รอประเมินผลปลดล็อก
เตรียมเปิดห้าง
กำหนดให้ช็อปคนละ2ชม.
ตั้งเต็นท์วัดไข้-จำกัดจำนวน
นายกฯย้ำปชช.ห้ามการ์ดตก
ติดเชื้อใหม่แค่1ราย/ไม่มีตาย
ไทยติดเชื้อไวรัสแค่ 1 ราย ไม่มีตายเพิ่ม ย้ำถ้าให้ความร่วมมือร้อยเปอร์เซ็นต์ 2 เดือน จะปลอดโรคปลอดภัยทุกคนผลตรวจ 40 ผู้ต้องสงสัยที่ยะลา รู้ผล 6 พฤษภาคม นายกฯห่วงคนไทยชะล่าใจยอดป่วยใกล้ศูนย์ ลั่นห้ามการ์ดตกเด็ดขาด กังวลคนแห่ใช้รถไฟฟ้าแน่นขนัดละเลยเว้นระยะห่างทางสังคม สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขด่วนเผยศบค.พิจารณา
เตรียมเปิดระยะ2 กำหนดห้างร้านขนาดใหญ่ต้องเข้มมาตรการด้านสาธารณสุข จำกัดปริมาณลูกค้าต่อรอบ ให้ช็อปปิ้งได้ไม่เกินคนละ 2 ชม. จัดเต็นท์ให้พักคอย ตรวจวัดไข้ก่อนเข้า สธ.ระบุเหลือผู้ป่วยรักษาตัวในรพ.แค่ 1 เฝ้าระวัง 10 ย้ำรัฐผ่อนมาตรการ แต่ปชช.ต้องเคร่งครัดสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างต่อเนื่อง ปิดช่องระบาดรอบสอง หมอประสิทธิ์สำทับห้ามผ่อนผัน 3 มาตรการเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 46 ปี อยู่ใน จ.นราธิวาส มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน มีไข้ น้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ หายใจเหนื่อยหอบเมื่อวันที่ 25 เมษายน จากนั้นไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งใน จ.นราธิวาส และตรวจพบโควิด-19 วันที่ 4 พฤษภาคม มีประวัติไปร่วมศาสนพิธีในต่างประเทศ และยังสัมผัสในครอบครัว ชุมชน ต้องหาสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 2,988 ราย หายป่วยสะสม 2,747 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม
ถกมาตรฐานตรวจเชื้อปม40คนยะลา
ส่วนกรณีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อที่ จ.ยะลา 40 รายนั้น นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ให้รอผลอีกสักนิด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ต้องเก็บตัวอย่างและทบทวนกระบวนการทั้งหมด บ่ายวันเดียวกันนี้ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขจะประชุมหาแนวทางคลายข้อสงสัย ให้เห็นถึงมาตรฐานปฏิบัติการ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ากรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นระบบตรวจเชื้อนั้น เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ตามนโยบายที่ให้เพิ่มปริมาณห้องปฏิบัติการต้องเพิ่มคุณภาพไปด้วยกัน แต่ยอมรับว่าการปฏิบัติทุกอย่างมีเรื่องต้องเรียนให้เท่าทันกัน แล็ปที่เปิดใหม่กับแล็ปที่เปิดมา 3-4 เดือนมีข้อจำกัด แต่ผู้บริหารให้ความสำคัญจึงคิดในหลายระบบ แล็ปใหม่อาจต้องตรวจสองแล็ปและแล็ปอ้างอิงในส่วนกลางเพื่อความมั่นใจของประชาชน เพราะสิ่งเหล่านี้ถ้าข้อต่อเชื่อมไม่สนิท หลวมเมื่อไหร่จะขับเคลื่อนไม่ได้ เราจะนำข้อห่วงใยไปสู่การพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น
ศูนย์กักกันฯพบเชื้ออันดับ1
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สองสัปดาห์ที่ผ่านมา พบสถานที่ที่พบเชื้อมากที่สุด ได้แก่ ในศูนย์กักกัน รองมาคือ สัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า การค้นหาเชิงรุก ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ และสถานที่ชุมชน ขณะที่ปริมาณตรวจหาเชื้อตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน มีมากถึง 50,741 ราย พบผู้ติดเชื้อ 767 ราย คิดเป็นความสามารถค้นหา 1.51% ส่วนการเดินทางกลับจากต่างประเทศของคนไทยวันที่ 6 – 31 พฤษภาคมมีแผนนำคนไทยกลับประเทศประมาณ 7,000 คน และข้อมูลระหว่างวันที่ 3 เมษายน -4 พฤษภาคมมีผู้อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค 12,385 ราย ในจำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อ 84 ราย
ปชช.กว่า90%ใส่หน้ากากมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังสำรวจความคิดของประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์หัวข้อ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ที่ สธ.ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสำรวจประชาชน 99,865 ราย 4 ครั้ง ตลอดเดือนเมษายน ที่ส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า พบว่า 99.8% เข้าใจว่าควรทำมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติอย่างไร และ93.8% คิดว่ามาตรการนี้ช่วยลดการแพร่ระบาดได้ ส่วนพฤติกรรมป้องกันตัวเองของประชาชน พบใส่หน้ากากอนามัยมีเพิ่มสูงขึ้นและคงที่อยู่ที่ 91.2% การล้างมือด้วยสบู่ เจลแอลกอฮอล์คงที่อยู่ที่ 87.2% ขณะที่การกินร้อนช้อนตัวเอง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 86.1% การรักษาระยะห่างลดลงอยู่ที่ 65.3% ไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก อยู่ที่ 62.9% เราอยากให้ความร่วมมือของประชาชนเกิน 90% ขึ้นไป เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ห่วงรถไฟฟ้าแน่น-งดกิจกรรมวิสาขะ
ส่วนกรณีปรากฏภาพผู้โดยสารรถไฟฟ้าเริ่มหนาแน่นเบียดเสียดกันนั้น อย่างน้อยทุกคนก็ยังใส่หน้ากากอนามัย และฝากผู้ประกอบให้จัดระเบียบพื้นที่ หรืออาจเพิ่มรอบโดยสาร เพื่อลดความแออัด หรือใช้ผู้บริการให้เหลื่อมเวลา หรือทำงานอยู่ที่บ้านตามที่รัฐยังสนับสนุนมาตรการนี้
สำหรับวันวิสาขบูชาวันที่ 6 พฤษภาคมนั้น โฆษก ศบค.เผยว่า มหาเถรสมาคม (มส.) มีมติเห็นควรให้วัดทุกวันทั้งในและต่างประเทศงดจัดกิจกรรมที่ให้ประชาชนมาร่วมกลุ่มกันทุกประเภท ยกเว้นการปฏิบัติกิจของสงฆ์เท่านั้น โดยให้ปฏิบัติตามมาตรา 9 ในพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และแนวทางการจัดการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ
ย้ำร่วมมือ100%สองเดือนปลอดโควิด
“ขอฝากว่าช่วงเปลี่ยนผ่านเน้นย้ำเสมอว่าตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ 1 รายวันนี้มาจากพฤติกรรมเมื่อ 14 วันที่ผ่าน ซึ่งเราร่วมมือกัน จึงทำให้ได้ตัวเลขแบบนี้ แต่หลายคนกังวลใจกันมากรวมถึงผมว่า ใน 7-14 วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ที่แล้วมาไม่เป็นไร แต่วันนี้ต้องมีสติตลอดเวลา อย่างน้อยที่สุดใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง รวมถึงเวลาออกไปร้านค้าก็ให้ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา คอยแนะนำร้านค้าด้วยไมตรีจิตให้เป็นไปตามมาตรการ เราต้องพึ่งกัน ต้องร่วมมือกัน 100% เพราะจะทำให้เราไม่มีตัวเลขผู้ป่วยอีก ถ้ายกระดับเป็นขั้นๆ เต็มที่คือ 2 เดือนเท่านั้นเราจะปลอดโรคและปลอดภัยทุกคน”นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นายกฯห้ามการ์ดตกปชช.อย่าชะล่าใจ
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ถึงความเป็นห่วงหากตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์จะทำให้ประชาชนชะล่าใจและการ์ดตก โดยเฉพาะที่มีการเผยแพร่ภาพประชาชนแห่ไปใช้บริการรถไฟฟ้าจำนวนมากว่า ต้องถามสื่อกลับว่าจะช่วยสร้างความเข้าใจให้ประชาชนได้หรือไม่ เพราะตนเองคนเดียวตัดสินอะไรไม่ได้ ต้องประชาชนด้วย
“เป็นหน้าที่ของสื่อต้องสร้างความเข้าใจไปสู่ประชาชนว่าต้องไม่การ์ดตก ไม่ว่าตัวเลขติดเชื้อจะเป็นศูนย์หรือไม่ จะการ์ดตกไม่ได้เลย ผมขอย้ำตรงนี้ ห้ามการ์ดตกโดยเด็ดขาด” นายกฯกล่าว
สั่งแก้ปัญหาแห่ใช้รถไฟฟ้าแน่นขนัด
และว่า ส่วนที่มีประชาชนไปใช้บริการรถไฟฟ้าจนแออัดนั้น เป็นความขัดข้องทางเทคนิคที่เกิดขึ้น ที่อาจเกิดจากกรณีการชำรุดที่ส่วนใด หรือเป็นเรื่องของสัญญาณ แล้วบังเอิญเป็นช่วงที่มีประชาชนไปรอใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งได้สั่งการไปแล้วให้มีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นายกฯยังยืนยันว่า รัฐบาลเอาใจใส่ทุกอย่าง ก็ขอร้อง ขอให้ทุกคนอดทน เพียรพยายามกันต่อไปในการที่จะนำพาประเทศของเราไปข้างหน้าไม่ใช่ด้วยใคร และไม่ใช่ด้วยนายกรัฐมนตรี แต่ต้องไปด้วยคนไทยทุกคน นั่นคือความร่วมมือของเรา ในช่วงเวลานี้และวันต่อๆไป
ถกเตรียมเฟส2เปิดห้างช็อปคนละ2ชม.
นายกฯยังแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงผลลัพธ์หลังศบค.ผ่อนปรนมาตรการบางอย่าง และให้ 6 กิจการกิจกรรมดำเนินการได้วันที่ 2 ว่า ทุกคนทำเต็มที่เรื่องมาตรการผ่อนปรน ตนในฐานะนายกฯเห็นว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะเรื่องความร่วมมือจากภาคธุรกิจเอกชนในการผ่อนปรนมาตรการ รวมไปถึงความร่วมมือจากประชาชน ในส่วนการเปิดร้านเห็นว่าหลายๆผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่ได้รับการผ่อนปรนก็ได้ปรับมาตรการของตัวเองเรื่องเว้นระยะทางสังคม แต่หลายอย่างก็ยังคงต้องปรับให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน โดยคำนึงถึงมาตรฐานด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ
“ขณะนี้เราเตรียมการเพื่อเข้าสู่ระยะที่สอง ถ้าสามารถผ่านระยะที่ 1 ไปได้ 14 วัน ก็มีอีกหลายแห่งด้วยกันที่จะเปิดในโอกาสต่อไป สิ่งสำคัญคือ จะมีประชาชนจำนวนมากเข้าไปยังสถานประกอบการขนาดใหญ่รวมทั้งศูนย์การค้า จึงขอเตือนว่าจะต้องกำหนดจำนวนปริมาณคนที่จะเข้าไปใช้บริการในสถานที่เหล่านั้น เป็นไปอย่างจำนวนจำกัด ต้องจัดให้ทยอยเข้าไป โดยใช้เวลาอยู่ในสถานประกอบการนั้น ๆไม่เกิน 2 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการกรูเข้าไปครั้งเดียว ทำให้เกิดปัญหาการแย่งชิง”นายกฯกล่าว
ตั้งเต็นท์คัดกรองเข้มจัดระเบียบคนเข้า
และว่า ดังนั้น ทุกๆสถานประกอบการขนาดใหญ่ ศูนย์การค้าต้องมีเต็นท์หรือพื้นที่พักคอยด้านนอกห้าง เมื่อถึงเวลาก็ให้ทยอยเข้าไปตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ว่า เข้าไปได้เท่าไหร่อย่างไร รวมทั้งต้องมีมาตรฐานคัดกรองคนที่จะเข้าไปยังสถานที่เหล่านั้น ต้องวัดอุณหภูมิ ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในศบค.ว่าจะอนุญาตให้เปิดอะไรบ้างในระยะต่อไป ขอให้ทุกคนได้เตรียมการให้พร้อม สิ่งที่หลายคนกังวลคือ ในสถานประกอบการขนาดใหญ่อาจมีความพร้อมมากกว่า เพราะมีเครื่องมือ อุปกรณ์ มีทุนมากกว่า ดังนั้น ในส่วนตรงกลางทุกคนก็ต้องช่วย อะไรที่ต้องทำก็ขอให้ทำให้ได้เราถึงจะเปิดให้บริการได้ ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนมีมาตรฐานที่รัดกุม
สธ.ห่วงคนแห่ซื้อเหล้าทำระบาดซ้ำ
ขณะที่นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ว่า 4 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยมารักษาที่สถาบันบำราศนราดูรต่อเนื่อง และนำเทคโนโลยีกระบวนการรักษาแปลกใหม่มาใช้กับผู้ป่วยประสบความสำเร็จ การนำยาฟาวิพิราเวียร์ รวมถึงยาฉีดเรมเดซิเวียร์ ซึ่งตอนนี้ใช้ 7 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 2 คน ที่มีอัตราผู้ป่วยอายุหลากหลาย น้อยสุด 47 ปีมากสุด 83ปี ส่วนช่วงผ่อนปรนมาตรการ ให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ต้องดำเนินชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะทางสังคม แต่อาจมีโอกาสได้รับเชื้อเพิ่มได้ จากข่าวคนแห่ซื้อเหล้า และใช้บริการรถสาธารณะที่แออัด ไม่สามารรถปฏิบัติ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หวั่นเกิดการระบาดระลอก2
เหลือรักษาตัวรพ.แค่1-เฝ้าระวัง10
นพ.อภิชาติ วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า ขณะนี้เหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รักษาตัวใน รพ.แค่ 1 คนเท่านั้นและมีผู้ป่วยอยู่ในข่ายเฝ้าระวังในขณะนี้อีก10 คน ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยสถาบันบำราศนราดูรรับผู้ป่วยติดเชื้อผู้ป่วยเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยมีผู้ป่วยในข่าย 5,062คนและติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 214 คน โดยสถาบันบำราศนราดูร ที่ผ่านมาศักยภาพรองรับผู้ป่วยมากถึง 300 คน แต่ช่วงวิกฤติเคยมีผู้ป่วยมากสุด 800 คน ทำให้บริการไม่เพียงพอทั่วถึง เคยต้องต้มมาม่ากับไข่ให้ผู้ป่วยมาแล้ว ฉะนั้น ต้องดูแลตนเองให้ดีไม่อยากให้มีสถานการณ์เช่นนี้อีก โดยผู้ป่วย 1 คนต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ไม่ต่ำกว่า 2 คน
นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศราดูร ฝ่ายควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล กล่าวว่า การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เฉลี่ย 1 คนรักษาตัวใน รพ. 2 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยอายุเฉลี่ย 21-30 ปี เพศชายร้อยละ 60 หญิงร้อยละ 40 ขณะเดียวกันพบว่า อัตราป่วย ร้อยละ 60 แสดงอาการน้อย ร้อยล 20 ปอดอักเสบเล็กน้อย ร้อยละ 19 อาการหนัก และร้อยละ 6 อาการหนักมาก หัวใจล้มเหลว และจากการรักษาพยาบาลพบว่า อัตราการเสียชีวิตในรพ. พบแค่ร้อยละ 0.5 ส่วนอัตราการใช้ยารักษาในผู้ป่วยพบว่า 1ใน 3 ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษาตามอาการ และ 2 ใน 3 ได้รับยาต้านไวรัส ซึ่งยาที่ใช้มี 3 กลุ่ม ได้แก่ ยาต้านไวรัสเอดส์ 2. ยารักษามาลาเรีย และรูมาตอยด์ และ 3. ยาฟาวิพิราเวียร์ ขณะเดียวกัน เป็นที่น่ายินดีไม่พบปัญหาบุคลากรรพ.ติดเชื้อโควิด-19
40ผู้ป่วยยะลารู้ผลตรวจ6พค.
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงการตรวจหาเชื้อจากผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 40 รายในจ.ยะลา ที่ต้องตรวจซ้ำรอบที่สามว่า ขณะนี้อยู่ในชั้นตอนการส่งตัวอย่าง ผลน่าจะออกมาวันที่ 6 พฤษภาคม การตรวจที่จ.ยะลา เป็นการตรวจหาเชื้อเชิงรุก เพราะเป็นจุดหนึ่งที่พบผู้ป่วยต่อเนื่อง ซึ่งตามธรรมชาติการเกิดโรคน่าจะพบผู้ติดเชื้อได้ไม่เกิน 5% แต่การเจอถึง 40 รายถือว่าผิดปกติ และจากการตรวจสอบพบมีการผิดพลาดเกิดขึ้น สำหรับผลแล็ปสองแห่งไม่ตรงนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ตลอด กรณีของยะลา คณะผู้เชี่ยวชาญกรมวิทยาศาสตร์ และมอ.เข้าไปตรวจว่าเกิดดรงไหน และนำตัวอย่างส่งมาตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ซ้ำ
หมอประสิทธิ์ห่วงห้ามผ่อน3ข้อ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะเเพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ศิริราชขอให้คนไทยยังคงมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และหมั่นล้างมือบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ห้ามผ่อนผันเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเกิด Second Wave จากโควิด-19 “ไม่อยากให้ตื่นตระหนก แต่ให้ตระหนักก่อนสายเกินไป ขอฝากคนไทยตอนนี้เราทุกคนต้องช่วยกัน
อยุธยาปรับ2หมื่นไม่สวมหน้ากาก
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกคำสั่งที่ 1496/2563 ลงวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 ให้ประชาชนทุกคนภายในจ.พระนครศรีอยุธยา สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากเคหสถาน และขณะอยู่นอกเคหสถาน หรือต้องติดต่อกับบุคคลอื่น หรือเดินทางไปในสถานที่สาธารณะ หรือสถานที่ใดๆ ซึ่งมีบุคคลอื่นอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่อยู่ในเคหสถาน ร้านค้า หรือสถานที่ใด ๆ ที่ต้องติดต่อกับบุคลอื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าด้วยทุกครั้ง ผู้ใดฝ่าฝืน ระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป
ตรัง-กระบี่คัดกรองเข้มคนภูเก็ต
ที่จ.ตรัง จุดคัดกรองใน อ.สิเกา จ.ตรัง มีคนเดินทางมาจากจ.ภูเก็ต โดยใช้ จ.ตรัง เป็นเส้นทางผ่านไปยัง จ.สงขลา สตูล และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วกว่า 10,000 คน ทำให้ต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น โดยคัดแยกเป็น 2 กลุ่มคือ ผู้ที่เดินทางผ่านจ.ตรัง ไปจังหวัดอื่น และกลุ่มที่มีภูมิลำเนาในจ.ตรัง ซึ่งมีเกือบ 2,000 คน โดยกำชับให้ประชาชนทั้ง 2 กลุ่ม ต้องไปกักตัวเป็นเวลา 14 วัน สำหรับ จ.ตรัง ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มาเป็นวันที่ 28 แล้ว
ส่วนที่ด่านตรวจคัดกรอง ถนนเพชรเกษม บ้านนาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ประชาชนทยอยเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต ต่อเนื่อง มีชาวกระบี่เดินทางกลับมาแล้ว 400 ราย จากที่ลงทะเบียนไว้ 1,100 ราย เจ้าหน้าที่คัดกรองและทำประวัติอย่างละเอียดให้กักตัว 14 วัน โดยทุ่มงบ 2 ล้านบาท จัดซื้อน้ำยาเพื่อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งประชาชนที่เดินทางมา โดยเฉพาะผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงใน จ.ภูเก็ต 4ตำบล คือ ต.ป่าตอง เชิงทะเล รัษฎาและต.วิชิต ล่าสุดผู้ป่วยยืนยันยังคงเดิม 20ราย รักษาหาย 16รายและรักษาอยู่โรงพยาบาล 4ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี