นายกฯแถลงเวทีสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 36ย้ำความสำเร็จไทยคุมโควิด-19 ได้ดี พร้อมมาตรการเข้มต่อเนื่องสกัดแพร่ระบาดระลอก 2เสนอชาติอาเซียนที่พร้อมทำข้อกำหนด สาธารณสุขร่วมกันเพื่อเปิดประเทศ ไทยบริจาค 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ หนุน “กองทุนพัฒนาวัคซีน” ด้าน “ไพบูลย์” ชี้ประชุมใหญ่ “พปชร.”27 มิถุนายน เลือก กก.บห.ชุดใหม่ เผยมีคนเก่า20 กว่าคน มั่นใจ 4 กุมาร ไม่ทิ้งไปตั้งพรรคใหม่เพราะยังยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคเดิม
เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 26 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36
และการประชุมที่เกี่ยวข้องผ่านระบบประชุมทางไกลเป็นครั้งแรก โดยนายกฯกล่าวถ้อยแถลงเสนอแนวทางการขับเคลื่อนอาเซียนในยุคหลังโควิด-19 ตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความชื่นชมและยินดีกับเวียดนามที่การประชุมสุดยอดอาเซียนและอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด-19 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้วยดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างความร่วมมือของอาเซียน ในการรับมือกับโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในช่วงที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี รัฐบาลจึงได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต แต่ยังคงบังคับใช้มาตรการด้านสุขอนามัย การรักษาระยะห่างทางสังคมและการใช้แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ”ป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกสอง ในขณะที่กำลังปรับตัวรับกับวิถีใหม่
อาเซียนต้องไม่ยอมมหาอำนาจ
นายกฯ กล่าวอีกว่า อีกด้านหนึ่งทุกคนกำลังรับมือกับสภาพภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ที่ผันผวนมากขึ้น เราได้เห็นการเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจ การเพิ่มขึ้นของกระแสชาตินิยมและต่อต้านโลกาภิวัตน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่างประเทศและท้าทายระบบพหุภาคีนิยม อาเซียนจึงควรร่วมมือกันต้านกระแสเหล่านี้ เสริมสร้างระบบภูมิภาคนิยมให้เข้มแข็งและส่งเสริมการช่วยเหลือเกื้อกูลระดับโลก ผนึกกำลังในการรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค หลีกเลี่ยงการถูกบังคับให้เลือกข้างและเป็นสะพานเชื่อมโยงมหาอำนาจที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับภูมิภาคใช้มุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้อาเซียนสามารถรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ /ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน
เสนอ3แนวทางฟื้นศก.หลังโควิด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอเสนอ3แนวทางขับเคลื่อน‘อาเซียนในยุคหลังโควิด-19 โดยประการแรก ‘อาเซียนที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น ด้วยการเร่งดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกัน/และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว นอกจากนี้ ควรเริ่มพิจารณาแนวทางร่วมกันในการผ่อนคลายมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง เพื่อช่วยฟื้นฟูธุรกิจและการเดินทาง โดยอาจพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีความพร้อมก่อน สร้างช่องทางพิเศษสำหรับนักธุรกิจและประชาชน บนพื้นฐานของมาตรการด้านสาธารณสุขที่ยอมรับร่วมกัน ประการที่สอง‘อาเซียนที่เข้มแข็งขึ้น’ ด้วยการ‘สร้างความเข้มแข็งจากภายใน’ ผ่านการขับเคลื่อนการบูรณาการทางเศรษฐกิจ เร่งลงนาม RCEP ภายในปีนี้ เพื่อช่วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและ10ปีข้างหน้า เศรษฐกิจดิจิทัลคือกุญแจสำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าจีดีพีของอาเซียนให้สูงขึ้นอีกถึง 1.3ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ อาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตาม“โมเดลเศรษฐกิจ BCG” และประการที่สาม ‘อาเซียนที่มีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น’คือ สร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว ครอบคลุมประเด็นความมั่นคงทางสาธารณสุข โดยเฉพาะหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ส่งเสริมความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทั้งนี้ ไทยจะร่วมบริจาคเงินจำนวน 1แสนดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนกองทุนดังกล่าว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือ
เศรษฐกิจพอเพียงทำให้เข้มแข็ง
“สำหรับไทย เราได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหลักปรัชญาดังกล่าวสามารถเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้อาเซียนกลับมาเข้มแข็งกว่าที่เคยเป็น ขอขอบคุณเพื่อนประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ดูแลช่วยเหลือคนไทยในประเทศของท่าน และอำนวยความสะดวกในการส่งคนไทยกลับบ้าน ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยได้ดูแลให้ความช่วยเหลือพลเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับผลกระทบ อำนวยความสะดวกการเดินทางกลับ รวมจำนวนกว่า 18,000คน นอกจากนี้ต้องเร่งดำเนินการเชิงรุก โดยการร่วมประชุมหารือทางไกล เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรค ความล่าช้า และเตรียมความพร้อมในทุกมิติ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับรอง‘วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง’และขอแสดงความมุ่งมั่นของไทยที่ร่วมกับทุกภาคี เพื่อให้อาเซียนเป็นประชาคมของประชาชน ที่ทุกคนก้าวไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เปิดประเทศต้องคิดให้รอบด้าน
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ถึงข้อเสนอต่อที่ประชุมเรื่องการจัดทำข้อตกลงร่วมกันด้านสาธารณสุข เพื่อเปิดประเทศหลังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ว่า เรื่องนี้ต้องหารือกันก่อน ทั้งสถานการณ์ภายนอกและภายในประเทศ เพราะจะต้องมีความพร้อมทั้งเรื่อง เฉพาะกลุ่ม เฉพาะเที่ยวบินดังนั้นจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งหมดว่าจะไปที่ไหนอย่างไร ทั้งชุมชน จะต้องดูแลด้วย จะต้องคิดเตรียมการไว้รอบด้าน จะทำผลีผลามไปก็จะเกิดอันตรายได้ ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย ยอมรับ ผ่อนคลายมาตรการบางอย่างเตรียมไว้อยู่แล้ว
นายกฯเวียดนาม เตือนศก.ทรุด
ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในฐานะประธานสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน เตือนในการประชุมสุดยอดแบบออนไลน์ ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดผลร้ายแรงทางเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรี เหวียน ซวนฟุก ของเวียดนาม เปิดการประชุมด้วยการย้ำเรื่องผลกระทบร้ายแรงของโรคโควิด-19 ที่มีต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของสมาชิกอาเซียนว่า ได้กวาดเอาความสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหายไปและคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของคนหลายล้านคน พร้อมกับกล่าวโดยไม่ระบุชื่อจีนโดยตรงว่า ปัญหาทางยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศใหญ่ๆชัดเจนขึ้นและรุนแรงขึ้น เพราะในขณะที่ทั่วโลกกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาด กลับมีการแสดงพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบและฝ่าฝืนกฎหมายสากล กระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของบางภูมิภาค รวมถึงอาเซียน
‘ไพบูลย์’แย้ม กก.บห.ใหม่มีเก่า20คน
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการประชุมพรรคพปชร.วันที่ 27มิ ถุนายน ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า เป็นประชุมสามัญใหญ่ประจำปีของพรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ (กก.บห.) เชื่อมั่นว่าการประชุมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามโครงสร้างกก.บห.กำหนดไว้ไม่เกิน 29 คน ยอมรับว่ารายชื่อส่วนใหญ่มาจาก กก.บห.ชุดเดิม
เมื่อถามว่า กก.บห.ชุดใหม่มีรายชื่อรัฐมนตรี4กุมารของพรรคหรือไม่ ทั้ง นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดถึงชื่อตัวบุคคล แต่ยืนยันว่ามีกก.บห.ชุดเก่าประมาณ 20กว่าคน ยืนยันว่า รายชื่อ กก.บห.ชุดใหม่ไม่เกี่ยวกับการปรับครม.ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องภายในพรรคพปชร.ที่จะปรับเปลี่ยนการบริหารงานในพรรค เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของพรรค การเลือก กก.บห.ชุดใหม่ เพื่อบริหารพรรคให้เป็นไปตามนโยบายของ กก.บห.ชุดใหม่ ซึ่งเน้นเรื่องมีเอกภาพและมั่นคงและให้สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ให้ดีขึ้นกว่าเก่า ส่วนเรื่องกาปรับครม. เป็นอำนาจของนายกฯ ทราบว่า อยู่ระหว่างกำลังรอที่จะปรับอยู่แล้ว มั่นใจว่านายกจะพิจารณาแต่งตั้งโดยมุ่งเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและครม.ที่ปรับใหม่คงไม่น่ามีปัญหา
เชื่อ4กุมาร ไม่ทิ้งแยกตั้งพรรคใหม่
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า อดีต กก.บห.ที่ไม่ได้เป็น กก.บห.ชุดใหม่อาจไปตั้งกลุ่มการเมือง หรือตั้งพรรคใหม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนมั่นใจในอุดมการณ์ของอดีตแกนนำของพรรค ซึ่งทุกคนก็ภูมิใจในความเป็นผู้ก่อตั้งพรรค ในประวัติที่บันทึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค ก็เป็นสิ่งที่ท่านภูมิใจทั้งสิ้น เพราะพปชร.ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการสร้างขึ้นมา ดังนั้นจะทำอะไรก็ตาม ท่านก็คงทำให้ดีขึ้น คงไม่ทำอะไรที่เป็นปัญหา เพราะ พปชร.ก็เป็นของท่านด้วยเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี