หลังจากนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคปชป.และกรรมการบริหารพรรคปชป. เรียกร้องให้ใช้มาตรฐานพรรคพร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลาออกจากตำแหน่งโดยไม่ต้องรอผลสอบจากปมปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัย
ล่าสุดวันนี้ (19 มีนาคม 2563 ) มีรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ว่า ในไลน์กลุ่มห้อง“สาขาพรรคประชาธิปัตย์”มีฝ่ายสนับสนุนนายเทพไท และฝ่ายเชียร์นางมัลลิกา เกิดวิวาทะถกเถียงกันดุดเดือด โดยสมาชิกที่ใช้ชื่อนามว่า “รองแดง”ตัวแทนสาขาใน จ.ลำพูน ซึ่งหนุนนางมัลลิกา ระบุว่า กรณีกักตุนหน้ากากอนามัย มัลลิกายังไม่มีใครฟ้อง เป็นคดี จะให้ลาออกได้อย่างไร แต่คดีที่นายเทพไทปรากฏเป็นจำเลย ในคดีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งนายเทพไท และน้องชายเป็นจำเลยคดี นายเทพไทยังไม่แสดงสปิริตใดๆ เลย
นายเทพไท จึงได้ตอบโต้ไปว่า คดีของตนเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีที่ถูก ป.ป.ช.ฟ้องว่าทุจริตต่อหน้าที่ จะให้ตนแสดงสปิริตในเรื่องอะไร ถ้าตนทุจริตต่อหน้าที่ก็จะแสดงสปิริตให้ดูทันที ตนมี 25 คดี สู้ชนะคดีจนเกือบหมด 23 คดี เป็นคดีตอนเป็นโฆษกตอบโต้ทางการเมืองให้พรรคทั้งนั้น
จากนั้น นางมัลลิกา ได้โพสต์ถามมาว่า
1. ในที่สุดก็สิ้นสงสัย ว่าทำไมอัจฉริยะจึงมีพิรุธ ณ เวลานี้ก็เข้าใจได้
2. ให้คุณเทพไทย้อนกลับไปถามคุณอัจฉริยะว่าได้กล่าวโทษใครหรือยัง
3. ย้อนกลับไปที่สำนักงานตำรวจ ที่คุณอัจฉริยะไปยื่นเรื่องว่าได้มีการกล่าวหาใครขึ้นแล้วหรือไม่ เกิดการทุจริตขึ้นแล้วหรือไม่
4. การทุจริตยังไม่ได้เกิดขึ้นและผู้ใดเกี่ยวข้องก็ยังไม่ได้มีการกล่าวหา อะไรทำให้คุณเทพไทจึงต้องกระทำการเร็วและเกินกว่าเหตุ
5.กรณีที่คุณมัลลิกาออกไปชี้แจงนั้นเพราะความผิดต่อส่วนตัว ที่มีการระบุตำแหน่งและคาแรกเตอร์ ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อความผิดส่วนตัวด้านหมิ่นประมาท คนละเรื่องการตรวจสอบเรื่องหน้ากาก
6. เป็นการกล่าวหาที่ไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และไม่เพียงก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนตัว แต่มีผลกระทบกับสังคม สร้างความทุกข์ให้กับประชาชนท่ามกลางความวิตกและหวาดหวั่นในภาวะวิกฤต คุณเทพไทกำลังเล่นการเมืองซ้ำเติมสถานการณ์
ขณะที่นายเทพไทได้ตอบรวบทั้ง “รองแดง” และนางมัลลิกาไป 10 ข้อ ว่า “ผมขอตอบข้อสงสัยดังนี้ครับ
1.พรรคมีหลักการเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตที่ชัดเจน รัฐมนตรี ผู้ว่าฯ กทม. ถูกกล่าวหาได้แสดงสปิริตลาออกทันที กรณีนี้แค่ที่ปรึกษาก็ต้องปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน
2.ผมไม่ต้องการเปลี่ยนหัวหน้าหรือเปลี่ยนขั้ว เพราะผมเลือกนายจุรินทร์เป็นหัวหน้า เป็นแล้วต้องให้ครบเทอม
3.ไม่มีการเลื่อยขารัฐมนตรี เพราะผมไม่เคยคิดจะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้
4.ถ้าพรรคไม่ยึดอุดมการณ์ ยึดความซื่อสัตย์ พรรคเราก็ไม่ต่างกับพรรคอื่น จุดแข็งจุดขายของพรรคจะหายไป
5.เรื่องกักตุนหน้ากากเป็นข่าวมาหลายวันแล้ว ผมเห็นว่า กก.บห.ไม่ขยับ ผมจึงยื่นหนังสือไป
6.ผมไม่มีอะไรเป็นการส่วนตัวกับคุณมัลลิกา เขาลาออกไปผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปเป็นแทน
7.ขอให้ยึดพรรค ยึดอุดมการณ์ มากกว่าตัวบุคคล
8.อย่าคิดแต่จะเป็นรัฐบาล จนลืมศักดิ์ศรีของพรรคที่มีมา 74 ปี
9.กลับอ่านอุดมการณ์พรรค 10 ข้อ ที่มีมาตั้งแต่ 6เมษายน 2489
และ 10.คำว่าอุดมการณ์ทันสมัย ไม่ใช่ใครจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจอุดมการณ์เดิมของพรรค”
จากนั้นนายณัฐวุฒิ ภารภพ อดีตเลขานุการนายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต รมว.ศึกษาฯ ได้โพสต์สนับสนุนชื่นชมนายเทพไทที่ยึดมั่นในจุดยืนอุดมการณ์ของพรรค ขณะที่ขอชื่นชมที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการแถลงข่าวสู้ ส่วนจะแสดงสปิริตมากกว่านี้ เหมือนรัฐมนตรีวิทยา แก้วภราดัย หรือไม่ ผมคิดว่าอยู่ในดุลยพินิจของท่านที่ปรึกษา ยังไงไปก็เชียร์พวกเราทุกคนให้รักษามาตรฐานเรื่องนี้
นอกจากนี้ยังพบว่า นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้โพสต์ข้อความ และแบนเนอร์โจมตีนายเทพไท ในไลน์กลุ่มห้อง “ส.ส.และอดีต ส.ส.ปชป.” จนถูกอดีตส.ส.พรรคหลายคนสอบถามที่มาที่ไป นายแทนคุณ ก็ยอมรับว่านางมัลลิกาได้ส่งมาให้เพื่อให้ตนส่งต่อไปในห้องไลน์อื่น ๆ ของพรรคอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี