วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
แฉยับ‘18 คลินิกอบอุ่น’งุบงิบปั้นตัวเลข เบิกงบเกินจริง ‘สปสช.’กางไทม์ไลน์ ฟันผิด

แฉยับ‘18 คลินิกอบอุ่น’งุบงิบปั้นตัวเลข เบิกงบเกินจริง ‘สปสช.’กางไทม์ไลน์ ฟันผิด

วันพฤหัสบดี ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 17.21 น.
Tag : คลินิกอบอุ่น ทุจริต เบิกงบ ปั้นตัวเลข สปสช. 30บาทรักษาทุกโรค
  •  

“เพื่อไทย” แฉพิรุธ “คลินิกอบอุ่น” 18 แห่งพื้นที่กทม. แต่งบัญชี เบิกงบเกินจริงจาก สปสช. วอน “อนุทิน” สอบย้อนหลัง เชื่อทำเป็นขบวนการ ทำรัฐสูญเงินนับพันล้านบาท ขณะที่ “สปสช.” รุกฟัน “แจ้งความ-เพิกถอน-ริบเงินคืน” พร้อมตั้งกรรมการสางปัญหาทุจริตเบิกจ่าย

9 กรกฎาคม 2563 ที่รัฐสภา นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ได้รับข้อมูลการทุจริตในหน่วยงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เรื่อง คลินิกอบอุ่นที่ให้บริการประชาชน บัตร30 บาทรักษาทุกโรค โดยได้เข้าไปดูเฉพาะการดำเนินงานในปี 2561 เฉพาะพื้นที่กทม. ตามที่สปสช.ได้เข้าไปเป็นคู่สัญญา ตรวจพบความผิดปกติถึง 18 แห่ง และได้เรียกเงินคืนไปแล้วกว่า 72 ล้านบาท


จากการตรวจสอบพบว่า การกระทำลักษณะนี้ได้กระทำเป็นขบวนการดำเนินการเบิกจ่ายในหมวด บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่จะมีหน่วยแพทย์ไปตั้งตามจุดต่างๆ เพื่อให้บริการประชาชนในการตรวจโรคต่างๆ ซึ่งทราบต่อมาว่า มีการสวมชื่อประชาชนบางคน ที่ไม่เคยไปตรวจจริง แต่กลับมีการแอบอ้างชื่อ แล้วนำไปสู่ขั้นตอนเบิกจ่าย

“ขณะผมอภิปรายในสภาฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ดสปสช. ได้ยอมรับในสภาฯว่า มีการทุจริตในสปสช.จริง ซึ่งท่านควรเข้าไปตรวจสอบย้อนหลัง เพราะได้รับข้อมูลมาว่า มีขบวนการที่กระทำในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2555-2563 ถ้าตรวจสอบกันจริงๆ อาจพบตัวเลขที่ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณ แล้วมีการนำมาเบิกจ่ายงบประมาณไม่ต่ำกว่า พันล้านบาทแน่นอน ที่รู้ว่ามีการทำเป็นขบวนการ ทำได้ คงจะได้รับความร่วมมือจาก 1.คลินิก 2.แล็บตรวจ 3.คนในสปสช. หากจะมีการตรวจสอบ ควรจะให้ผอ.สปสช.เขต13 ที่รับผิดชอบคลินิกในพื้นที่กทม. ไปปฏิบัติราชการส่วนอื่นก่อน แล้วค่อยสอบสวน ไม่อย่างนั้น เกรงว่า ข้อมูลต่างๆอาจจะอยู่ไม่ครบ” นายประเดิมชัย กล่าว

นายประเดิมชัย กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ซึ่งท่านก็ให้ความสนใจ และคงจะนำเข้าสู่การพิจารณาในกรรมาธิการฯ ที่จะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจ้ง ขอย้ำว่าจะ ไม่ตรวจสอบเพียงแค่คลินิกในกทม.เท่านั้น แต่จะตรวจสอบไปถึงคลินิกต่างๆที่อยู่พื้นที่ปริมณฑลด้วยอีกด้วย

“ยังพบข้อมูลผู้บริหารระดับสูงในสปสช.บางคน ไปดำเนินการเปิดคลินิก ที่อาจมีประเด็นขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากกฎหมายได้ระบุไว้ชัด หากจะไปเป็นคู่สัญญากับภาครัฐ ต้องพ้นจากตำแหน่งเป็นเวลา2ปี แต่ผู้บริหารรายนั้นออกไปแล้วไปตั้งคลินิก ซึ่งยังไม่ครบ2ปี ขอให้รมว.สาธารณสุข เข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจัง ในการตรวจสอบควรแต่งตั้งบุคคลจากภายนอก ที่ไม่เกี่ยวข้องกับมาเป็นกรรมการสอบด้วย” นายประเดิมชัย กล่าว

วันเดียวกัน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยในการแถลงข่าวเรื่อง บอร์ด สปสช. ตั้งคณะกรรมการสางปัญหา “18 คลินิก ทุจริตเบิกเงินคัดกรองโรคกองทุนบัตรทอง” เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2563 ตอนหนึ่งว่า กรณีการตรวจพบการทุจริตของคลินิกทั้ง 18 แห่งนั้น เกิดขึ้นจากระบบตรวจสอบการเบิกจ่าย หรือ audit ของ สปสช. ที่ให้ความสำคัญในการสร้างความมั่นใจกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งในด้านระบบบริการและระบบบริหารจัดการ

สำหรับกรณีดังกล่าว สปสช.ได้มีการตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่วันที่ 14-15 ส.ค. 2562 และได้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางการทันที โดยวันที่ 26 ก.ย. 2562 คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีมติระงับการจ่ายเงินและขยายผลการตรวจสอบเพิ่มเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจากการตรวจเอกสารกว่า 2 แสนฉบับ พบว่ามีการเบิกจ่ายไม่น่าเชื่อถือรวมกว่า 74.39 ล้านบาท ในช่วงวันที่ 29-30 ต.ค. 2562

ขณะเดียวกันเรื่องได้ผ่านการพิจารณามาเป็นลำดับชั้น จนในที่สุดวันที่ 1 เม.ย. 2563 คณะอนุกรรมการพิจารณาหักค่าใช้จ่าย ได้มีมติ 6 ข้อ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการทั้งในส่วนของการเรียกเงินคืน แจ้งความดำเนินคดี รวมถึงยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการทั้งหมด

“กระบวนการอย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นตั้งแต่หลังตรวจเจอ และมีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ โดยคณะกรรมการหลายคณะที่มีองค์ประกอบหลากหลายภาคส่วนในการดูแล จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการประวิงเวลาใดๆ ซึ่งการดำเนินงานจะต้องให้ความรอบคอบ โดยเฉพาะการดำเนินคดีทางกฎหมาย และในวันนี้ก็ได้ดำเนินการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า พร้อมกันนี้ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น โดยมีอัยการเป็นประธาน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายเป็นกรรมการ เพื่อให้ตรวจสอบปัญหาในกระบวนการที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อยกเลิกการเป็นหน่วยบริการแล้ว สปสช.ยังได้มีการเตรียมรองรับประชาชนที่ใช้บริการอยู่เดิมไปยังหน่วยบริการอื่น โดยไม่ให้มีความเดือดร้อนอีกด้วย

นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาในการจัดสรรงบประมาณของ สปสช. มีกระบวนการกำกับดูแล โดยหน่วยบริการจะต้องเก็บเอกสารหลักฐานไว้เพื่อตรวจสอบทั้งในด้านคุณภาพและการเบิกจ่ายชดเชย ขณะเดียวกันก็มีการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความสะดวกในการเบิกจ่ายเงินชดเชย

ทั้งนี้ สปสช. ได้มีกระบวนการตรวจสอบถึง 3 ขั้นตอน โดยขั้นแรกคือการใช้โปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวจความถูกต้องของข้อมูล หากประมวลผลแล้วตรงกับเงื่อนไข ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากถูกต้องก็จะมีการจ่าย แต่หากพบว่าไม่สมเหตุสมผลก็จะไม่จ่าย หลังจากนั้นก่อนที่จะโอนเงิน ก็จะมีขั้นตอนการตรวจสอบก่อนโอนอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าการจ่ายนั้นถูกต้อง

“งบกองทุนหลักประกันสุขภาพนั้นมาจากภาษีประชาชน เราตระหนักดีถึงความสำคัญในการควบคุมการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกรณีการทุจริตที่เกิดขี้นนั้น มีเจตนาทำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อหวังการจ่ายเงินชดเชย จึงตรวจสอบโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ แต่ สปสช. ยังมีระบบ audit หรือระบบการตรวจสอบบัญชีในการเรียกตรวจสอบเอกสารเป็นประจำทุกปี” นพ.การุณย์ กล่าว

นพ.การุณย์ กล่าวว่า ระบบ audit การจ่ายเงินจะมีใน 2 รูปแบบ คือ การสุ่มตรวจประมาณปีละ 3-5% กับอีกรูปแบบคือการเลือกตรวจหน่วยบริการที่เข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งจากการ audit ทำให้พบกับคลินิกทั้ง 18 แห่ง ที่มีการทำข้อมูลน่าสงสัยว่าจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง และมีการตกแต่งข้อมูลเพื่อส่งเบิก จึงได้มีการขยายผลตรวจสอบเอกสารราว 2 แสนฉบับ จนพบว่ามีความผิดปกติจริง

นพ.การุณย์ กล่าวอีกว่า ในการ audit ทุกปี จะมีการพบข้อมูลความผิดพลาด 2 ลักษณะ คืออาจเกิดจากความประมาทเลินเล่อ โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะต้องมีการเรียกมาทำความเข้าใจก่อนเรียกเงินคืน กับอีกกรณีคือมีเจตนาทุจริต หรือกระทำผิดซ้ำ ซึ่งในกรณีนี้นับเป็นข้อหาร้ายแรง ดังนั้นทาง สปสช.จะต้องมั่นใจว่าเกิดจากการทุจริตจริง โดยมีกระบวนการจัดการเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การเรียกเงินคืนทั้งหมด ดำเนินแจ้งความทางอาญา เพิกถอนหน่วยบริการ ยกเลิกสัญญา รวมถึงส่งเรื่องให้กับสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อดำเนินการทางจรรยาบรรณในวิชาชีพต่อไป

“สิ่งสำคัญคือต้องแยกว่ามีเจตนาหรือไม่ ฉะนั้นจึงจะเห็นได้ว่าในระบบมีการตรวจสอบทั้งก่อนจ่าย และหลังจ่ายก็ยังมีการตามไปตรวจ ซึ่งที่ผ่านมาในกรณีงบส่งเสริมป้องกันโรคนั้นมีการให้บริการเป็นจำนวนมาก จึงอาจเป็นช่องทางการทุจริตได้ ดังนั้นในอนาคตจะมีการวางแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยนอกจากการ audit แล้ว ยังจะต้องมีการพิสูจน์ยืนยันตัวตนก่อนเข้ารับบริการ หรือการใช้ Digital ID ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำร่องแล้วร่วมกับธนาคารกรุงไทย และโรงพยาบาลศิริราช หากประสบผลสำเร็จก็จะนำมาขยายผลสู่ทั้งประเทศ เพื่อให้การบริหารงบกองทุนนั้นมีประสิทธิภาพ ไม่รั่วไหล” นพ.การุณย์ กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'ชัยชนะ\'ย้ำจุดยืน\'ปชป.\'ต้านนิรโทษฯ ม.112–คดีทุจริตเลือกตั้ง 'ชัยชนะ'ย้ำจุดยืน'ปชป.'ต้านนิรโทษฯ ม.112–คดีทุจริตเลือกตั้ง
  • \'ไผ่\'ลั่นจุดยืน\'กล้าธรรม\' ไม่นิรโทษฯคดี\'ม.112-ทุจริต-โกงเลือกตั้ง\' 'ไผ่'ลั่นจุดยืน'กล้าธรรม' ไม่นิรโทษฯคดี'ม.112-ทุจริต-โกงเลือกตั้ง'
  • 3 ปี 2,300 ล้าน!! \'เพจดัง\'ชวนตรวจสอบงบกล้องวงจรปิดกทม. ด้าน\'ไอซ์ รักชนก\'โผล่เมนต์แซ่บ 3 ปี 2,300 ล้าน!! 'เพจดัง'ชวนตรวจสอบงบกล้องวงจรปิดกทม. ด้าน'ไอซ์ รักชนก'โผล่เมนต์แซ่บ
  • ‘รทสช.’ย้ำ 3 เงื่อนไขไม่‘นิรโทษกรรม’ผู้กระทำความผิด‘ม.112-ทุจริต-คดีอาญาร้ายแรง’ ‘รทสช.’ย้ำ 3 เงื่อนไขไม่‘นิรโทษกรรม’ผู้กระทำความผิด‘ม.112-ทุจริต-คดีอาญาร้ายแรง’
  • \'หมอเหรียญทอง\'ซัด\'สำนักงานประกันสังคม-สปสช.\'เบี้ยวหนี้ ทำ รพ. ขาดสภาพคล่อง 'หมอเหรียญทอง'ซัด'สำนักงานประกันสังคม-สปสช.'เบี้ยวหนี้ ทำ รพ. ขาดสภาพคล่อง
  • DSIลุยฮั้วสว. ใช้AIเปิดโปง หลักฐานมัด ทุจริต681ราย DSIลุยฮั้วสว. ใช้AIเปิดโปง หลักฐานมัด ทุจริต681ราย
  •  

Breaking News

ไม่เป็นความจริง! กกต.โต้ข่าวลือ ส่งผลสอบคดีฮั้ว สว. เข้ากกต.ชุดใหญ่ 14 ก.ค.นี้

'นิ้ง โศภิดา'เคลื่อนไหวแล้ว! ร่ายยาวแจงดราม่า'เลือกช่วยสามีก่อนลูก' ลั่นอย่าตัดสินแค่คำพูดสั้นๆ

‘เสธ.โหน่ง’ชี้ไทยต้องทบทวนสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน 4 เงื่อนไข'ทรัมป์'บทเรียนที่ต้องรับมือ

รักแท้ไม่มีข้อจำกัด! หนุ่มชลบุรีพบรักสาวตัวเล็ก110ซม. พิสูจน์รักแท้4ปีสู่ชีวิตคู่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved