“บิ๊กป้อม”ห่วงน้ำท่วม กทม. สั่ง สทนช.ใช้ 8 แผนงานรับมือสถานการณ์น้ำใช้บางระกำ-12ทุ่ง ลุ่มต่ำเจ้าพระยารองรับน้ำหลาก ด้าน “มท.1”รับลูก สั่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เร่งแก้ปัญหา
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่าได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำที่อาจเกิดขึ้น และวางแผนบริหารจัดการน้ำสำหรับแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืนพร้อมให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)บูรณการติดตามความก้าวหน้าการปฏิบัติงานตาม 8 มาตรการรองรับสถานการณ์ฤดูฝนปี2563 ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
สำหรับแผนดังกล่าว ประกอบด้วย 1.การคาดการณ์พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วม 2.การปรับแผนเพาะปลูกพืชในพื้นที่ลุ่มต่ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา 3.จัดทำเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ 4.ตรวจสอบอาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำและสถานีโทรมาตรให้มีสภาพพร้อมงาน 5.ตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำ 6.สำรวจแม่น้ำคูคลองและขุดลอกกำจัดผักตบชวา 7.เตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือให้ความช่วยเหลือ และ 8.สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้
จากการประเมินสถานการณ์ช่วงฤดูฝนปีนี้ หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน จึงเร่งกรมชลประทานจัดทำแผนและมาตรการรับน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำและพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง รองรับน้ำหลากให้แล้วเสร็จเดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับทุ่งรับน้ำใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ ลำน้ำยัง จ.ร้อยเอ็ด และบางพลวง จ.ปราจีนบุรี ให้เตรียมพื้นที่ให้เสร็จปีต่อไป โดย เร่งจัดทำเกณฑ์บริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ และเกณฑ์ระบายน้ำในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้
นอกจากนี้ยังให้กรมชลประทานร่วมกับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จัดทำเกณฑ์ระบายน้ำควบคุมระดับน้ำ สูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 13 แห่ง ให้ชัดเจน และกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังและแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนงานปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ ปี 2563 ให้แล้วเสร็จ ก่อนฤดูน้ำหลาก
พร้อมกันนั้น ให้ทำแผนงานส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จในปี 2565และให้ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่าและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เร่งกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำสายหลักให้เสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้รองรับสถานการณ์ได้ทันเวลา และลดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน
ด้าน นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช.กล่าวว่า รองนายกฯ ห่วงใยปัญหาน้ำท่วมขังในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มักประสบปัญหาระบายน้ำไม่ทัน ดังนั้น จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานภายใต้ กอนช.บูรณาการขับเคลื่อนแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ดังกล่าว โดยผลการปฏิบัติที่ผ่านมามีการขุดลอกคูคลองสองฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต และคลองเชื่อมถนนวิภาวดีรังสิต ลงคลองเปรมประชากร ตั้งแต่เขตดอนเมืองถึงเขตดินแดง เสร็จสิ้นแล้ว ทำให้ระบายน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ส่วนสถานการณ์แล้ง บางพื้นที่ยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ได้เร่งพัฒนาธนาคารน้ำใต้ดินโดย สทนช.และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพหลัก มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำแผนพัฒนาบ่อบาดาล ตามหลักเกณฑ์ให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดพื้นที่เก็บน้ำใต้ดินให้มากขึ้นและเพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นรูปธรรม กอนช.มีมติเห็นชอบกรอบแนวทางแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยมีรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ซึ่ง สทนช.จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ต่อไป
วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้ง29จังหวัดทั่วประเทศว่าคลี่คลายลงแล้ว 15จังหวัด ส่วนที่เหลือกระจายในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันใน กทม.และพื้นที่ 40 จังหวัด อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก จากพายุและลมมรสุมที่ปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยคาดว่าจะเกิดฝนตกต่อเนื่องถึงวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยการแก้ปัญหาภัยแล้ง ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดดำเนินการตามแผนงาน สร้างที่รองรับน้ำ ขนถ่ายน้ำให้ประชาชนในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ
พล.อ.อนุพงศ์ กล่าวต่อว่าสำหรับสถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้มอบหมายกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง และแนวโน้มสถานการณ์ตลอด 24ชั่วโมง รวมทั้งจัดชุดเผชิญสถานการณ์(ERT)พร้อมเผชิญเหตุช่วยเหลือประชาชนได้ทันที โดยเขตเมืองได้ให้ผู้ว่าฯสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมรับมือ ทั้งการลอกท่อระบายน้ำ พร่องน้ำ สามารถระบายน้ำได้ทันที ไม่เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือน และเส้นทางจราจร
นอกจากนี้ ในพื้นที่เขา หากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันต้องแจ้งเตือน ติดตาม และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และให้อพยพคนออกมาทันที ก่อนจะเกิดภัย สำหรับในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเล ต้องประกาศสั่งห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง พร้อมประสานกองทัพเรือ เร่งให้ความช่วยเหลือเรือประมงที่ออกเดินเรือไปแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี