‘สส.ไพลิน’ชื่นชมนายกฯ-รัฐบาลทำงานเต็มที่ แก้‘โควิด-19’ระบาดสำเร็จ
31 พฤษภาคม 2563 ที่รัฐสภา น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.เขต7 สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาพระราชกฤษฎีกากู้เงินในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโรคโควิด 19 โดยได้กล่าวถึง ประเด็นการเยียวยา ในส่วนของภาคเกษตรกร ซึ่งได้รับคำร้องเรียนและคำชมจากประชาชน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งในพื้นที่เขต 7 จังหวัดสมุทรปราการมีประชาชนประกอบอาชีพทำประมง โดยรัฐบาลชุดนี้ได้ให้ความใส่ใจในการดูแลช่วยเหลือเยียวยา ให้ความสำคัญกับกลุ่มอาชีพชาวประมง ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย และได้รับเสียงคำชื่นชม
“จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ชาวประมงทั่วประเทศ เป็นกลุ่มอาชีพที่อยู่นอกเหนือการเยียวยา มักจะไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา แต่ในครั้งนี้ถือว่าอาชีพประมงได้รับความใส่ใจได้รับการลงทะเบียนเป็นเกษตรกร และได้รับเงินเยียวยา ทั้งนี้ขอฝากถึงคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการดูแลเรื่องประมงขอให้จัดสรรงบประมาณ ในการเพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขันทั้งภาคธุรกิจให้กับกลุ่มอาชีพประมง ทั้งกลุ่มประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ เพื่อให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำงานและการส่งออก โดยดิฉันเชื่อว่าถ้า พ.ร.ก.ฉบับนี้ได้ออกนำมาใช้และทางคณะรัฐมนตรี ให้ความสำคัญและให้การเยียวยาไปแล้วส่วนหนึ่ง และนำเม็ดเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ในส่วนของภาคประชาชน ของการทำงาน โดยเฉพาะในภาคการเกษตรทั้งเกษตรพืชผลและกลุ่มอาชีพชาวประมง” น.ส.ไพลิน กล่าว
น.ส.ไพลิน ยังได้กล่าวถึงประเด็นการช่วยเหลือเยียวยา จำนวน5,000 บาท เป็นเวลา 3เดือนของทางรัฐบาล โดยกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาระยะเวลา 2เดือน ได้รับคำร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ซึ่งต้องฝากเรียนผ่านทางประธานสภาถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในการดูแลการเยียวยา โดยที่ผ่านมาการได้รับการเยียวยานั้นเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกันและใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือที่เรียกว่า AI เข้ามาช่วยในการคัดกรอง ทั้งนี้ ตอนมีความเห็นว่าจะเป็นไปได้ไหมถ้าเราใช้บุคลากรในระดับท้องถิ่นเข้ามาช่วยทำงาน เพราะเรามีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พี่สามารถเข้าไปช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชน ได้อย่างตรงจุด
“เพราะไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขข้อมูลหรือการทบทวนสิทธิ์ในการรับการเยียวยา ประชาชนบางท่านอาจจะไม่มีความรู้และความเข้าใจในขั้นตอนของการลงทะเบียน รวมทั้งยังมีประชาชนบางส่วนที่ไม่สามารถจะเข้าไปลงทะเบียนเพื่อรับการเยียวยาได้ ดังนั้นหากในอนาคตจะมีการเยียวยาเกิดขึ้นอีก ขอเสนอว่าให้ใช้กำลังของบุคลากรท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันซึ่งเป็นบุคลากรที่มีความเข้าใจในพื้นที่และท้องถิ่นนั้นๆอยู่แล้ว ยกตัวอย่างในพื้นที่ของดิฉันคือเขต 7 จังหวัดสมุทรปราการอำเภอพระสมุทรเจดีย์และตำบลบางจากอำเภอพระประแดง ผู้นำท้องถิ่นถือว่ามีความเข้มแข็งมาก พร้อมที่จะช่วยงานของทางรัฐบาลในทุกๆมิติ จึงตั้งเป็นข้อแนะนำว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าเราสามารถนำบุคลากรที่เป็นผู้นำท้องถิ่น เข้ามาช่วยเหลือดูแลจัดการ เพื่อให้ประชาชนได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง” น.ส.ไพลิน กล่าว
น.ส.ไพลิน กล่าวต่อไปถึงประเด็นในเรื่องของสาธารณสุข โดยได้กล่าวว่าขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกๆคนที่ได้ทำงานอย่างเต็มกำลัง ทุ่มเทกำลังเพื่อจะทำให้วิกฤต การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี รวมทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม.ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ออกมาร่วมกันตั้งด่านจุดตรวจคัดกรอง จากวันที่ 26 มีนาคมถึงปัจจุบันได้มีการตั้งด่านจุดคัดกรองมาเป็นเวลา 70 วัน และได้ทำงานอย่างแข็งขัน เพราะการตั้งจุดตรวจคัดกรองถือว่าเป็นการลดการแพร่ระบาดได้อย่างแท้จริง
นางสาวไพลิน ได้กล่าวถึงประเด็นในเรื่องตู้ปันสุขคนไทยไม่ทิ้งกัน โดยกล่าวว่าการมีตู้ปันสุขนี้ทำให้เราเห็นความรักความสามัคคีที่เกิดขึ้น
“ในท้ายนี้ได้ฝากถึงการพิจารณาพระราชกฤษฎีกาการกู้เงินครั้งนี้โดยขอให้คณะรัฐมนตรีจัดสรรงบประมาณ ให้สามารถกระจายได้ทั่วถึงทุกท้องถิ่นท้องที่ และเข้าถึงภาคประชาชนได้มากที่สุด และดิฉันขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐบาล ที่ได้เสียสละทำงาน ต่อสู้จนทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ลดน้อยลง และทำให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้” น.ส.ไพลิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี