"พรเพชร" ออกหนังสือแจง เหตุไม่ส่งศาลรธน.ชี้ขาด "สุชาติ" ปมสรรหาป.ป.ช. ชี้กฎหมายไร้ช่องดำเนินการ
วันที่ 2 กรกฏาคม 2563 นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้จัดทำเอกสารชี้แจงกรณีวุฒิสภาให้ความเห็นชอบนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาให้เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยมีเนื้อหาดังนี้
1. ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการสรรหาฯ ได้มีหนังสือของคณะกรรมการ สรรหาฯ ที่ สว(ปปช) เลขที่ 0008/(ส)390 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ถึงประธานวุฒิสภา เรื่อง การยืนยันคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดารงตาแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตอบข้อหารือของประธานวุฒิสภา โดยมีข้อความสาคัญว่า คณะกรรมการสรรหาฯ ยืนยันมติของคณะกรรมการสรรหาในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563 โดยคณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาละมีมติว่า กรณีการเคยดำรงตำแหน่ง ของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข นั้น ไม่ถือว่านายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาแต่ประกำรใด ดังนั้น นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข จึงเป็นผู้ที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามตำมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 11(18) และตามมาตรา 16 ได้บัญญัติให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสรรหาฯ ให้เป็นที่สุด ดังนั้น กระบวนการพิจารณาและสรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของคณะกรรมการสรรหาฯ จึงเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 217 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 12 และมาตรา 13 ทุกประการ
2. ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานกรรมการสรรหาฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 สรุปความตอนหนึ่งได้ว่า กรณีปัญหาการวินิจฉัยคุณสมบัติของอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นกรรมการองค์กรอิสระได้หรือไม่นั้น คณะกรรมการสรรหาในแต่ละชุดต่างทาหน้าที่ของตัวเองด้วยความสุจริต ดังนั้น ประเด็นคือต้องดูว่าคณะกรรมการสรรหาเหล่านั้นทาตามขั้นตอนและตามข้อกฎหมายหรือไม่ ถ้าคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุดได้ทำตามอานาจหน้าที่ของตนด้วยความสุจริตแล้วก็เป็นอันยุติ ส่วนเรื่องการเปิดช่องให้มีการขัดแย้งกัน (ในเรื่องควำมเห็น และการวินิจฉัย) ได้นั้น เป็นปัญหาในเรื่องการออกแบบกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ ถ้ารอบคอบตั้งแต่แรก ต้องปิดช่องไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นได้
3. ประธานวุฒิสภาได้ศึกษากฎหมายที่สาคัญ 3 ฉบับ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 โดยได้ศึกษากฎหมายทั้ง 3 ฉบับอย่างละเอียดและรอบคอบและรับฟังความคิดเห็น จากผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย เพื่อที่จะหาข้อยุติในเรื่องที่ขัดแย้งในคำวินิจฉัยของกรรมการสรรหา แต่ละคณะที่มีความเห็นในบำงประเด็นแตกต่างกัน แต่ไม่พบว่ามีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้อำนาจประธานวุฒิสภาในการส่งเรื่องนี้ไปให้ศำลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอื่นใดเพื่อวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี