ผบ.ทบ.สหรัฐเยือนประเทศไทย
ไม่ต้องกักตัว
‘ศรีสุวรรณ’โวย‘ศบค.’เลือกปฏิบัติ
สมช.โต้เป็นแขกของรัฐบาล
แต่คุมเข้มตามมาตรการสธ.
ป้อมย้ำหยุดยาวห้ามการ์ดตก
พบติดโควิดอีก5รายจากตปท.
“เลขาฯสมช.” ระบุ “ผบ.ทบ.สหรัฐ”พร้อมคณะเยือนไทยไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขไทยอย่างเคร่งครัด เผยตรวจโควิดตั้งแต่ออกมาจากสหรัฐและจะตรวจอีกครั้งเมื่อมาถึงประเทศไทย พร้อมเจ้าหน้าที่ติดตามใกล้ชิด เดินทางตามเส้นทางที่กำหนด “บิ๊กแดง” ยัน ทำตามมาตรการทุกข้อ ไม่มียกเว้น ด้วยความเต็มใจ “ศรีสุวรรณ”โวย ศบค.อย่าเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน ต้องกักตัว 14 วัน ศบค.เผยไทยพบติดเชื้อเพิ่มอีก 5 คนกลับมาจากต่างประเทศ ส่วนในประเทศไม่มีการติดเชื้อต่อเนื่อง 40 วัน
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) กล่าวถึงกรณี พล.อ.เจมส์ แมคคอลวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ และคณะ ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคม ในฐานะแขกของกองทัพบก ว่า ขอประชาชนคลายความกังวล ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ และคณะ ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษหรือ Special Arrangement ในฐานะแขกทางการ ที่เข้าเงื่อนไขไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. อย่างเคร่งครัด ซึ่งทุกคนยินดีและพร้อมปฎิบัติตาม
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้คณะของผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ จะเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวมาจากประเทศสิงคโปร์ ไม่ได้เดินทางตรงมาจากสหรัฐ เป็นคณะเล็กที่มีผู้ร่วมเดินทางไม่เกิน 10 คน ใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยเพียง 2 วัน คือ เดินทางมาถึงวันที่ 9 และกลับในวันที่ 10 กรกฎาคม โดยจะตรวจเชื้อจากประเทศต้นทางและตรวจซ้ำเมื่อเดินทางถึงไทย มีเจ้าหน้าที่ของไทยติดตามใกล้ชิดและเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดไว้เท่านั้น
“บิ๊กแดง”ยันทำตามมาตรการทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีข่าวระบุว่า General James McConville , U.S. Army Chief of ผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกา จะมาเยือนไทย ระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคมนี้ ไม่มีการตรวจไวรัสโควิด-19 และไม่กักตัวตามมาตราการของทาง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้ทาง ศบค. ตีกลับแผนการเดินทางนั้น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ปฏิเสธข่าวนี้ อย่างสิ้นเชิง พร้อมทั้งแจ้งว่า ผบ.ทบ.สหรัฐฯ ได้ทำตามมาตรการ และปฎิบัติตามระเบียบ ของทางการประเทศไทย ทุกมาตรการทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้ ด้วยความยินดีและเต็มใจ
ศบค.อนุมัติทุกขั้นตอนแล้ว
ทั้งนี้ ได้มีการทำตามมาตรการของทาง ศบค. ในทุกขั้นตอน คือ 1.การมีใบรับรองแพทย์ Fit to fly 2.มีใบรับรองแพทย์ว่า ปลอดโควิด ภายใน 72 ชม. ก่อนการเดินทาง 3.มีกำหนดการเดินทางชัดเจน 4.มีคณะเดินทาง 6 คน 5.มีการตรวจโควิด ที่สนามบินสุวรรณภูมิ 6. มีชุดติดตาม ด้านการแพทย์และสาธารณสุข และ 7.งดไปสถานที่สาธารณะ โดยจะเดินทางไปเฉพาะสถานที่ในกำหนดการเท่านั้น
ทั้งนี้ ขั้นตอน การกำหนดการเดินทางทั้งหมดเสร็จสิ้นไปแล้ว ซึ่งก็ผ่านการอนุมัติจาก ศบค.เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว จึงได้กำหนดวันเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ ศบค ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ นักธุรกิจต่างชาติ และ แขกต่างประเทศของ หน่วยราชการ ที่มาไม่เกิน 14 วัน ไม่ต้องกักตัว แต่ให้ อยู่ในพื้นที่ ที่กำหนดตามกำหนดการ และปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด
“ศรีสุวรรณ”โวย อย่าเลือกปฏิบัติ
วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่าตามที่ General James McConville, U.S. Army Chief of Staff หรือ ผบ.ทบ.สหรัฐอเมริกา มีแผนที่จะเดินทางมาเยือน ผบ.ทบ.ไทยอีกครั้งในระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคมนี้ เพื่อหารือความร่วมมือทางทหารนั้น แต่เนื่องจากรัฐบาลไทยยังคงที่จะคงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องถูกกักตัว 14 วันอย่างไม่เลือกปฏิบัติ จนสามารถควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิผล แต่การที่ ศบค. ได้มีคำสั่งอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติ และแขกต่างประเทศของหน่วยราชการที่มาไม่เกิน 14 วัน ไม่ต้องกักตัว แต่ให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนดตามกำหนดการ และปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดนั้น เป็นการเลี่ยงบาลี เลือกปฏิบัติ และเอื้อประโยชน์ให้กับ ผบ.ทบ.ของสหรัฐอเมริกาเป็นการเฉพาะหรือไม่
ถามแรง อยู่ใต้อิทธิพลใดหรือไม่
“ขอถาม ศบค.ดังๆ ว่านักธุรกิจต่างชาติ และแขกต่างประเทศของหน่วยราชการเหล่านี้ เป็นอภิสิทธิ์ชนที่เชื้อโควิด-19 ไม่กล้าแตะต้องหรือแฝงเชื้ออยู่ในตัวได้กระนั้นหรือ ซึ่งข่าวที่เผยแพร่ออกมาว่า ผบ.ทบ.สหรัฐฯ ยินยอมที่จะทำตามมาตรการ และปฎิบัติตามระเบียบของทางการไทยทุกมาตรการทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้ด้วยความเต็มใจ ตามที่โฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวแล้วไซร้ เหตุใด ศบค.จึงต้องออกมาตรการเพื่อเอื้อประโยชน์ดังกล่าว ทั้งๆ ที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของประเทศใด หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของนักธุรกิจใด หรือว่าไม่ใช่” นายศรีสุวรรณ ระบุ
ซัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นแค่ข้ออ้าง
นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวว่า หากเรื่องดังกล่าวถูกปล่อยผ่านเลยไป จะเป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาล และ ศบค.จงใจที่จะใช้อำนาจภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า เหตุใดจึงมีประชาชนและกลุ่มการเมืองจำนวนหนึ่ง จึงออกมาคลื่อนไหวให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะชี้ให้เห็นว่าแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยจะทุเลาไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศแล้ว แต่ ศบค.ยังยกแม่น้ำทั้ง 5 มากล่าวอ้างความจำเป็นที่ยังต้องคง พ.ร.ก.อยู่นั้น เนื่องจากอาจมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่มากมาย โดยเฉพาะการใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการฝ่ายตรงข้าม
“การที่ ศบค.มีคำสั่งอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติ และแขกต่างประเทศของหน่วยราชการที่มาไม่เกิน 14 วัน ไม่ต้องกักตัว จึงเป็นคำตอบที่ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งได้ตาสว่างมากขึ้น ยกเว้นรัฐบาลจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนที่ ผบ.ทบ.สหรัฐจะมาไทยเท่านั้น” นายศรีสุวรรณ ระบุ
“บิ๊กป้อม”ย้ำดูแลความมั่นคง
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับฝ่ายความมั่นคง ทั้งฝ่ายปกครอง ทหารและตำรวจ ร่วมกันดูแลความมั่นคงปลอดภัยของสังคม ควบคู่ไปกับการกำกับควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามมาตรการทางสาธารณสุขที่กำหนด ตลอดช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องเดือนกรกฎาคม ที่มีขึ้น โดยย้ำให้คงเข้มงานข่าวกับกลุ่มเสี่ยง เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด อาวุธสงครามและกลุ่มแนวคิดใช้ความรุนแรงที่แฝงตัวในพื้นที่ โดยให้เฝ้าระวังและดำรงความพร้อมของแผนและการปฏิบัติร่วมกันในระดับพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะระดับจังหวัดและอำเภอ เพื่อให้พร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจมีขึ้นในพื้นที่อย่างทันท่วงที
ดูแลความปลอดภัยด้านการเดินทาง
“พล.อ.ประวิตร ขอให้ฝ่ายความมั่นคง ประสานกับกระทรวงคมนาคมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันอำนวยความสะดวกการจราจรและดูแลความปลอดภัยการเดินทางของประชาชนจำนวนมากในช่วงวันหยุดยาวให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่กำหนด โดยให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลจราจร เพื่อลดความคับคั่งของการจราจรในเส้นทางต่างๆ การบังคับใช้กฎหมายเข้มกับกลุ่มเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เช่น ขับรถเร็ว เมาขับ และการฝ่าฝืนข้อบังคับจราจร ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ปลูกฝังวินัยจราจร ทั้งนี้ได้กำชับให้เพิ่มการเฝ้าระวัง รวมทั้งมีมาตรการป้องกันและแก้ปัญหากับพื้นที่ล่อแหลมหรือจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจากข้อมูลสถิติที่มีต่อเนื่องกันมา โดยขอให้ฝ่ายปกครองระดับท้องถิ่นมีส่วนร่วมทำงานกับจิตอาสาในพื้นที่ใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อร่วมกันลดการสูญเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้นในภาพรวม” พล.ท.คงชีพ กล่าว
ไทยพบป่วยเพิ่ม5รายกลับจาก ตปท.
ทางด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 5 รายในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,185 ราย หายป่วยสะสม 3,066 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย และไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 40 วัน
สำหรับผู้ป่วยรายที่ 1 นั้นเป็นชายไทยอายุ 24 ปี เดินทางมาจากประเทศคูเวตอาชีพพนักงานนวด ถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่กทม.ต่อมามีไข้สูง 38 องศา ระคายเคืองคอ และได้กลิ่นลดลง ผลตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 2 กรกฎาคม
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยรายที่ 2 นั้น เป็นหญิงไทยอายุ 41 ปี อาชีพครู เดินทางมาจากประเทศสหราชอาณาจักรถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อโควิดในวันที่ 1 กรกฎาคม แต่ไม่แสดงอาการ ส่วนผู้ป่วยรายที่ 3-5 นั้น เดินทางมาจากประเทศซูดาน เป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 23 ปีและ 25 ปี ถึงไทยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน เข้าพักสถานที่กับตัวของรัฐที่จ.ชลบุรี ผลตรวทพบเชื้อโควิดในวันที่ 2 กรกฎาคม แต่ไม่แสดงอาการ
สำหรับคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศ เดินทางถึงประเทศไทยในวันเดียวกันนี้ 4 เที่ยวบิน จำนวน 443 ราย ในวันที่ 5 กรกฎาคม มี 4 เที่ยวบิน จำนวน 283 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี