เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2563 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร โพสต์แสดงความเห็นเรื่องการส่งออกหน้ากากอนามัย ว่า ข้อมูลที่นายสมชัยโพสต์นั้น ล้วนเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ตัวเลขการส่งออกควรถามข้อมูลจากกรมศุลกากรเป็นที่ตั้ง ซึ่งมีการยืนยันมาโดยตลอดจากสถิติการส่งออกว่าไม่ได้มีจำนวนมาก ตามที่นายสมชัยระบุถึงการตั้งประเด็นว่ามีข้อมูลราชการรั่วไหลไปสู่เอกชน เป็นการตั้งใจเอื้อประโยชน์กันหรือไม่นั้น นายสมชัยอยู่ในวงงานราชการมาพอสมควร ก็จะทราบดีว่าในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวต้องเป็นการทำงานที่รัดกุมที่สุด การส่งออกก่อนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ก่อนที่จะมีการประกาศควรแยกให้ชัด ขณะนี้การพูดเพื่อให้สนุกปาก ทำให้สังคมสับสนในข้อเท็จจริง ใครเอื้อประโยชน์ ใครได้ประโยชน์ ก็ต้องพูดให้ชัด ไม่ใช่มาพูดลอยๆ เพื่อหวังทำลายความน่าเชื่อถือกัน
จากที่มีความพยายามกล่าวว่า ประกาศ กกร.ฉบับที่ 2 เรื่องการห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยเกินกว่า 500 ชิ้น ลงนามโดย รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 แต่กลับประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ใช้เวลาประกาศเพื่อให้มีผลใช้บังคับถึง 16 วันนั้น ในประเด็นนี้ก็ถือว่าเป็นการกล่าวอ้างที่คลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริงต่อประกาศฉบับดังกล่าว เพราะความจริงแล้วประกาศราชกิจจาฯ มีผลบังคับใช้ในวันถัดไป คือ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ตามมาตรา 25 ในพระราชบัญญัติราคาสินค้าและบริการ 2542 ที่ระบุให้ประกาศเกี่ยวกับมาตรการสำหรับสินค้าควบคุมมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ระบุไว้ในประกาศ ไม่ใช่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ขอให้กลับไปอ่านข้อกฎหมายให้ดี ก่อนชี้นิ้วว่าคนอื่นบกพร่องสารพัด แต่สี่นิ้วที่เหลือล้วนชี้เข้าหาตัวทั้งสิ้น" นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวต่อว่า สำหรับตัวเลขการส่งออก และวิธีการในการอนุญาต เป็นอย่างไรบ้างนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้อธิบายชัดเจนแล้ว ข้อมูลทางราชการไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ จึงขอให้ใช้เหตุและผลในการพิจารณา เพราะกว่าจะผ่านขั้นตอนทั้งหลาย ล้วนผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ และทุกขั้นตอนดำเนินการไปตามกระบวนการ การจัดสรรหน้ากากอนามัยที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจัดสรรให้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะการจัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์
นายราเมศ กล่าวว่า ขณะนี้มีกระบวนการพยายามใช้ข้อมูลที่ไม่มีความจริงมาชี้นำทำให้สังคมเกิดความสับสน การที่อ้างว่ามีการประชุมคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ในเรื่องดังกล่าวแล้วนั้น ในเรื่องนี้ก็ต้องบอกข้อเท็จจริงว่าในวันดังกล่าวที่อ้างว่ามีการประชุมนั้นมีองค์ประชุมไม่ครบ ดังนั้น ก็ไม่ควรมีการดำเนินการใดๆ ต่อ เพราะหากปล่อยให้คนที่ไปชี้แจงได้กล่าวชี้แจงต่อหน้าสื่อมวลชนแต่ผู้ที่ถูกกล่าวถึง กลับไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ก็ขอให้ระวัง เพราะการตั้งต้นก็ต้องเริ่มต้นให้ถูกต้อง ส่วนกระบวนการสอบสวนเรื่องดังกล่าวทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ ทั้งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็กำลังมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่ หากวันหนึ่งความจริงปรากฏ ใครทำอะไรไว้ พูดอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ
พร้อมกันนี้ นายราเมศ ได้กล่าวยืนยันว่า ขอให้พี่น้องประชาชนวางใจได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดเส้นทางการเมืองที่ได้ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนและประเทศ ยึดมั่นการทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เคยมีเรื่องทุจริตใดๆ ทั้งสิ้น ตั้งใจทำงานทุ่มเทอย่างเต็มที่ และย้ำอยู่เสมอว่าเรื่องดังกล่าวหากมีการทุจริตจะจัดการขั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น ส่วนที่นายสมชัยระบุว่าทุกเรื่องบันทึกไว้ทำงานต่อ ก็อยากจะบอกนายสมชัยเช่นกันว่า ทุกเรื่องที่มีใครพูดจาให้เกิดความเสียหายก็ได้ถูกบันทึกไว้ทำงานต่อเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี