"จาตุรนต์"ซัด"บิ๊กตู่-รบ."พาปท.เข้าวิกฤตเศรษฐกิจยิ่งกว่าต้มยำกุ้ง ถาม"ก.ค.-ส.ค."หาเงินเยียวยาจากไหน จวกใช้"พรก.ฉุกเฉิน"กดหัวปชช.-นศ. ข่มขู่ฝ่ายค้าน ชี้ระบบการเมืองตัวถ่วง-แย่งอำนาจกันเอง
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงยิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าจะนำพาประเทศก้าวพ้นจากวิกฤตนี้ไปได้ เงื่อนไขที่ทำให้สังคมไทยจะต้องจมปลักในวิกฤตนี้ไปอีกยาวนานก็คือ ระบบการเมืองที่ไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหา และเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวเปลี่ยนแปลง ซึ่งครั้งนี้ร้ายแรงกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อ 20 กว่าปีก่อน คือทำให้ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนชั้นกลางและระดับระดับรากหญ้า เดือดร้อนมากกว่าและนานกว่า ประะเทศไทยเจอกับวิกฤตต้มยำกุ้งในขณะที่กำลังมีการปฏิรูปการเมืองที่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมและสามารถเปลี่ยนแปลงและเลือกรัฐบาลได้ เมื่อเห็นว่ารัฐบาลในขณะนั้นล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถึงเวลาเลือกตั้ง ประชาชนก็เปลี่ยนไปเลือกพรรคการเมืองอื่นที่เห็นว่ามีผู้นำและนโยบายที่ดีกว่า แต่ในขณะนี้ถึงแม้ประชาชนจะเห็นว่าผู้นำไม่มีวิสัยทัศน์และไร้ความสามารถ แต่ระบบการเมืองก็ทำให้การเปลี่ยนแปลงผู้นำและรัฐบาลเป็นไปได้ยากมาก
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ในการพิจารณาอนุมัติพระราชกำหนดให้อำนาจรัฐบาลในการกู้เงินและล่าสุดในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงให้เห็นว่าการพูดถึงการรวมพลังสร้างชาติที่พูดไว้ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เล่นงานนักศึกษา ประชาชน และเห็น ส.ส.ฝ่ายค้าน เป็นศัตรูถึงขั้นข่มขู่กลางสภา ในการชี้แจงต่อสภา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าเครื่องมือทางการเงินคลังเหล่านี้จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร การกำหนดวงเงินงบประมาณและขนาดของการขาดดุลเกิดขึ้นก่อนสถานการณ์โควิด ต่อมามีนำกลับไปแก้ไขก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ รายได้ของรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะน้อยกว่าประมาณการอย่างมาก ทำให้จะเกิดการขาดดุลมากกว่าที่ประมาณการไว้มากและจะกระทบต่อฐานะทางการคลังของประเทศ ในขณะที่มีการประเมินว่าธุรกิจต่างๆ จะล้ม และจะเกิดการตกงานว่างงานนับสิบล้านคน แต่เงินที่ใช้ในการเยียวยาก็กำลังจะหมดและในงบประมาณปี 64 ก็ไม่ได้เตรียมการไว้ จึงมีปัญหาว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - สิงหาคมนี้ จะเอาเงินจากไหนมาใช้เยียวยากันอีก
นอกจากนั้น วงเงิน 9 แสนล้านบาท สำหรับนโยบายและมาตรการทางการเงินก็น้อยมากไม่เพียงพอที่จะไปพยุงให้ธุรกิจต่างๆ ดำเนินต่อไปได้ เมื่องบประมาณปี 64 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญเหมือนกับไม่รับรู้เลยว่าประเทศกำลังอยู่ภายใต้วิกฤตและโดยประเพณีปฏิบัติ รัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะไม่ยอมให้มีการแก้ไขในสาระสำคัญในชั้นกรรมาธิการ การเปลี่ยนแปลงก็คงไม่เกิดขึ้น
"ขณะนี้มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพราะเห็นว่าที่ผ่านมาล้มเหลว แต่จากการแย่งอำนาจกันในพรรคพลังประชารัฐว่าทำให้เป็นที่วิตกกังวลกันทั่วไปว่าการปรับ ครม.ที่ตามมาจะยิ่งทำให้การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจเลวร้ายลงไปอีก มีเสียงเรียกร้องให้ยุบสภา แต่ฝ่ายรัฐบาลก็บอกเองว่าการยุบสภาจะไม่ช่วยแก้ปัญหา ซึ่งก็มีส่วนจริงเนื่องจากภายใต้ระบบการเมืองภายใต้กติกาแบบปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ กับพวกก็ยังอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งหมด เนื่องจากมี ส.ว.250 เสียง อยู่ในมือ ประกอบกับนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่งแย่งอำนาจไปได้ย่อมต้องการที่จะเข้าไปคุมกระทรวงสำคัญๆ แทนฝ่ายที่พ่ายแพ้ไป จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะยุบสภา ระบบการเมืองแบบนี้จึงกำลังเป็นอุปสรรคต่อการที่ประเทศจะปรับตัวเพื่อการก้าวพ้นจากวิกฤต และจะทำให้เกิดความเสียหายประชาชนจะต้องเดือดร้อนอย่างสาหัสกันไปอีกนาน" นายจาตุรนต์ กล่าว
อดีตรองนายกฯ กล่าวอีกว่า นักธุรกิจและผู้ที่ทำมาค้าขายทั้งหลายมักจะมีความรู้สึกว่าการเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนกฎกติกาหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ จะนำมาซึ่งความวุ่นวายและความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่วิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้มีลักษณะพิเศษคือกำลังทำให้นักธุรกิจใหญ่น้อย และคนทำมาค้าขายทั้งหลายเดือดร้อนอย่างหนักถึงขั้นล้มระเนระนาดไปพร้อมกับประชาชนส่วนใหญ่ และหากเศรษฐกิจมีความเสียหายมากกว่านี้ ผู้ที่เดือดร้อนทั้งหลายอาจจะมองเห็นว่าหากต้องการพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ได้ อาจต้องแก้ปัญหาทางการเมืองเสียก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี