการบริหารพรรคหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกันต่อไป
‘เทพไท’เย้ยแค่โยนหินถามทาง
นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวการปรับให้พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจาก ส.ส.ของพรรค 6 คนไม่ลงมติตามวิปรัฐบาลนั้น ว่า น่าจะเป็นการปล่อยข่าวโยนหินถามทาง หรือสร้างกระแสกดดันมากกว่า เพราะการเปลี่ยนแปลงใดๆทางการเมืองที่เกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ถ้าจะเข้าหรือออกจากการร่วมรัฐบาล ก็ต้องออกไปทั้งพรรค จะปรับออกบางส่วนให้ร่วมรัฐบาลบางส่วนของพรรคเดียวกัน ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นพรรคใดเข้าร่วมรัฐบาลโดยมีส.ส.ครึ่งพรรค ถ้าเป็นจริงเช่นนั้น พรรคดังกล่าวจะแตกออกเป็น 2 ส่วน และเปลี่ยนแปลงเป็นพรรคใหม่ขึ้นมา 2พรรคอย่างแน่นอน ดังนั้นทุกฝ่ายไม่ควรทำให้วัฒนธรรมทางการเมืองเสียหาย อยากให้เล่นการเมืองภายในกรอบหรือกติกา วัฒนธรรมประเพณีทางการเมืองที่เคยปฏิบัติกันมา ไม่ควรเอาเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากล มาช่วงชิงความได้เปรียบและเสียเปรียบทางการเมืองต่อพรรคการเมืองอื่นๆ เพียงเพื่อให้พรรคตัวเองอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด
ต่อไปพร้อมทำตามมติวิปรัฐบาล
นายเทพไท ยังกล่าวถึงผลการตัดสินใจลงมติยืนยันให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้มาตรา44 ซึ่งเป็นการสวนมติวิปรัฐบาลว่า จาการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราชได้มีโอกาสปราศรัยทางการเมือง ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ได้ชี้แจงเหตุผลของการตัดสินใจการลงมติยืนยันมติเดิมของตัวเองให้ได้รับทราบ ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับ และสนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากตนกลับมติเปลี่ยนจากการลงมติในครั้งแรก ก็จะถูกตำหนิและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน ในพื้นที่เขตเลือกตั้งจนได้รับความเสียหายทางการเมืองเป็นอย่างมาก
“เหตุการณ์ของการลงมติในครั้งที่ผ่านมา จะนำมาเป็นบทเรียนแล้วไปปรับปรุงการทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรในโอกาสต่อไป และสำหรับการทำหน้าที่ส.ส.ของผม ไม่ว่าจะเป็นการยื่นญัตติ การอภิปรายสนับสนุนหรือคัดค้านญัตติใดๆ ผมจะต้องสอบถามแนวทางหรือต้องหาธงคำตอบจากวิปรัฐบาลก่อนการดำเนินการใดๆ จะทำตามอำเภอใจไม่ได้อีกแล้ว เพราะหากทำหน้าที่ ส.ส.ขัดกับมติวิปรัฐบาล ก็อาจกระทบกับสถานะความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและกระทบต่อจุดยืนของตนเองได้”นายเทพไท กล่าว
‘พีระพันธุ์’แจ้งกกต.ลาออกปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.ระบุว่า มีความประสงค์จะลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่วันที่ 9ธันวาคมเป็นต้นไป โดยได้แจ้งหัวหน้าพรรคและนายทะเบียนของพรรครับทราบแล้ว ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามสาเหตุ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ สำหรับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นอดีต รมว.ยุติธรรมในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปัจจุบัน เป็น สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 16 พรรคปชป.ก่อนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เคยลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแข่งกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ โดยได้คะแนนเป็นอันดับสอง หลังเลือกตั้งหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ถึงผู้มากบารมีในพรรคในเชิงลบ ทำให้ นายชวน หลีกภัย ต้องออกมาตอบโต้กลางที่ประชุม
‘เสี่ยหนู’ชี้ปรับครม.เรื่องธรรมดา
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า ยังไม่มีข่าวเรื่องปรับ ครม.น่าจะเป็นการคาดเดาของสื่อมากกว่า ยังไม่มีการพูดคุยในรัฐบาลเลย ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ หลังจากเกิดเหตุฝ่ายค้านมาร่วมเป็นองค์ประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าแบบนั้นมันต้องมีเหตุจำเป็น หรืออาจจะมีนโยบายของแต่ละพรรคว่าการปรับ ครม.จะเป็นอย่างไร เมื่อทำงานไประยะหนึ่งแล้วอาจสับเปลี่ยนหมุนเวียน ประเมินผลงานรัฐมนตรีแต่ละคน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะการปรับหรือการเปลี่ยนแปลงใน ครม.ทุกรัฐบาลสามารถเกิดขึ้นได้
แต่ไม่ง่ายเพราะไม่ใช่จ้ำจี้ผลไม้
เมื่อถามว่า ข่าวการปรับ ครม.ที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการเตือนพรรคประชาธิปัตย์ในการทำงานร่วมกับรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนทราบปัญหาอยู่แล้ว เราอย่าลืมว่ารัฐมนตรีแต่ละคนล้วนมีวุฒิภาวะ เขาต้องทราบอยู่แล้วว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร เราอย่าไปซ้ำเติมเลย เมื่อถามว่า ดูเหมือนแกนนำพรรคพปชร.จะยังเป็นห่วงการทำงานร่วมกับพรรคปชป.และพรรค ภท.นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ภท.เคยมีปัญหากับใคร มีแต่โดนกระแทก เราก็ทนอยู่ เมื่อถามว่า คนที่ปล่อยข่าวหวังผลให้เคลียร์เก้าอี้รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “มันไม่หมูอย่างนั้นมั้ง นี่รัฐบาลนะ ไม่ใช่เล่นจ้ำจี้ผลไม้”
เมื่อถามว่า เมื่อรับประทานอาหารร่วมกันไปแล้ว ทำไมจึงยังมีข่าวแบบนี้ออกมาอีก นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่างกรณีการโหวตมันคาดเดาได้อยู่แล้วว่า เสียงจะเป็นอย่างไร ตอนรับประทานข้าวแกนนำของแต่ละพรรคก็ให้สัญญาว่า จะไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าไปคิดว่า โอ้โหนี่เธอผิดนิดเดียวจะต้องมีบทลงโทษอะไร เราทำงานด้วยกัน บางทีคนมันมีอะไรบางอย่างที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ภาพรวมยังไปได้ อย่างนี้มันก็โอเค ก็เก็บสะสมแต้มไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็มานั่งสังคายนากันทีหนึ่ง ถือเป็นเรื่องปกติ นายกฯต้องมีความอดทนสูงอยู่แล้ว พวกเราทุกคนต้องช่วยประคองให้รัฐบาลไปได้ ไม่ใช่เพื่อความอยู่รอดของรัฐมนตรี หรือพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปได้ เพราะประเทศจะขาดการทำงานไม่ได้
เตือนคิดเลี้ยงงูเห่าระวังแว้งกัด
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่าในสถานการณ์แบบนี้ ต้องมีการดึงคนมาเสริมให้รัฐบาลมีมั่นคงมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องนี้ ลองคิดดูว่าถ้าพูดถึงงูเห่า ลองนึกสภาพดูการเลี้ยงงูเห่าอยู่ในบ้าน แล้วจะรู้ได้อย่างไรวันไหนจะมาฉกเรา ต้องคิดแบบระยะยาว จะแก้ปัญหาด้วยการไปดึงคนจากฝ่ายค้าน ถ้ามาแบบโยกพรรคย้ายพรรคมาเลย อย่างนี้โอเค แต่ไม่ใช่มาแบบตัวเองยังสังกัดพรรคเดิมอยู่ แล้วเราจะเอาอะไรมารับประกันได้ว่า เขาย้ายมาอยู่กับเราแน่นอน เพราะมันยังมีมติพรรคต่างๆที่เขาสังกัดอยู่ อย่างไรก็ดีการจะแก้ปัญหาหรือเสริมความเข้มแข็งด้วยการดึง สส.ฝ่ายตรงข้ามมา มันไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาว หรือไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจัง เขามาได้เขาก็ไปได้ คอยดูคนในบ้านให้ดีก่อนเถอะ
ปล่อยให้ผู้ใหญ่ของพรรคคุยกัน
เมื่อถามถึงกรณีคนของพรรคพปชร.ออกมาแล้วไปกระทบกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น จะทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจกันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เป็นไรหรอก เก็บๆเอาไว้ อะไรทิ้งได้ก็ทิ้ง เราต้องดูว่าถ้าสมมุติตนโดน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาด่า แบบนี้สิโอเค ไอ้พวกกระจอกงอกง่อยอย่าไปถือสา มันต้องดูรุ่นเฮฟวี่เวทกับเฮฟวี่เวท มันยังโอเค แต่ถ้ารุ่นเฮฟวี่เวทไปต่อยกับฟรายเวท ถ้าชนะเขาไปมันได้อะไรขึ้นมา เขาก็หาว่าเราไปทุบคนไร้ราคาอีก
‘ชวน’ยันถกตั้งกมธ.แก้รธน.11ธค.
ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงญัตติเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นระเบียบวาระที่สภาฯจะพิจารณากันในวันที่ 11ธันวาคม ตามวาระปกติ ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การพิจารณาญัตติดังกล่าวต้องใช้เวลากี่วัน เพราะเดิมประเมินไว้ว่าญัตตินี้ควรจะเข้ามาสู่การพิจารณาได้ตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว แต่กลับมีวาระอื่นเข้ามาก่อน ดังนั้น วันที่ 11ธันวาคม ญัตติจะวาระแรกหลังจากพิจารณากระทู้ถาม การอภิปรายจะเปิดให้อภิปรายตามปกติ ส่วนใหญ่จะได้อภิปรายกันเกือบทุกคน เพียงแต่ว่าต้องไปบริหารเวลากัน
‘ผมได้คุยล่วงหน้ากับผู้เสนอญัตติว่า น่าจะไปหารือกันแต่ละกลุ่มจะใช้เวลาอภิปรายเท่าไหร่ เพราะหากไม่กำหนดเวลาจะเกิดการส่งรายชื่อเรื่อยๆ แล้วไม่จบ ทำท่าว่าจะรีบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผู้ที่รีบนั้นก็ทำให้ช้าไป ดังนั้น วันที่ 11ธันวาคม จะคุยกับเจ้าของญัตติอีกครั้ง’นายชวน กล่าว พร้อมปฏิเสธให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นกรณีที่มีข่าวว่าพรรคปชป.จะถูกปรับครม.บางตำแหน่งเพื่อเป็นการลงโทษ โดยนายชวน กล่าวว่า ต้องถามไปฝ่ายครม ต้องไปถามผู้ลงโทษและผู้ถูกลงโทษ
‘วิษณุ’ชี้ต้องมีหลักฐานเอาผิด’งูเห่า’
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการย้ายพรรค ว่า ไม่มีความเห็น แต่การย้ายพรรคตอนนี้ไม่สามารถทำได้ นอกจากถูกไล่ออกจากพรรค หรือยุบพรรคด้วยความสมัครใจของตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเคยเห็น สส.ฝ่ายค้าน มาให้ความร่วมมือกับ สส.ฝ่ายรัฐบาล อย่างที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ จำไม่ได้ว่า มีหรือไม่และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่รูปแบบรัฐบาลแห่งชาติ เพราะรัฐบาลแห่งชาติจริง ต้องมาทั้งหมด ถ้ายังไม่หมดก็ไม่ใช่
เมื่อถามว่า ปัจจุบันมีกฎหมายใดเอาผิดกับ สส.งูเห่าหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มี อยู่ใน พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่การจะเอาผิดใครต้องมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นจะอ้างและพูดกันไปเรื่อย แล้วเราไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง บางครั้งรู้สึกว่ามันน่าจะจริง แต่ไม่มีหลักฐานก็เหมือนการกระทำทำผิดทั้งหลาย หากพยานหลักฐานไม่ชัดเจนก็ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เขาไป เพียงแต่ว่าถ้าจะหาหลักฐานจริงๆ อาจจะหาได้ก็ได้
พรรคเศรษฐกิจใหม่ย้ำอยู่ฝ่ายค้าน
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมคณะทำงาน 7พรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อประชาชน โดยมีแกนนำและตัวแทนจาก 7พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ก่อนการประชุม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้สอบถามตัวแทนจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ว่า อยากฟังเหตุผล ความชัดเจนต่อกรณีพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่ง นายบุญเลิศ เหลียงกอบกิจ กก.บห.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ยังทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนมติอื่นๆที่ทางพรรคเดินหน้าไปกับพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะทำตาม ยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน ยังเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเหมือนเดิม ขอยืนยัน
กกต.ถกอนค.กู้เงิน’ธนาธร’11ธ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จะพิจารณาการกู้ยืมเงินของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กรณีมีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค.ได้ให้พรรคอนค.กู้ยืมเงินของตนเอง ถือเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองในวันที่ 11ธันวาคม หลังคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต.ได้รับพยานหลักฐานบางส่วนจากพรรคอนค.นั้น กรณีดังกล่าวน่าจับตาว่า ในการประชุมครั้งนี้ กกต.จะมีมติชี้ขาดเลยหรือไม่
ทั้งนี้ มีรายงานว่า กกต.ได้ตั้งประเด็นตามคำร้อง 2ประเด็น คือ 1.การกู้เงินดังกล่าวถือเป็นการบริจาคของบุคคลเกินกว่า 10ล้านบาทต่อปีตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ 2.การกู้เงินดังกล่าวถือว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเข้าข่ายเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาข้อกฎหมาย มาตรา62 พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองกู้ยืมเงิน มาดำเนินกิจการพรรคการเมืองได้ เช่นเดียวกับ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี50 ที่จะกำหนดให้พรรคสามารถมีรายได้อื่น และพรรคการเมืองในขณะนั้นก็มีการกู้เงินและนำมาลงบัญชีในหมวดรายได้อื่น ขณะที่ในส่วนข้อเท็จจริงหากบอกว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินบริจาค ซึ่งกฎหมายกำหนดให้บริจาคได้เพียง 10 ล้านบาท หากจะบอกว่าที่เหลือเป็นการบริจาคเกินก็คงไม่ได้
ตั้งประเด็นนิติกรรมอำพราง
“เรื่องการกู้ยืมเงินเป็นกฎหมายเอกชน ยืมเงินมาต้องใช้ แต่คุณจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ ในเมื่อกฎหมายห้ามไม่ให้เอาเงินรายได้ของพรรคไปใช้อย่างอื่น นอกเหนือจากเพื่อดำเนินกิจการทางการเมืองของพรรค ซึ่งเงินกู้ไม่ถือเป็นกิจการทางการเมือง จึงสงสัยว่าจะเป็นนิติกรรมอำพราง กฎหมายตอนปี50 เปิดช่องให้พรรคมีรายได้อื่นๆ พรรคจึงกู้เงินจากคนที่เป็นนายทุน บุคคลนอกพรรค แล้วก็เกิดปัญหาการครอบงำโดยบุคคลคนเดียว กฎหมายปี60 จึงแก้ไขตัดไม่ให้มีเรื่องของรายได้อื่นๆออก ให้พรรคไม่ใช้เงินเกินตัว โดยกำหนดไว้ว่า ให้ใช้เงินจากทุนประเดิม ค่าสมาชิกพรรค เพื่อไม่ต้องการให้เกิดการครอบงำจากบุคคลคนเดียวแล้วทำให้การเมืองผิดเพี้ยน เราก็อุตส่าห์ตัดระบบนี้ แต่เขาก็ยังมาทำแบบนี้อีก”แหล่งข่าว ระบุ
หากผิดชงศาลรธน.ยุบพรรคอนค.
ทั้งนี้ หากการพิจารณาเรื่องดังกล่าว กกต.เห็นว่าเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายมีช่องทางที่ กกต. ดำเนินการได้ 3ช่องทาง คือ 1.กรณีเป็นความปรากฏต่อ กกต.ซึ่งหาก กกต.เห็นว่าเป็นความผิดยุบพรรค ก็สามารถเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้เลย เช่น กรณียื่นให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติและให้วินิจฉัยสถานภาพ สส.ของ นายธนาธร ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยยืนยันว่า การใช้อำนาจยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่เป็นความปรากฏอยู่ในอำนาจที่ กกต.ดำเนินการได้ 2.ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นแล้วเสนอต่อ กกต.เพื่อพิจารณาอีกครั้งและ3.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา นายธนาธรและพรรคอนค. เพื่อให้มาชี้แจงข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับที่ กกต.เคยทำในกรณีมีมติให้ นายธนาธร มาชี้แจงกรณีการถูกร้องเรื่องถือครองหุ้นสื่อเพื่อดำเนินคดีอาญาตามมาตรา151 ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี