บินด่วนระยองพบปชช.
‘บิ๊กตู่’ปลุกขวัญ
ย้ำต้องหยุดระบาดให้ได้
รร./ท่องเที่ยวพังเลิกจองอื้อ
แห่ตรวจหวั่นติดเชื้อโควิด
เด้งหน.ด่านตรวจโรคอู่ตะเภา
พร้อมจนท.ยกแผงตั้งกก.สอบ
นายกฯบ่นเหนื่อยหงุดหงิดอยู่ดีๆมีเครื่องบินมาชน ฉุนสื่อกระพือข่าวระยองทำคนแตกตื่นทั้งปท. ไม่ออกจากบ้าน ทั้งที่ยังไม่มีใครติดเชื้อ ย้ำรับผิดชอบอยู่แล้ว ต้องหยุดการระบาดให้ได้ ชี้ปัญหาทหารอียิปต์เป็นเรื่องบุคคล ยันไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ ให้เข้าแต่ต้องทำตามกติกา จากนี้จะเข้มงวดทั้งไทยและเทศ ด้าน สธ.สั่งย้ายหัวหน้าด่านควบคุมโรคอู่ตะเภา กับ จนท.ยกแผง พร้อมตั้งกก.สอบ ส่งรถพระราชทานตรวจหาเชื้อให้ 3 กลุ่มเป้าหมายและปชช.ในระยอง ให้ครอบคลุมมากที่สุด ตั้งเป้าให้ได้วันละพันคน ผลแล็ปเบื้องต้น 11คนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เป็นลบ แต่ต้องกักตัวดูเอาการ 14 วัน ผู้ประกอบการเมืองฮิโอด ดีใจได้ไม่กี่วัน เจออียิปต์ทุบนทท.ยกเลิกจองที่พัก 90%
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19ในประเทศไทยประจำวัน
ติดเชื้อใหม่5รายป่วยสะสม3,232
โดยวันนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5 ราย เป็นคนไทยเดินทางกลับจากสหรัฐฯ สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรต (ยูเออี) ทั้งหมดเข้าพักในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ให้ รวมยอดผู้ป่วยสะสม 3,232 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตสะสมยังอยู่ที่ 58 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 1 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 3,092 ราย และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 82 ราย ทั้งนี้ ประเทศไยยังไม่พบติดเชื้อในประเทศติดต่อกันวันที่ 51 แลัว
กลับจากสหรัฐ-สิงคโปร์-ยูเออี
สำหรับรายละเอียดผู้ป่วยทั้ง 5 ราย แบ่งเป็นเดินทางกลับจากสหรัฐฯ 1 ราย เป็น หญิงไทยอายุ 48 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 11 กรกฎาคม เข้าพักในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ state quarantine กทม. 13 กรกฎาคม เริ่มมีอาการไม่ได้กลิ่น เจ็บคอ มีเสมหะ ตรวจหาเชื้อวันที่ 13 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ รายที่ 2. เดินทางกลับมาจากสิงคโปร์ 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 43 และ 49 ปี อาชีพรับจ้างถึงไทยวันที่ 13 กรกฎาคม ผู้ป่วย 2 รายนี้พบเข้าเกณฑ์ PUI จึงตรวจหาเชื้อที่ด่านควบคุมโรคสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งตัวรักษาในโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ และ 3.กลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 27 ปี และหญิงไทย อายุ 35 ปีเดินทางถึงไทยวันที่ 2 กรกฎาคม เข้าพักใน state quarantine ที่ จ.ชลบุรี โดยทั้ง 2 รายตรวจพบเชื้อวันที่ 13 กรกฎาคม ไม่มีอาการทั้ง 2 ราย
นายกฯบ่นเหนื่อยอยู่ดีๆเครื่องบินชน
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเดินทางไปปฎิบัติภารกิจที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในการเป็นสักขีพยานพิธีลงนามความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG โมเดล) สร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยกล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า คิดจะพูดนิดเดียวเพราะเหนื่อยทุกวันเลย และเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม หงุดหงิดไปหน่อย อยู่ดีๆ เครื่องบินชนกัน เครื่องบินทหารอียิปต์ชนมา ขณะนี้กำลังแก้ไข ไม่ต้องกังวล เชื่อว่าแก้ได้ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขของเรา ที่ขึ้นชื่อระดับโลก ตนพูดคุยกับผู้นำโลกและมหาอำนาจทุกประเทศชื่นชมไทยการแก้ปัญหาโควิด หลายคนเมื่อมาประเทศไทยต้องใส่หน้ากาก เพราะเราบังคับให้ใส่ อย่างในอินเดีย หากไม่ใส่หน้ากากมีการปรับเงินแสนเหรียญ จะให้ตนทำแบบนั้นหรือไม่ รวมทั้งยังเฆี่ยนตี วันนี้ความรับผิดชอบสำคัญที่สุด ไม่ใช่ใช้แต่กฎหมาย ตนไม่อยากให้คนดื้อกับกฎหมาย จะเหมือนดื้อยา แม้กฎหมายแรงไปก็ไม่กลัว คนประเภทนี้มีอยู่แล้ว
ลั่นไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ-จะเข้มกว่าเดิม
“เรื่องนี้เป็นเรื่องบุคคลเท่านั้น ระเบียบก็มีอยู่ ไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ คำว่าสิทธิพิเศษคืออนุญาตให้เข้าแต่ต้องมีกติกา ไม่ใช่สิทธิพิเศษว่าไม่ต้องตรวจ แต่ตรวจแล้วหนีไปเที่ยวอีกเรื่องหนึ่ง ต่อไปนี้ต้องเข้มงวดทั้งไทยและต่างประเทศ ขณะเดียวกันพวกเต้นในผับ ในบาร์ ระวังไว้ด้วยไม่เห็นใครกลัวกัน หัวจะชนกันอยู่แล้ว”พร้อมเหน็บสื่อว่า ”นักข่าวกลับได้หรือยัง พูดตรงนี้แล้วเอาไปพาดหัวได้” นายกฯกล่าว
วอนปชช.รักษาวินัยเห็นใจจนท.
และว่า โควิดมาหงายท้องหมด เราต้องฟื้นฟูทุกอย่างมีแผนที่เรากำลังพิจารณาทั้งหมด แต่หลายอย่าง ปัญหาอยู่ที่คนและจิตสำนึก ซึ่งระเบียบเป็นตัวกำหนดไว้แล้วชัดเจน แต่การปฏิบัติควบคุมสติได้แค่ไหน ต้องรักษาวินัยและเห็นใจเจ้าหน้าที่ อย่าคอยให้เจ้าหน้าที่มาห้ามหรือมาจับ อย่าเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว ต้องให้ความร่วมมือกันด้วย ลดใช้กฎหมาย เพราะทุกคนไม่ชอบ แต่กฎหมายเป็นสิ่งทำให้เท่าเทียมกัน หากทำผิดก็ผิดเหมือนกันเป็นสิ่งที่ตนยืนยันมาตลอด
ซัดสื่อกระพือข่าวระยองทำแตกตื่นทั้งปท.
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีมีข้อเสนอให้เยียวยาชาวระยองว่า เรื่องของจ.ระยอง เป็นความบกพร่องความผิดพลาด แล้วจะมาบอกว่าเยียวยากัน ตนก็ถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ความตื่นตระหนกนั้นมาจากไหนบ้างตรงไหนบ้าง ตัวบุคคล แล้วอะไรอีกที่ทำคนตื่นเต้นทั้งประเทศจนคนไม่ออกจากบ้าน ใคร ไหนบอกมา ผู้สื่อข่าวจึงตอบไปว่าสื่อมวลชน นายกฯจึงกล่าวว่า “ก็ลดลงหน่อยซิ ถ้าคุณโหมกระพือกันอยู่แบบนี้ก็เกิดกันแบบนี้ทุกที่ หรือคุณแน่ใจว่า จะไม่เกิดขึ้นอีก แม้กระทั่งคนไทยด้วยกันเองนี่แหละคุณก็ต้องเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นบทเรียน แล้วจะแก้ปัญหาตรงไหน อย่างไร
“การทำงานแบบนี้ไม่ได้คิดเพียงแป๊ปๆ แล้วถ้าถามผมว่า ต้องไปเยียวยา ผมต้องไปเยียวยาใครละ พ่อค้าต่างๆในตลาดสดที่คนไม่ไปเดินอย่างนั้นใช่ไหม หรือประชาชนที่ขายของไม่ได้ใช่ไหม ก็เพราะเขาตื่นตระหนกใช่ไหม แล้ววันนี้เจอคนติดเชื้อหรือยัง พวกคุณก็ต้องบอกให้เขารู้เรื่องว่า ยังไม่เจอคนติดเชื้อ ให้ช่วยกันออกมาซื้อของให้ใช้ชีวิตตามปกติ ใครสงสัยก็ไปหาหมอ ทำงานอย่างนี้ถึงแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าทำงานแบบชนิดที่ว่า เกิดปั๊ป แหย่มาปุ๊ปว่า ใครรับผิดชอบ จ่ายเงินปั๊ป มันไม่ใช่วิธีคิดแบบนั้น เรื่องนี้จบกันก่อน เพราะยังมีงานอื่นต้องทำอีกมาก”นายกฯกล่าว
ย้ำรับผิดชอบอยู่แล้วหยุดระบาดให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ขออย่างเดียวคือ ยังไม่มีการติดเชื้อขอให้คนมาใช้ชีวิตปกติ ไม่ใช่ว่ามีข่าวขึ้นมาคนหนึ่งแล้วก็โทรกันไปกันมาจนเละไปหมด ตนบอกแล้วไงว่า ตนรับผิดชอบอยู่แล้ว ต้องแก้ปัญหา ก่อนหน้านี้ติดเชื้อในประเทศไทยหรือไม่ มี แล้วเรา แก้ไขได้หรือไม่ หยุดได้หรือไม่ เราหยุดได้ งานนี้ก็เหมือนกันถ้าเกิดขึ้นก็ต้องหยุดให้ได้ เรารู้ได้อย่างไรว่า จะไม่เกิด วันนี้จะแพร่จากต่างประเทศ วันหน้าอาจมีในประเทศอีกก็ได้ ที่ยังไม่แสดงอาการ แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไร ไม่ใช่อะไรเกิดขึ้นก็เยียวยาๆตนว่าไม่ใช่
นายกฯถกสีจิ้นผิงแลกเปลี่ยนแผนสู้โควิด
ขณะที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังกรณีนายกรัฐมนตรีหารือทางโทรศัพท์กับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน มีสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า ผู้นำสองประเทศยังหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์รับมือกับเชื้อโควิด 19 โดยต่างชื่นชมความสามารถของไทยและจีนที่ควบคุมการระบาดได้ดี ซึ่งจีนชื่นชมแนวทาง เราไม่ทิ้งกันของไทยและจีนเองก็มีแนวทางเดียวกัน โดยเน้นว่า ประชาชน และชีวิต สำคัญที่สุด จีนจึงเอาชนะโควิด 19 มาได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกฝ่าย และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเอาชนะโควิด สำหรับการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด 19 นั้น จีนและไทยต่างพยายามพัฒนาคิดค้น จนก้าวหน้ามาก เมื่อสำเร็จ จีนเห็นว่าเป็นวัคซีนสำหรับมนุษยชาติใช้ป้องกันโควิด 19
“บิ๊กตู่”บินด่วนระยองให้กำลังใจจนท.-ปชช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน เวลา 15.30 น. นายกฯพร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่จ.ระยองเป็นการด่วน ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการสอบสวนโรค และตรวจหาเชื้อให้ประชาชน พร้อมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน หลังเกิดกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 และเดินทางไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า ทำให้มีผู้เสี่ยงติดเชื้อจำนวนหนึ่ง และส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างหนัก ซึ่งนายกฯลงพื้นที่โรงแรมD varee ห้างแหลมทอง และตรวจเยี่ยมตลาดให้กำลังใจประชาชน ณ ตลาดสดสตาร์
ผลตรวจ11คนเสี่ยงสูงเป็นลบ
อีกด้านหนึ่งที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีทหารอียิปต์เดินทางไปจ.ระยอง และตรวจพบติดเชื้อโควิดว่า จากการตรวจสอบการเดินทางของกลุ่มทหารอียิปต์ 31 คน ที่เสี่ยงมีเพียงการฝ่าฝืนมาตรการออกไปห้างสรรพสินค้าเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ระหว่างเวลา 11.00-15.00 น.เท่านั้น แยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมี 4 คน เหมารถไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล กลุ่มที่สอง มี 27 คน เดินเท้าไปห้างแพชชั่น ช็อปปิ้ง เดสติเนชั่นหรือห้างแหลมทอง ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก โดยทยอยเดินทาง มีกลุ่มหนึ่ง 6 คน มีคนติดเชื้อร่วมเดินเท้าด้วย ดังนั้น กลุ่มที่ไปเซ็นทรัล และกลุ่มย่อยที่ไปห้างแพชชั่น แต่ไม่มีผู้ติดเชื้อรวมอยู่ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก ส่วนกลุ่มเดินเท้า 6 คนที่มีผู้ติดเชื้อรวมอยู่ด้วยนั้น ไปห้างสรรพสินค้าแพชชั่นฯช่วง 11.00 -15.00 น. ดูกล้องวงจรปิดพบว่าทุกคนในกลุ่มสวมหน้ากากอนามัยตอนออกจากโรงแรม ไปที่ห้างก็ถูกคัดกรอง ล้างมือด้วยเจล เฉพาะคนที่ติดเชื้อจากกล้องวงจรปิดพบว่าเดินประมาณ 2 ชั้น ไม่ได้ซื้อของหรือรับประทานอาหารแต่อย่างใด พอกลับมาที่โรงแรมก็เข้าที่พัก
ดังนั้น คนที่ติดเชื้อสัมผัสผู้คนไม่มาก และจากการติดตามช่วงค่ำวันเดียวกันทั้ง 31 คนไม่ได้ออกไปไหน โดยสรุปมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 11 คน เป็นพนักงานขับรถจากสนามบินมายังโรงแรมไป - กลับ 4 คน ซึ่งไม่ใช่แท็กซี่ นอกจากนี้ ยังมีบุคลากรของโรงแรม 7 คน ทั้งหมดสอบสวนและกักตัว 14 วัน ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงสูง 11 คน ผลยืนยันจากห้องปฎิบัติวิทยาศาสตร์ทั้งหมดเป็นลบ แบ่งเป็น แม่บ้านโรงแรมดีวารี 7 คน และพนักงานขับรถ ไปกลับสนามบินอูตะเภา ไปโรงแรมดีวารี และโรงแรมดีวารี ไปสนามบินอู่ตะเภา 4 คนแต่ระหว่างนี้ต้องหยุดงานกักตัวจนครบ 14 วัน เช่นเดียวกับ ผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงต่ำกับทหาร 6 คน ก็ให้หยุดงานกักตัว 14 วัน
ตรวจ1.3พันรายยังไม่พบคนติด
ทั้งนี้ รวมถึงผู้สัมผัสอื่น ที่ได้ข้อมูลจากวงจรปิดและแอพพลิเคชั่นไทยชนะ 413 คน แม้ความเสี่ยงต่ำแต่ควรเฝ้าระวังไม่น้อยกว่า 14 วัน ใส่แมส หมั่นล้างมือ เน้นเว้นระยะห้าง ลดไปที่แออัด สำหรับการตรวจเชื้อประชาชนในพื้นที่ระยอง 1,333 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ผลตรวจออกมาแล้ว 416 คน ยังไม่พบติดเชื้อโควิด แต่ต้องให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเข้มข้นจนครบ 14 วัน แต่หากมีอาการมีโอกาสติดเชื้อแค่ 1.5% เท่านั้น สำหรับโรงแรมดีวารี และห้างแพชชั่นนั้น สั่งปิดไม่น้อยกว่า 3 วันเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ก่อนเปิดจะให้สาธารณสุขจังหวัดระยองเข้าไปตรวจประเมินก่อนพิจารณาให้เปิดทำการ
เด้งหน.ด่านโรคติดต่ออู่ตะเภายกแผง
นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นฝ่าฝืนมาตรการของกลุ่มทหารอียิปต์ กับการที่โรงแรมที่พำนักกักกันไม่มีระบบการควบคุมไม่ให้ออกนอกสถานที่นั้น ตนตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมสั่งย้ายหัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดที่สนามบินอู่ตะเภาออกจากพื้นที่ ขณะเดียวกันให้กรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยองดำเนินการให้ทุกโรงแรมหรือสถานที่กักต้องเข้มงวดมาตรการทางกฎหมายและสาธารณสุขในการควบคุมป้องกันโรคโดยเข้มงวดอย่างเคร่งครัด ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุทหารกลุ่มนี้เรียกหญิงบริการเข้าพบนั้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรผิด หลังทหารเข้าที่พักแล้ว ไม่ได้ออกไปข้างนอกอีก และนอกจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจเชื้อ ไม่พบว่ามีใครเข้าไปในห้องแต่อย่างใด
เร่งตรวจหาเชื้อให้ครอบคลุมพันคน/วัน
นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการตรวจสอบมีผู้ขอรับการตรวจยืนยันโควิด ที่เกี่ยวข้องจาก 2 เหตุการณ์นี้รวม 1,599 คน แบ่งเป็นกรณี จ.ระยอง 1,333 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มคนที่ลงทะเบียนมารับการตรวจ 41 คนและวันนี้ขอรับการตรวจเพิ่ม 120 คน และเหตุการณ์ซูดาน 266 คน ซึ่งการตรวจค้นหาในส่วนจ.ระยอง เน้นพนักงานโรงแรมดีวารีทั้งหมดและ พนักงาน แพชชั่นฯทั้งหมด และคนที่ห้างในวันและเวลาดังกล่าว เพิ่มการตรวจให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ที่ประจำอยู่ 3 คันแล้วยังได้รับเพิ่มอีก 4 คัน เพื่อให้บริการตรวจครอบคลุม 1,000 คน ต่อวันและจะประจำอยู่ในพื้นที่ 14 วัน
สั่งทุกจว.แจ้งคนไประยองพบสสจ.ด่วน
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ส่งหนังสือถึงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ระบุว่า ตามที่ปรากฎข่าวกรณีลูกเรือเครื่องบินทหารชาวอียิปต์ เดินทางเข้ามาในไทย และตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด – 19 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ขอให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัด ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่เดินทางไปยังพื้นที่ข้างต้น ตั้งแต่วันที่ 8-11 กรกฎาคม และกังวลว่าตนเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ หรือด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ทั้งนี้ หากจังหวัดสงสัยหรือพบข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิดในพื้นที่ ให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่จังหวัดกำหนด โดยอาจนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโรคของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
คนระยองจี้นายกฯทำมากกว่าขอโทษ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล คณะตัวแทนผู้ประกอบธุรกิจ และตัวแทนประชาชนจังหวัดระยอง นำโดย น.ส.ธัชญา จวงสันทัด และน.ส.พรพรรณ เภตรารัตน์ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนถึงนายกฯให้ยกเลิกข้อยกเว้นแก่บุคคลต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่กักตัว 14 วัน มีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยน.ส.ธัชญากล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวระยองไปไหนถูกมองเป็นตัวเชื้อโรค ทั้งที่ร่วมมือกับรัฐป้องกันตัวองตามมาตรการสาธารณสุขเคร่งครัดมาตลอด ช่วงล็อคดาวน์ไม่มีรายได้ ก็อดทน แต่รัฐบาลและศบค.ปล่อย
ชาวต่างชาติเข้ามาโดยไม่กักตัว เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้ ถามว่าคนเหล่านี้มีอภิสิทธิ์อย่างไร หรือมีการแบ่งชนชั้นหรืออย่างไร ที่ผ่านมาให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการย้ำว่าการ์ดอย่าตก ทั้งนี้เราไม่ต้องการการขอโทษ แต่ต้องการให้รัฐบาลแสดงออกอะไรบางอย่างอย่างเป็นรูปธรรมกับต่อกรณีที่เกิดขึ้น
“เรื่องนี้ข้อผิดพลาดของศบค. และรัฐบาล แม้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ก็คงไม่เพียงพอ และเราอยากจะบอกว่า ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็ลาออกไป เราไม่ได้มาเรียกร้องการเยียวยาใดๆ เพราะสิ่งที่เกิดแก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากรอ 14 วัน ว่าต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่หรือไม่ จากนี้พวกตนจะไปยื่นเรื่องที่สถานทูตอียิปต์ ให้ออกมาร่วมรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย” น.ส.ธัชญา กล่าว
แห่รอคิวตรวจเชื้อโควิดเฉียดพัน
ส่วนบรรยากาศที่หน้าศูนย์การค้าแพชชั่น ช้อปปิ้งเดสติเนชั่น สถาบันป้องกันโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน มาให้บริการตรวจหาเชื้อให้ประชาชนเป็นวันที่สอง ซึ่งมีประชาชนมารอแถวรับบัตรคิวตั้งแต่ 07.00 น. ซึ่งวันนี้รับได้ 300 คน เพื่อลดความแออัด เช่นเดียวกับอีกจุดหนึ่งคือ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลระยอง ที่จำกัดการตรวจทั้งหมด 600 คน เป็นการเข้ามาตรวจค้นหาเชิงรุกใน 3 กลุ่มเป้าหมายคือ คนที่มาเดินศูนย์การค้าแพชชั่นฯ วันที่ 10 กรกฎาคม พนักงานโรงแรม พนักงาน ตม.ที่เข้าเจรจากับทหารอียิปต์ และพนักงานของศูนย์การค้า
ยกเลิกจองที่พักแล้ว90%
นางอนุชิดา ชินศิรประภา ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดระยอง เจ้าของโรงแรมโกลเด้นซิตี้ ระยอง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ได้รับผลกระทบ หลังธุรกิจต้องปิดไปจากการระบาดครั้งที่ผ่านมา เพิ่งมาเปิดได้ไม่นาน ดีใจมีลูกค้ามาร้อยละ50-60 พนักงานมีงานมีรายได้ พอมีข่าวทหารอียิปต์ติดโควิดเข้ามาในระยอง และไม่มีความชัดเจนทำให้เกิดความตกใจ ลูกค้าโทรมาถามและขอยกเลิกการจอง ครั้งนี้ยอมรับว่าตกใจมาก มากกว่าครั้งก่อน เพราะดีใจได้ไม่กี่วัน ใจหาย ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการด้วยกันเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น วันแรกไม่มีความชัดเจนทำให้แตกตื่นตกใจลูกค้าจึงโทรมายกเลิกจองที่พักและสัมมนาแล้ว กว่า 90%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี