17พค.คลายล็อกเฟส2
‘บิ๊กตู่’ยืนยัน
วอนปชช.อย่าขัดแย้ง
ติดเชื้อเพิ่มอีก8ราย
มท.กระจายอำนาจ
สั่งตั้งศบค.จว.คุมเข้ม
BTSจำกัด250คน/ขบวน
นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมมือทำยอดติดเชื้อเหลือหลักหน่วยต่อเนื่อง วอนทุกคนช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขต่อไป อย่าให้ทุกเรื่องเป็นความขัดแย้ง ขออดทนอีกระยะ จะทยอยคลายล็อกยอมรับ 17 พฤษภาคม ไฟเขียวผ่อนคลายระยะ 2 โฆษก ศบค.แถลงพบป่วยโควิด-19 อีก 8 เป็นแรงงานต่างด้าว 5 ราย ในศูนย์กักกันฯ สะเดา อีก 3 เป็นคนไทย จากการค้นหาเชิงรุก ยันยังไม่ถอน “จีน-เกาหลีใต้” พ้นบัญชีประเทศกลุ่มเสี่ยง มี 43 จว.ไม่พบผู้ติดเชื้อ
รายใหม่ในรอบ 28 วัน
ด้าน มท.สั่ง ผู้ว่าฯทั่วปท.ตั้ง ศบค.ระดับ จว.-อำเภอ-ตำบล เฝ้าระวังเข้ม ขณะ”คมนาคม”จัดระเบียบคนใช้บริการรถเมล์ เรือ รถไฟฟ้า จำกัดผู้โดยสารบีทีเอส250คน/ขบวน ดีเดย์เปิดจตุจักร 9 พ.ค. กทม.เข้มมาตรการสาธารณสุข สกัดเชื้อกระจาย
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานตรวจเยี่ยมติดตามผลดำเนินงานด้านการปราบปราม ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติดถึงความคืบหน้าการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยขอบคุณผู้ประกอบการทั้งเอกชนและทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนที่ให้ความร่วมมือจนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เหลือเพียงหลักหน่วย
สั่งสำรวจร้านค้าตัวอย่างเข้มสกัดโควิด
นายกฯกล่าวว่า วันนี้สั่งการให้รวบรวมแบบอย่างที่ดีและตัวอย่างที่ผู้ประกอบการดำเนินการในส่วนองค์กรนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านค้าย่อยต่างๆ เพื่อให้เห็นเป็นตัวอย่างและแบบอย่าง ถ้าทุกคนช่วยกันจะทำให้เกิดความปลอดภัย ไว้วางใจ และเกิดความเชื่อมั่น ที่จะออกมาใช้ชีวิตปกติ แม้จะเป็นช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดถ้าเราไม่ทำแบบนี้แล้วถ้าเกิดการระบาดกลับมาอีก จะเดือดร้อนและลำบากมากกว่าเดิม ทุกคนต้องช่วยกัน รัฐบาลมีทุกมาตรการออกมาแล้ว แต่ถ้าทุกคนไม่ทำ ไม่ปฏิบัติตามก็มีปัญหาทุกเรื่องไป ขออย่าให้ทุกเรื่องเป็นความขัดแย้งเลย ทุกประเทศก็เจอปัญหาเหมือนเรา และเราก็ทำดีที่สุดของเราในปัจจุบัน รวมทั้งความร่วมมือจากต่างประเทศด้วย
วอนปชช.อดทนอีกนิดทยอยคลายล็อค
“ขอให้ทุกคนอดทนและช่วยกัน รัฐบาลก็พยายามทำเต็มที่ การช่วยเหลือก็มีทยอยออกมาตามลำดับเพราะเรามีคนจำนวนมาก เราต้องดูแลทั้งผู้ประกอบการ ประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบ และเราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะยาวนานไปอีกแค่ไหน แต่ทำอย่างไรที่จะทำให้ประเทศของเราปลอดภัยให้ได้เร็วที่สุด และจากภายนอกก็ต้องระวัง อีกด้านหนึ่งเราต้องทำทั้งสองด้านพร้อมกัน คิดว่าระยะเวลาอันใกล้นี้จะเปิดกิจการอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก ขอประเมินอีกนิด”นายกรัฐมนตรี ย้ำ
ยัน17พค.คลายล็อคระยะที่สอง
และว่า นโยบายจ้างงานในพื้นที่ต่างๆเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้เริ่มขึ้นแล้ว ทำให้มีงานมีรายได้ บางส่วนได้รับชดเชยตามกฏหมาย หากเปิดโรงงานจะเริ่มจ้างงาน นั่นคือการฟื้นฟูแล้ว แต่ทำอย่างไรให้กลับมาเท่าเดิม บางกิจการหากทำให้สูงขึ้นต้องพัฒนาในส่วนนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม เพื่อให้ทุกคนไว้วางใจกลับมาเที่ยวประเทศไทย และสุขภาพเราก็ดูแลดีเป็นพิเศษ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะมาก่อนหรือไม่ต้องคิดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมไม่ได้เปิดทุกประเภทพร้อมกัน เพราะอาจทำให้รวนไปทั้งหมด ตรงนี้ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ 17พฤษภาคม จะผ่อนปรนมาตรการระยะที่สองได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใช่ ก็กะไว้อย่างนั้น ส่วนการตั้งคณะที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เพื่อฟื้นฟูทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต
ป่วยใหม่8รายเป็นต่างด้าว5ในศูนย์กักฯ
ด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงถึงสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 8 ราย ในจำนวนนี้เป็นการค้นหาเชิงรุกในจ.ยะลา 3 ราย เป็นชายไทยทั้งหมด ประวัติสัมผัสผู้ป่วยที่เคยสัมผัสกับผู้เดินทางกลับมาจากมาเลเซีย ถือเป็นรุ่นที่ 3 ส่วนอีก 5 ราย เป็นแรงงานต่างด้าว เพศหญิงทั้งหมด อายุ 19-30 ปี ที่อยู่ในศูนย์กักกันผู้ต้องกักตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,000 ราย หายป่วยสะสม 2,784 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 161 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม และในรอบ 28 วันที่ผ่านมา มี 43 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เลย
5หน่วยงานจับมือเร่งพัฒนาวัคซีน
ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก มี 3,916,338 ราย เสียชีวิต 270,711 ราย ในฐานะที่เรามีความก้าวหน้าทางการแพทย์ มีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ขณะนี้มี 5 หน่วยงานที่ร่วมพัฒนาวัคซีน ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และถ้าร่วมกับอาเซียนเราอาจเป็นประเทศแรกๆ ที่มีโอกาสได้ใช้วัคซีน จึงต้องส่งกำลังใจและฝากความหวังให้คนเหล่านี้
นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงการเดินทางกลับประเทศของคนไทยในต่างประเทศว่า วันที่ 8 พฤษภาคมจะมีคนไทยกลับจากอียิปต์ 199 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 100 ราย วันที่ 9 พฤษภาคม มาจากเวียดนาม 35 ราย ญี่ปุ่น 212 ราย เนเธอร์แลนด์ 50 ราย มียอดสะสมผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน -7 พฤษภาคม 14,372 ราย กลับบ้านแล้ว 5,080 ราย
ผลตรวจ6กิจการไม่ร่วมมือ421แห่ง
ส่วนผลตรวจกิจการ กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนปรนประจำวันที่ 7 พฤษภาคมนั้น โฆษก ศบค.กล่าวว่า ตรวจ 15,414 แห่ง ปฏิบัติตาม 14,993 แห่ง ไม่ปฏิบัติตาม 421 แห่ง คิดเป็น 2.73% ถือว่าลดลงกว่าวันที่ผ่านมา ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือมากขึ้น ย้ำว่าเราไม่ต้องการลงโทษผู้ฝ่าฝืน แต่ต้องการทำให้เกิดความปลอดภัย ถ้าทำดีแล้วก็ให้ทำต่อ ถ้าทำไม่ดีก็ปิดเพื่อให้ปรับปรุงให้ดีแล้วมาเปิดใหม่ ดังนั้น หากอยากเปิดพื้นที่กันมากๆ ก็ฝากให้ช่วยกันทำทั้งมาตรการหลักและมาตรการเสริมเกิน 90% หรือ 100%
ไม่สรุปปลดจีน-เกาหลีใต้พ้นปท.เสี่ยง
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนในการถอนจีนและเกาหลีใต้ออกจากประกาศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การเสนอถอนออกจากลิสต์ยังไม่ได้เสร็จตอนนี้ เป็นข้อเสนอของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขต่อที่ประชุม ศบค. ตอนนี้ยังไม่ได้อนุมัติ เพราะต้องมีขั้นตอน และต้องนำเข้าคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเพื่อพิจารณานำชื่อออก ส่วนที่คนไทยกังวลว่าจะเปิดให้คนจีนเข้าประเทศไทยได้อีกครั้งนั้น ยังไม่ต้องกังวล เนื่องจากมาตรการต่างๆ เรายังเหมือนเดิม ทั้งการจำกัดเที่ยวบินไม่ให้เครื่องโดยสารปกติเข้ามา ต้องมีใบรับรองแพทย์ ถ้าเข้าตอนนี้ต้องอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 14 วัน หากเป็นนักท่องเที่ยวเจอมาตรการนี้ก็ยังไม่อยากเข้ามา เพราะวันนี้ยังไม่ใช่สถานะการเดินทางโดยเสรี ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจได้
ชี้การทวนสอบตรวจเชื้อมาตรฐานปกติ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงกรณีมีความไม่มั่นใจระบบตรวจหาผู้ป่วยรายใหม่ ทั้งกรณี 40 คนที่ จ.ยะลา และกรณีทหารเรือที่ต้องตรวจซ้ำว่า เป็นเรื่องการทวนสอบ เป็นมาตรฐานปกติ เพราะถ้าไม่มั่นใจจะให้ตรวจซ้ำ กรณีจ.ยะลาเกิดจากการพัฒนาศูนย์แล็ป ส่วนกรณีทหารเรือ ทราบข้อมูลว่าตรวจครั้งแรกเป็นบวกและตรวจอีกครั้งเป็นลบ เป็นการตรวจซ้ำเพื่อให้ความมั่นใจ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ความสำคัญเรื่องนี้สูงมาก จะไม่ปล่อยกรณีที่มีข้อสงสัยออกไปแน่นอน
หมอหนูพบนายกฯหนุนปลดจีน-เกาหลีใต้
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขกล่าวหลังเข้าพบนายกฯถึงการเตรียมปลดจีนและเกาหลีใต้ออกจากกประเทศกลุ่มเสี่ยงว่า จีนและเกาหลีใต้คุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีแล้ว และออกจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เพื่อความสัมพันธ์ทางการทูต และการสนับสนุนซึ่งกันและกัน เช่น ด้านเวชภัณฑ์ ยา โดยเอกอัครราชทูตทั้งสองประเทศได้ติดตามเรื่องเหล่านี้ตลอดเวลา รัฐบาลไทยจึงเห็นว่าเมื่อถึงเวลาสมควร ตนในฐานะดูแลคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จึงเสนอกลุ่มวิชาการในเรื่องนี้ ส่วนข้อกังวลว่าจะมีนักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาจำนวนมาก เราดำเนินการภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่ยังคงไว้ในเรื่องข้อกำหนดเดินทางเข้าออกประเทศ ซึ่งการปลดทั้งสองประเทศออกจากกลุ่มเสี่ยง จึงถือเป็นเรื่องที่สร้างความรู้สึกที่ดีต่อกัน
มท.สั่งจว.ตั้งศบค.จว.-ต.ท้องถิ่น
วันเดียวกัน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ลงวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุ ตามคำสั่ง ศบค.โควิด - 19 ที่ 2/2563 ลงวันที่1พ.ค.2563 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 กำหนดให้ ศปก.จังหวัด ศปก.อำเภอ ศปก.ตำบล และ อปท. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบกำกับ ดูแล ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 นั้น ศบค.มท.พิจารณาแล้ว เพื่อให้การกำกับ ดูแล ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้จังหวัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค (ศปก.)แต่ละระดับ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัด(ศปก.จ.) นายอำภอ เป็นผู้แต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำภอ (ศปก.อ.) และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคตำบล(ศปก.ต.) และนายกเทศมนตรีเทศบาลนคร/เทศบาลเมือง เป็นผู้แต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคเทศบาลนคร/เทศบาลเมือง (ศปก.ทน./ศปก.ทม.) ตามโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด พร้อมกำกับ ดูแล ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคในพื้นที่โดยเคร่งครัด
คมนาคมยังคุมเข้มขนส่งทุกช่องทาง
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงการจัดการขนส่งสาธารณะทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศช่วงวิกฤติโควิด-19ว่า เราออกประกาศ คำสั่ง ควบคุมพื้นที่ ควบคุมกิจกรรม และกำหนดเวลาเดินทางช่วงเคอร์ฟิว กระทรวงคมนาคมออกคำสั่งให้ผู้ประกอบการรถโดยสารระหว่างจังหวัด งดเดินรถ 203 เส้นทางจาก 800 กว่าเส้นทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ขณะที่การเดินทางโดยรถไฟระหว่างจังหวัด จากปกติวันละ 500 ขบวนลดลงเหลือ 43 ขบวนต่อวัน และวิ่งระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตรเท่านั้น เนื่องจากจะติดช่วงเวลาเคอร์ฟิว
จำกัดโดยสารรถไฟฟ้า250คน/ขบวน
ส่วนกรณีวันที่ 5 พฤษภาคม มีประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าแออัดนั้น นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ตนขออภัยและขอชี้แจงว่า เนื่องจากระบบขัดข้องไม่สามารถเดินรถได้ 3-4 ขบวน และการควบคุมการเว้นระยะห่างทางสังคม จึงกำหนดจำนวนผู้โดยสารเข้าไปในขบวนรถยากมาก ถือเป็นบทเรียนสำคัญ และวันต่อมาให้หน่วยงานจัดเตรียมระบบซักซ้อมการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งประชาชนให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามข้อแนะนำต่างๆที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ปกติรถไฟฟ้าบีทีเอส 1 ขบวนบรรจุผู้โดยสารได้ 1,000-1,100 คน แต่เมื่อมีมาตรการระยะเว้นห่างทางสังคม ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ผู้โดยสารจึงเหลือเพียง 250 คนเท่านั้นลดลง 1 ใน 4 เป็นความจำเป็นต้องลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อของผู้ใช้บริการ ซึ่งขนส่งสาธารณะทั้งรถโดยสารประจำทาง และโดยสารทางเรือ จะใช้มาตรการเดียวกัน
รถไฟฟ้าใต้ดินจัดระเบียบคนเข้าสถานี
นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดินที่ไม่เพียงพอให้บริการนั้น ความจำเป็นในการเว้นระยะห่างต้องมี เมื่อมีคนใช้บริการมากขึ้นจำเป็นต้องปรับขบวน เพิ่มขีดเดินรถให้เต็มพิกัด ซึ่งเราได้ปรับการเดินขบวนรถให้มากขึ้น แต่ไม่สามารถเพิ่มความถี่ได้ เพราะต้องเว้นระยะเวลาให้บริการแต่ละช่วงขบวนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 นาที ถ้าน้อยกว่านี้อาจเกิดความไม่ปลอดภัย ดังนั้น เราจำเป็นต้องจัดพื้นที่ให้บริการเป็นช่วงๆตั้งแต่เข้าสถานี และเข้าขบวนรถ จึงขอให้เข้าใจว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
ส่วนการเดินทางอากาศเดือนพฤษภาคม จะมี 5 สายการบินเปิดให้บริการ ในท่าอากาศยาน 18 แห่ง เพื่อรองรับผู้โดยสารเดินทางในประเทศเท่านั้น ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. ให้เหลือเวลาก่อนเคอร์ฟิว
ยอดใช้รถเมล์พุ่ง5แสนคน/วัน
เช่นเดียวกับ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. เปิดเผยถึงมาตรการดูแลการให้บริการประชาชนจำนวนมากหลังการคลายล็อคว่า เมื่อเริ่มเปิดพื้นที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ จำนวนผู้ใช้บริการโดยสารรถเมล์เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยวันละ 3-4 แสนคน เป็น 5 แสนคน ส่งผลให้ขสมก.ต้องกลับมาเดินรถด้วยจำนวนรถเกือบ 90 % ของจำนวนรถปกติที่ ขสมก.มีกว่า 2,000 คัน ทั้งนี้ ยอมรับว่า แม้ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถเมล์ไม่ได้เพิ่มขึ้นจนถึงเกือบ 1 ล้านคนต่อวัน เหมือนช่วงปกติ แต่ผู้ใช้บริการกว่า 5 แสนคนในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด ที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมบนรถด้วย ทำให้รถแต่ละคันต้องจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ ดังนั้น แม้จะมีผู้โดยสารเพียง 50% ของช่วงปกติ ขสมก.ก็ต้องเดินรถเต็มที่ เพื่อให้ปริมาณรถเมล์เพียงพอกับการใช้บริการ ขสมก.ยืนยันจะดำเนินการเต็มที่ ในสถานการณ์ที่ยังต้องมีการรักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ป้องกันการระบาดรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม ขสมก.อยากขอความร่วมมือทุกภาคส่วนยังต้องใช้มาตรการรณรงค์ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” และมาตรการ Work From Home ต่อไป เพื่อไม่ให้มีปริมาณประชาชนมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบมากเกินไป ในช่วงที่ยังต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมร่วมกันด้วย
กทม.ตรวจเข้มก่อนเปิดตลาดจตุจักร9พค.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางวัลยา วัฒนรัตน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในตลาดนัดจตุจักร ตามมาตรการความปลอดภัย อาทิ กำหนดให้ผู้ค้าและผู้มาใช้บริการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่ จำกัดเส้นทางเข้า-ออก ให้เหลือ 6 ประตู และจัดจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิบริเวณทางเข้า ทั้ง 6 ประตู พร้อมตีเส้นกำหนดระยะห่าง ระหว่างรอเข้าจุดคัดกรอง การติดตั้งอ่างล้างมือ และเจลแอลกอฮอล์ในตลาด รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าจัดร้านไม่ให้แออัด และไม่ตั้งวางสินค้ากีดขวางทางเดิน ส่วนร้านค้าอาหารให้มีฉากกั้น รวมทั้งกวดขันให้ทำความสะอาดห้องสุขาสาธารณะ 8 แห่งในตลาดนัดทุก 2 ชั่วโมง และขอความร่วมมือแต่ละร้านค้ากำหนดระยะห่างระหว่างผู้ซื้อ หากร้านค้ามีพื้นที่เล็ก ขอให้ผู้ซื้อเลือกซื้อสินค้านอกร้าน ส่วนร้านค้าที่มีพื้นที่ขนาดกว้างขอให้จำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้าไปเลือกซื้อสินค้าไม่เกิน 5-10 คน และทุกเย็นที่ปิดตลาดแล้ว ทางสำนักงานตลาด จะดำเนินการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชือ และทำความสะอาดทุกวัน
น.ส.สมฤดี จันทรพิทักษ์ รอง ผอ.สำนักงานตลาด กทม. เปิดเผยว่า วันที่ 9 พฤษภาคมตลาดนัดจตุจักรจะเปิดทำการเต็มรูปแบบอีกครั้ง ระหว่างเวลา 05.00-18.00 น. แต่ยังไม่อนุญาตให้ขายของในลานผู้ค้าเร่บริเวณหอนาฬิกา ร้านค้าหาบเร่แผงลอย และตลาดนัดกลางคืน เนื่องจากอยู่ในช่วงเคอฟิวส์ โดยมีผู้ประกอบร้านค้ากว่าร้อยละ 90 ตอบรับเปิดขาย
จับ5สาวลอบเข้าไทยไม่ผ่านด่านคัดกรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดตรวจชายแดนกองร้อย ตชด.437 อ.สะเดา จ.สงขลา นำโดย พ.ต.ต.สุริวงค์ สมทรงผบ.ร้อย ตชด.437 ร.ต.ท.ชวิศศา บุญมี หน.ชฝต.4305/5 ร้อย ตชด.437 ออกลาดตระเวนป้องกันบุคคลทั้งคนไทยและชาวต่างชาติลักลอบเข้าออกช่องทางธรรมชาติ ชายแดนไทยมาเลเซีย โดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรองโควิด- 19 ผลจากการลาดตระเวนบริเวณหลักเขตแดนที่ 31/62 บ.ทุ่งเปรียง ม.4 ต.ประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา พบกลุ่มคนไทยได้5 คน เป็นผู้ชาย 1 ผู้หญิง 4 ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในจ.นราธิวาส ขณะขับรถจักรยานยนต์ 3 คันออกมาจากมาเลเซีย ประกอบด้วย นายรูซือลัน สาเร๊ะ อายุ 43 ปี น.ส.นูรียาณา ดอเล๊าะ อายุ 34 ปี น.ส.ปัทมา สาแม อายุ 36 ปี น.ส.ซูนีตา สาแม อายุ 35 ปี และ น.ส.ยามีล๊ะ สาแม อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้ง 5 คน ส่งด่านกักกันโรค ด่านพรมแดนประกอบ ต.ประกอบ อ.นาทวี เพื่อเข้าสู่ขบวนการคัดกรองโรคโควิด19 ที่ศูนย์คัดกรองในพื้นที่ ดำเนินการเปรียบเทียบปรับตาพรบ.คนเข้าเมือง และนำเข้าสู่การกักตัว 14 วันในศูนย์กักในพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี