พปชร.โดดขวาง
ตั้งกมธ.สอบใช้งบสู้โควิด
ชี้ยุคบิ๊กตู่หนี้น้อยกว่ายุค‘ปู’
ลุ้นสภาผู้แทนโหวตอาทิตย์นี้
สภาถก พ.ร.ก.กู้เงินวันที่ 4 พปชร.ผนึกหนุน พ.ร.ก. สู้โควิด ขวางตั้งกมธ.วิสามัญมาสอบใช้งบ บอกมี สตง.-ป.ป.ช.คอยตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งมั่นใจโหวตผ่านกฎหมายสำคัญในวันอาทิตย์นี้ “สส.เต้” ชมยุค“บิ๊กตู่” หนี้สาธารณะน้อยกว่ายุคมาร์ค-ปู ขณะที่ฝ่ายค้านยังคาใจหวั่นเงินกู้รั่วไหลซ้ำเติมประชาชน
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรีและประธาน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านและสส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1.9ล้านล้านบาทว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.วิสามัญฯดังกล่าวเพราะมีหน่วยงานราชการที่น่าเชื่อถือ พิจารณาและกลั่นกรองอยู่แล้ว อาทิสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ร่วมทั้งในระดับพื้นที่จะต้องเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด และกลุ่มจังหวัดแบบบูรณการ(ก.น.จ.)กลั่นกรอง ก่อนเสนอให้ครม.เป็นผู้อนุมัติโครงการตามที่เสนอมาเท่านั้น โดยนักการเมือง ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง
“ขณะที่สภาฯก็มี กมธ.สามัญฯจำนวน 35 คณะ สามารถทำหน้าที่และสามารถตรวจสอบพรก.กู้เงิน1.9ล้านล้านบาททั้ง 3ฉบับ พวกเราที่เป็น ส.ส ทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลในฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องมั่นใจในระบบราชการที่เข้ามาดูแลงบประมาณตัวนี้ จึงไม่จำเป็นต้องตั้ง กมธ.วิสามัญฯขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน เสียเวลาการทำงานกับทุกฝ่ายและรวมทั้งเสียงบประมาณของแผ่นดิน เกี่ยวกับเบี้ยประชุมอีกด้วย”นายสุชาติ ย้ำ
ระบุอยู่ในสายตา สตง.-ป.ป.ช
ประธานส.ส.พปชร.กล่าวถึงที่ฝ่ายค้านคิดและข้อกังวลการใช้งบประมาณว่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือใช้งบประมาณไปไม่ตรงวัตถุประสงค์นั้นว่า ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยนั้นก็มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)และคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ร่วมตรวจสอบ ยิ่งโดยเฉพาะพรก.เงินกู้ 1ล้านบาท ถือว่ามีกรอบดำเนินการที่รัดกุมโดยใช้กฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะมาบังคับใช้ กำกับติดตาม การเบิกจ่ายเงินกู้และต้องมีการประเมินโครงการต่างๆนำเสนอต่อ ครม.ทุก 3 เดือน
ชี้มาตรฐานเข้มกว่ากู้เงินยุค’มาร์ค-ปู’
“ส่วนการกำกับติดตามเงินกู้และผลสัมฤทธิ์ของโครงการ มาตรการต่างๆเหล่านี้ ผมเชื่อและมั่นใจว่าท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้คิดและวางแผนมาตรการต่างๆในการบริหารจัดการไว้แล้ว มีการรายงานต่อรัฐสภาภายใน 60 วันนับแต่สิ้นปีงบประมาณ ถือว่ามีมาตรฐานตรวจสอบ หรือ มีการประเมิน KPI สูงกว่าเมื่อเทียบกับ พรก.เงินกู้ในอดีตคือ พรก.ไทยเข้มแข็งในปี 52 และพรก.กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารน้ำ ปี 2555”
วิป2ฝ่ายเคาะถกพ.ร.บ.โอนงบ4-5มิย.
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมวิปรัฐบาลถึงข้อกังวลว่าจะไม่สามารถลงมติร่าง พ.ร.ก. 3ฉบับ ได้ทันเวลา 15.00น.วันที่31 พ.ค.ว่า ขณะนี้ยังมีเวลาเหลืออีกมาก โดยรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล จะมีการเตรียมความพร้อม ตั้งแต่เวลา 12.00 น.หากมีการโหวตลงมติก่อนเวลา15.00น.รัฐบาลก็ต้องมีความพร้อม อีกทั้ง ในการประชุมวิปรัฐบาล จะพิจารณาในส่วนของพ.ร.บ.การโอนงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยมีงบประมาณ 88,000 ล้านบาทซึ่งเป็นงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากสภาแล้ว ตามที่ได้หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านคาดว่า จะใช้เวลาอภิปราย 2วัน คือวันที่ 4-5 มิถุนายน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า จะใช้การพิจารณาเป็น3วาระรวด จะใช้กรรมาธิการเต็มสภา จะปล่อยให้มีการพูดได้อย่างเต็มที่
กันท่าตั้งกมธ.ชี้ห้องประชุมไม่พร้อม
ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงที่ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและส.ส.ฝ่ายค้าน เสนอให้ตั้ง กมธ.วิสามัญ เพื่อติดตามตรวจสอบการใช้เงินว่า ในส่วนรัฐบาล คาดว่าถ้ามีเวลาเพียงพอ เเราต้องให้การบ้านรัฐบาล กลับไปทำ ว่าหากมีการตั้ง กมธ.วิสามัญ จะต้องมีการเตรียมการอย่างไร หรือถ้าไม่ตั้ง อาจจะส่งไป กมธ.สามัญ ของสภาผู้แทนราษฎร และต้องยอมรับว่าเราเพิ่งย้ายตึกมาใช้ของสภาผู้แทนราษฎร ก็เห็นความไม่พร้อมในหลายอย่าง ในสัปดาห์หน้าก็จะมีการประชุมแบบเต็มรูปแบบซึ่งห้องต่างๆก็ยังไม่พร้อม อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ ก็ยังเข้ามาดูแลในส่วนนี้ได้ไม่เต็มที่ ยังมีการตั้ง กมธ.วิสามัญคณะอื่นๆอีก เช่นกมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ กมธ.สามัญก็มี 35 คณะ สามารถให้ กมธ.สามัญ เช่นกมธ.การคลัง ที่มีอยู่แล้วรับไปตรวจสอบดูแล ก็ได้ หรือ หากไม่พอ ก็มี กมธ.ติดตามงบประมาณไปช่วยดูอีกก็ได้ น่าจะทำได้ และายังมีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2564ที่จะส่งมาให้สภาฯพิจารณาอีก
‘ฝ่ายค้าน’เชื่อตั้งกมธ.สอบงบเกิดได้
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวถึงการอภิปรายว่าภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการประท้วง ไม่มีการตีรวน รวมถึงการควบคุมเวลาเป็นไปอย่างดีมาก แต่ตนไม่ได้อคติการที่รัฐมนตรีมาตอบก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม โดยการตอบข้อเรียกร้องของฝ่ายค้านยังเย็นชาอยู่และไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจน โดยเฉพาะการตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญติดตามการใช้งบประมาณ แต่กลับกลายเป็นว่าส.ส.ฝั่งรัฐบาลกลับเห็นด้วยที่จะให้ตั้งกมธ.วิสามัญ ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะมีปฏิกิริยาเรื่องนี้อย่างไร แต่โดยรวมถือว่าพอใจ และคิดว่า2วันต่อจากนี้ก็น่าจะดี และยืนยันว่าการโหวตของพรรคฝ่ายค้านจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีแตกแถว
“การตั้งกรรมาธิการวิสามัญ น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเห็นด้วยเกือบทุกพรรค แม้แต่พรรคชาติไทยพัฒนาที่ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี ก็อภิปรายสนับสนุนด้วยเช่นกัน เชื่อว่าแรงกดดันจากส.ส.รัฐบาล และสังคมจะทำให้มีความหวังมากขึ้น แต่คิดว่ารัฐบาลก็ยังเป็นรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังเป็นพล.อ.ประยุทธ์ ที่วันนี้เขายังไม่แคร์เพราะเสียงของรัฐบาลมีมากทำให้สามารถกำกับควบคุมสังคมได้หมด เขาคงไม่อ่อนไหว”นายสุทิน กล่าว
“ก้าวไกล”ชี้จำเป็นตั้งกมธ.สอบใช้งบ
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้งบประมาณในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19โดยระบุเป็นพรรคแรกที่เสนอเรื่องนี้จากนั้นได้เสนอที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้ตรวจสอบใน 2ส่วนคือการใช้งบประมาณและมาตรการในการเเก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ให้ตรวจสอบการใช้งบจากการโอนพ.ร.บ.งบประมาณ และขอให้ตรวจสอบมาตรการอื่นๆของรัฐบาล ที่แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด จึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะให้กมธ.วิสามัญชุดนี้เข้าไปตรวจสอบ เมื่อวานนี้ เป็นสัญญาณที่ดีที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน เเละพรรครัฐบาลคือ ประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการเสนอให้ตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อตรวจสอบ โดยไม่เชื่อมั่นหน่วยงานตรวจสอบตามที่นายกกล่าวอ้าง
วิปนัดโหวต พรก.3ฉบับ บ่าย2โมง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากว่าที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดกู้เงิน 3ฉบับ เกี่ยวกับการแก้ไขและเยียวยาสถานการณ์โควิด-19 เป็นวันที่ 4 มีนายศุภชัย โพธิ์สุ ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ในฐานะประธานการประชุม ซึ่งก่อนเริ่มอภิปรายต่อ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้สรุปความคืบหน้าการอภิปรายว่าฝ่ายรัฐบาล ใช้เวลาไปแล้ว 13 ชั่วโมง 21 นาที เหลือเวลา 10 ชั่วโมง 38 นาที ส่วนฝ่ายค้าน ใช้เวลาไป 14 ชั่วโมง 23 นาที เหลือเวลา 9 ชั่วโมง 36นาที ขอบคุณฝ่ายค้านที่ตลอด 3วัน ไม่มีการประท้วงและการอภิปรายเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด คาดว่าวันพรุ่งนี้(31พ.ค.)เวลา 14.00น. จะสามารถลงมติ พระราชกำหนดทั้ง 3ฉบับได้
ทั้งนี้ นายศุภชัยกล่าวว่า การอภิปราย 2 วันที่ผ่านมา เสร็จสิ้นก่อนเวลา 20.00 น. จะเป็นเรื่องที่ดี หากสามารถอภิปรายจบในวันนี้และโหวตลงมติ วันพรุ่งนี้ ช่วงเช้า เพราะยังมีเรื่องอีกมากมาย ที่รอเข้าสู่สภาผู้แทนฯ หากจบได้ ก็จบ ไม่จำเป็นต้องถึง14.00น.วันพรุ่งนี้ จากนั้นนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่า มีการตกลงกันแล้วว่าจะอภิปรายใช้เวลา5น ขอให้สมาชิกได้ใช้เวลาการอภิปรายได้อย่างเต็มที่และสร้างสรรค์เหมือน 3วันที่ผ่านมา ทำให้นายศุภชัยกล่าวว่าเป็นเพียงข้อเสนอแนะเท่านั้นเคารพในข้อตกลงของวิปทั้ง2ฝ่าย
พปชร.ผนึกหนุนออกพรก.สู้โควิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายซีก สส.รัฐบาล ซีกพรรคพลังประชารัฐ ต่างอภิปรายอภิปรายสนับสนุน พรก.ทั้ง 3 ฉบับ โดย พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่ารัฐบาลต้องใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหา เยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด- 19 และนำมาฟื้นฟูประเทศ ยืนยันว่า การใช้งบฯจะต้องมีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ พร้อม ยังชื่นชมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของนายกฯ และรัฐบาลมีทีมงาน และผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ที่เป็นมืออาชีพ จนเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศว่าประเทศไทยบริหารจัดการการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ อสม.ที่เสี่ยงอันตรายในการรักษาผู้ป่วย รวมถึงตำรวจ ทหาร อปพร.ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ด่านตรวจวัดไข้ คัดกรอง จนทำให้ผู้ติดเชื้อลดลง
ชู’นายกฯ’กล้าหาญต่อพรก.ฉุกเฉิน
พ.ต.ท.ฐนภัทรอภิปรายอีกว่าสถานการณ์เช่นนี้นายกฯมีความกล้าหาญในการต่อพรก.ฉุกเฉินอีก 2 ครั้ง เพราะไม่อยากให้มีความเสี่ยง อาจเกิดการแพร่ระบาดรอบ2ได้ แม้ประกาศ พรก.ฉุกเฉินและการประกาศเคอร์ฟิวจะส่งผลกระทบความเป็นอยู่ประชาชน ทำให้ขาดรายได้ แต่รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยมีมาตรการเยียวยาต่างๆเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่ยังเป็นห่วงกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่ถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ไขปัญหาโดยเร็วเพราะว่างงานมาหลายเดือน ขาดรายได้ ในสภาวการณ์เช่นนี้ ยังได้เห็นคนไทย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการแบ่งปันกัน ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้า ประเทศเกิดความสงบสุข
ค้านตั้งกมธ.วิสามัญ-ใช้กมธ.สภาได้
ขณะที่ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่าพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด19ว่ามีความจำเป็น เนื่องจากการระบาดโรคร้ายแรงทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อทั่วโลก5.9ล้านคน แม้ไทยจะมีผู้ติดเชื้อน้อย แต่ไม่มีหลักประกันว่าสถานการณ์จะต่อเนื่องยาวไปมากน้อยแค่ไหน องค์การอนามัยโลก ประกาศว่าเป็นโรคอุบัติใหม่ที่เกิดการระบาดใหม่ ยังไม่มียาและวัคซีนเพื่อเยียวยารักษา เกิดผลกระทบระบบเศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรง มีผลกระทบต่อทุกอาชีพ
“มีเพียงสมาชิกบางคน ที่มีเห็นว่ากลไกการกลั่นกรองตรวจสอบ พรก.ฉบับนี้ อาจจะผ่อนหรืออ่อนไปบ้าง อยากจะให้มีการตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาเพื่อตรวจสอบแต่ผมเห็นว่าสภาผู้แทนฯมีคณะกรรมาธิการสามัญ35คณะอยู่แล้ว ก็น่าจะทำหน้าที่ในการกลั่นกรองตรวจสอบสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ น่าจะเป็นมาตรการที่เพียงพอ”นายสมศักดิ์ ย้ำ
‘เต้’ชี้‘ลุงตู่’หนี้สาธารณะน้อย‘มาร์ค-ปู’
ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้อภิปรายว่าในการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศโดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ บริหารรัฐบาล 2ปี8 เดือน มีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 809,048 ล้านบาท เฉลี่ยหนี้เพิ่ม 303,393ล้านบาทต่อปี เป็นหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.32 ต่อ GDP , รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศ 2 ปี 10 เดือน หนี้สาธารณะเพิ่ม 1.252 ล้านล้านบาท เฉลี่ยหนี้เพิ่ม 442,101 ล้านบาทต่อปี เป็นหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.42 ต่อ GDP,ส่วนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศ 6ปี หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 1.486ล้านล้านบาท เฉลี่ยหนี้เพิ่ม 247,686 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น เป็นหนี้สาธารณะลดลงร้อยละ0.81%ต่อ GDP เท่านั้น บริหารหนี้ได้น้อยกว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ 1.78 % เท่าและน้อยกว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ 1.22 %เท่า
‘ยุทธพงศ์’คาใจเงินช่วย SME กู้ยาก
ต่อมา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายท้วงติงว่า การใช้งบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 400,000 ล้านบาท ที่เพิ่งมีหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยไปถึงท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้รีบเสนอโครงการที่จะใช้จ่ายเข้ามาโดยหนังสือเพิ่งออกวันที่ 27 พ.ค.ให้ส่งแผนงาน หรือโครงการ ภายในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ เร่งรีบ ขาดความละเอียดรอบคอบและระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน และตั้งคำถามถึงงบประมาณว่าจะเพียงพอต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายหนักทั้งประเทศได้หรือไม่
นายยุทธพงษ์ อภิปรายว่าพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบ วงเงินรวมไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเงื่อนไข SME วงเงินสินเชื่อ ต้องไม่เกิน 500 ล้านบาทว่าโรงแรมที่ลงทุนในปัจจุบันมูลค่าเกิน 500ล้านบาท ทำให้ไม่เข้าเงื่อนไขได้รับการช่วยเหลือ และเงินที่จะช่วยเหลือ SME ก็เป็นการให้กู้เพิ่ม และต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของยอดหนี้เดิม แทนที่จะให้เงินไปเพื่อลดต้นและดอกเบี้ย แต่กลับเอาหนี้ไปให้กู้เพิ่ม จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาล ต้องทบทวน เพราะเงินกู้รอบนี้เป็นเงินกู้รอบสุดท้ายแล้ว ไม่สามารถกู้มากกว่านี้ได้
ซัดเอื้อทุนรายใหญ่-ไม่ช่วยSME
จากนั้น นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึง พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดไวรัสโควิด-19วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาทว่า กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME เป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เป็นแหล่งจ้างงานสำคัญ การช่วยเหลือไม่ได้ไปถึงผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME อย่างแท้จริง หาก SME ล้มไป จะสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยพ แรงงานอย่างน้อย 12 ล้านคนจะต้องตกงาน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าพรก.นี้สามารถเบี่ยงเบนไปเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ได้ ทำให้กลุ่ม SMEได้รับประโยชน์หรือเข้าถึงน้อยมาก อาจจะไปเอื้อต่อผู้ได้รับประโยชน์ตัวจริงคือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นการสมคบระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่หรือไม่ ทำไมไม่เปิดโอกาสให้กลุ่มที่เป็น SME จริงๆ พรก.ฉบับนี้ จึงไม่สามารถช่วยเหลือ SME ได้ มีแต่ซ้ำเติมให้หายไป สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำลาย SME และทำร้ายประชาชนไม่น้อยกว่า 29 ล้านคน จึงขอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องเหล่านี้
“จุติ”ปัดรบ.มุ่งอุ้มกลุ่มทุนรายใหญ่
ขณะที่ นายจุติ ไกลฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ชี้แจงยืนยันว่าคณะรัฐมนตรีอนุมัติมาตรการต่างๆโดยรอบครอบ ไม่ได้ออกกฎหมายเพื่อกลุ่มทุน แต่มีหัวใจเพื่อดูแลคนตัวเล็ก ซึ่งข้อมูลที่อภิปรายเป็นประโยชน์ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลพิจารรารายละเอียดรอบครอบ ขอประชาชนวางใจ ยืนยันว่ารัฐบาลตั้งใจ ลดเหลื่อมล้ำ ให้เงินถึงประชาชนและ SME ระดับล่างมากที่สุด แม้ดูตามหลักเกณฑ์แปลไปได้ว่าเอื้อกลุ่มทุน แต่คณะรัฐมนตรียืนยันว่า เรื่องต้องไม่เกิดขึ้น รัฐบาลไม่ละเลย
ส.ส.ปชป.ล่าชื่อดันตั้งกมธฯสอบเงินกู้
เวลา15.30น.ที่อาคารรัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์, นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ร่วมแถลงขอยื่นเรื่องถึงประธานสภาผู้แทนฯเพื่อขอให้ตั้งญัตติ เรื่องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
โดยนายสาทิตย์ระบุว่า เราเป็นห่วงการใช้จ่ายที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ไม่โปร่งใส มีการรั่วไหล จะยิ่งเป็นการสร้างความเสียหายเสมือนเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนคนไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ และได้แจ้งต่อประธานวิปรัฐบาลไปแล้ว โดยขอเวลาที่จะนำเรื่องนี้หารือกับผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐเพื่อให้คำตอบในวันที่ 31พ.ค.จะมีท่าทีที่ชัดเจนขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อ ส.ส.ผู้ขอเสนอญัตติ มี ส.ส.ประชาธิปัตย์ 6 คน นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายประกอบ รัตนพันธ์ นายเทพไท เสนพงศ์ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และมี ส.ส. สนับสนุนอีก20คนอาทินายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ และ นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์
บิ๊กตู่ฟิตเข้าประชุมทุกวัน
เมื่อเวลา 15.50 น. ที่อาคารรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน ในวันที่ 4 โดยกล่าวถึงบรรยากาศการประชุมตลอดทั้ง 4 วันที่ผ่านมา ว่า ทุกครั้งก็เหมือนกันอย่างนี้ ซึ่งพูดคล้ายๆ ของเดิม มีแต่คนพูด แต่ไม่มีคนฟัง และถามคนตอบคนแต่ไม่มีคนฟัง เก้าอี้เยอะแยะแต่ว่างหมดเลย ดังนั้นให้ช่วยกันฟังอะไรที่มีเหตุมีผลแล้วกัน ซึ่งตนก็เคารพทุกความเห็น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่า รัฐบาลยังไม่รับฟังความคิดเห็นในการเสนอตั้งกรรมาธิการตรวจสอบการใช้งบประมาณของพ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เขาเสนอกันในห้อง แล้วก็ตอบรับกันเองในห้องไม่ใช่เหรอ ผมว่าไม่ใช่มั้ง เพราะกลไกมันอยู่ข้างนอกกันเยอะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี