เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 กรกฏาคม 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ พร้อมด้วยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะได้เดินทางมาปฏิบัติราชการติดตามสถานการณ์น้ำ และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งตามโครงการเติมน้ำใต้ดินเพื่อเร่งช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ อ.บางระกำ และ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตามนโยบายของรัฐบาล
โดยจุดแรก ได้เดินทางมาตรวจสอบโครงการเติมน้ำใต้ดิน แบบบ่อวงคอนกรีต ที่บริเวณที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุลา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก หลังจากได้มีการเร่งพัฒนางานเติมน้ำใต้ดิน โดยมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพหลัก พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำ แผนการพัฒนาบ่อน้ำบาดาล และการเติมน้ำใต้ดินตามหลักเกณฑ์ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยเฉพาะท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดพื้นที่ดำเนินการเก็บน้ำใต้ดินให้มากขึ้น
โดยที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุลา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ได้สาธิตดำเนินการขุดบ่อเติมน้ำใต้ดิน ถึงระดับชั้นทราย ลึก 8 เมตร จำนวน 3 บ่อ ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ทั้งในจังหวัดพิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย กำแพงเพชร เกษตรกรที่อยู่นอกระบบชลประทานจะใช้บ่อบาดาลน้ำตื้น ที่มีระดับความลึก 8-10 เมตร เป็นแหล่งน้ำสำคัญในการสูบน้ำขึ้นมาทำการเกษตร ระดับน้ำใต้ดินระดับนี้อยู่ในชั้นทราย จะมีน้ำเติมลงสู่ชั้นใต้ดินตลอดทุกปี แต่ที่ผ่านมามักจะประสบปัญหา ระดับน้ำใต้ดินมีไม่เพียงพอ และระดับต่ำลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งบ่อบาดาลประสบปัญหาน้ำตื้น เกษตรกรแทบใช้ไม่ได้ ต้องลงไปขุดบ่อและติดตั้งปั้มน้ำที่ก้นบ่อ บางครั้งก็จะพบว่ามีผู้ลงไปติดตั้งปั้มน้ำขาดอากาศหายใจเสียชีวิตก็มี
ดังนั้น รัฐบาล จึงมอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำใต้ดิน ดำเนินโครงการขุดบ่อเติมน้ำใต้ดิน สำหรับบ่อบาดาลน้ำตื้นนำร่องพื้นที่ลุ่มใน อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยในปีงบประมาณ 2563 มีเป้าหมายขุดบ่อสำหรับเติมน้ำใต้ดิน 500 บ่อ กระจายอยู่ทุกตำบลของอำเภอบางระกำ ขณะนี้ดำเนินการขุดเสร็จแล้ว 300 บ่อ และยังคงเร่งดำเนินการขุดให้แล้วเสร็จในปี 2563 นี้ พร้อมกับจะมีบ่อที่ติดตั้งเครื่องบันทึกระดับน้ำ สำหรับติดตามตรวจสอบระดับน้ำใต้ดินอีก 50 บ่อ โดยเครื่องนี้จะทำการอัพเดทระดับน้ำทุกชั่วโมง และสามารถเรียกรายงานเก็บเป็นสถิติได้
หลักการทำงานของการเติมน้ำใต้ดิน ในการขุดบ่อ จะขุดบ่อลงลึกถึงระดับชั้นทราย ที่มีน้ำใต้ดินไหลซึมอยู่ มีความลึกโดยเฉลี่ย 8-10 เมตร การขุดบ่อนั้นจะขุดเป็น 2 วง โดยบ่อวงในจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.20 เมตร โดยวงนี้จะปล่อยโล่งไว้สำหรับกักเก็บน้ำ ส่วนวงบ่อนอกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.20 เมตร โดยครอบวงบ่อในอยู่ สำหรับวงบ่อนอก จะบรรจุชั้นกรวด ชั้นทรายหยาบ ชั้นทรายละเอียด ส่วนในการรับน้ำนั้น จะรับน้ำจากน้ำฝน หรือ จุดที่น้ำท่วมถึง ที่ไหลลงมาสู่ที่ลุ่ม จุดที่ขุดบ่อสำหรับเติมน้ำใต้ดิน น้ำฝน จะค่อย ๆ ไหลซึมลงผ่านชั้นกรอง และจะไหลลงสู่ระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งวิธีนี้ จะช่วยเพิ่มระดับน้ำใต้ดินได้เร็วกว่าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะระดับดินชั้นบน ส่วนใหญ่เป็นชั้นดินเหนียวที่ใช้ในการทำนา ทำให้การไหลซึมลงใต้ดินค่อนข้างช้า แต่ถ้าทำระบบบ่อเติมน้ำใต้ดิน น้ำจะไหลลงสู่ชั้นใต้ดินเร็วขึ้น ซึ่งการติดตามประเมินผลนั้น จะเช็คได้จากบ่อที่ทำการติดตั้งเครื่องบันทึกระดับน้ำอัตโนมัติ อีก 50 บ่อ ที่จะทำไว้ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบางระกำเพื่อดูสถิติระดับน้ำชั้นใต้ดิน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โครงการขุดบ่อเติมน้ำใต้ดินสำหรับบ่อบาดาลน้ำตื้นนำร่องพื้นที่ลุ่มใน อ.บางระกำ ในปีงบประมาณ 2563 มีเป้าหมายขุดบ่อสำหรับเติมน้ำใต้ดิน 500 บ่อ กระจายอยู่ทุกตำบลของอำเภอบางระกำ ขณะนี้ดำเนินการขุดเสร็จแล้ว 300 บ่อแล้ว ถือว่าเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ และสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในใต้ดิน โดยอยากให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกักเก็บน้ำ หากมีฝนตกลงมาก็ให้เก็บไว้ ขณะที่เหลือก็สามารถเก็บไว้ใต้ดินได้ ซึ่งประชาชนไปขุดเจาะหรือ ดำเนินการเองได้ เพียงแต่เพิ่มระมัดระวังในการทำบ่อน้ำใต้ดินอย่าให้ลึกเกินไปเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่อยากให้ประชาชนเมื่อขาดแคลนน้ำแล้ว จะต้องมารวมตัวกันขอน้ำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่การแก้ไขปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นพล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ขอความให้ประชาชนได้ตระหนักของการใช้น้ำอย่างมีคุณค่าซึ่งการกักเก็บน้ำไว้ใช้นั้นก็ถือว่าเป็นธนาคารน้ำใต้ดิน ยามฤดูแล้ง ก็สามารถสูบมาใช้ทางการเกษตร ได้ ส่วนการผันน้ำจากเขื่อนมาสู่ภาคกลาง ที่กำลังเดือดร้อนในขณะนี้ ตนได้สั่งการให้กรมชลประทานผันน้ำจากสุพรรณบุรีไปอ่างทอง เพื่อช่วยแก้ไขหาเป็นการเบื้องต้นแล้ว
จากนั้นคณะของพล.อ.ประวิตร เดินทางมาติดตามในจุดที่ 2 ตรวจการทำงานของโครงการท่อระบายน้ำคลองแยงมุม หมู่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม จังพิษณุโลก ซึ่งท่อระบายน้ำคลองแยงมุมนี้จะรับน้ำจากคลองเมมจนถึงคลองบางแก้ว ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมต่อมาจากจุด YN-1 ที่รับน้ำมาจากแม่น้ำน่าน บริเวณเหนือเขื่อนนเรศวรจะเชื่อมโยงไปยังคลองหลายสายในพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ตามโครงการบางระกำโมเดล
โดยท่อระบายน้ำคลองแยงมุมนี้ สามารถระบายน้ำเข้าและออกจากแก้มลิงทุ่งครุก็ได้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทั้งช่วงน้ำหลาก และภัยแล้ง หากประสบภัยแล้งก็จะส่งน้ำเพื่อนำน้ำไปใช้เพื่อทำการเพาะปลูกข้าว และพืชอื่น ๆ และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำทั้งเข้าและออก ได้สะดวกมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานได้ให้ข้อมูลต่อ รองนายกรัฐมนตรีอย่างละเอียด
ต่อมาพล.อ.ประวิตร ได้พบปะกับผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ แล้วร่วมปล่อยปลา ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ ขณะที่พล.อ.ประวิตร กำลังจะถ่ายภาพกับผู้นำท้องถิ่นบนเวทีนั้น จู่ๆได้มีนายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก ส.ส.เขต 2 อำเภอพรหมพิราม พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางที่นั่งฟังหน้าเวที ไปยืนและก้มลงกราบ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อพูดถึงปัญหาการปล่อยน้ำทางการเกษตรจับใจความว่า น้ำที่อำเภอพรหมพิรามไม่มี หากไปดูอีกฝั่งตรงข้ามกับแม่น้ำ และบอกว่ากราบขอความช่วยเหลือจากท่าน จากนั้น ก็เตรียมคุกเข่าก้มลงกราบอีกครั้ง แต่ทหารติดตามได้ห้ามไว้และพาตัวออกไปข้างนอก
หลังจากนั้นนายนพพล กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทุ่งนาสีเขียวนี้มันไม่ใช่ ท่านลองลงไปฝั่งตรงข้ามซิครับ ไม่มีใครเพาะปลูกเลย เนื่องจากไม่มีน้ำ แถวหมู่ 1 ต.ท่าช้าง เหตุที่ต้องก้มกราบก็เพราะเป็นตัวแทนของชาวบ้าน อยากให้ท่านเมตตาช่วยชาวบ้านด้วย เรื่องที่ท่านฯบอกว่า น้ำอุดมสมบูรณ์ มันไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเป็นจริงเป็นอย่างไรในพื้นที่ชาวนาเพิ่งทำนากันเอง นายนพดล กล่าวว่า บางพื้นที่ก็ยังปลูกไม่ได้เพราะไม่มีน้ำ เราต้องหว่านข้าว ตามดินแห้งๆ แล้วก็รอพระพิรุณ อย่างเดียว หลังบ้านตน ดินยังปลูกไม่ได้เลย เมื่อถามอีกว่า ทำไมต้องกราบพล.อ.ประวิตร นายนพพล กล่าวว่า "เราคนไทย ครับ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี