‘เชาว์’จัดหนัก!เปิดรธน.57 งัดข้อบังคับสนช.สวน‘ธานี’ มัดกมธ.กฎหมาย ช่วยคนหนีหมายจับพ้นผิด
31 กรกฎาคม 2563 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง เดินหน้าเอาผิด “กรรมาธิการกฎหมาย สนช.” ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีเนื้อหาระบุว่า
ผมได้ติดตามคำชี้แจงของนายธานี อ่อนละเอียด สว. ซึ่งเคยเป็นเลขานุการคณะกรรมมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีเข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงประเด็นพยานที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ร้องขอให้อัยการสอบแต่ไม่ได้รับการตอบรับนำเข้าไปอยู่ในสำนวน กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนของคดี มีการนำพยานสองปากและพยานแวดล้อม 2 ปาก รวมถึงนักวิชาการมาคำนวณความเร็วใหม่ พลิกจากนายวรยุทธ ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต เป็นไม่ผิด โยนบาปทั้งหมดให้ผู้ตาย แม้นายธานีจะอ้างว่ากรรมาธิการฯไม่ได้มีการชี้ถูก ชี้ผิด แต่สิ่งที่กรรมาธิการฯทำถือว่าเกินเลยอำนาจหน้าที่ไปมาก
เมื่อไปพลิกรัฐธรรมนูญปี 2557 มาตรา 13 วรรคสองและข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2560 ที่นายธานีอ้างถึงแล้ว ไม่พบว่ามีการให้อำนาจหน้าที่กรรมาธิการทำตัวเป็นพนักงานสอบสวนเข้าไปก้าวล่วงอำนาจการสอบสวนสอบนำพยานมาสอบสวนเสียเองแต่อย่างใด โดย รธน.2557 มาตรา 13 วรรค 2 เขียนไว้กว้าง ๆ ว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอำนาจตราข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกและการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภา รองประธานสภา และกรรมาธิการ วิธีการประชุม การเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติและร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ การเสนอญัตติ การอภิปราย การลงมติ การตั้งกระทู้ถาม การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย และกิจการอื่นเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ส่วนข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2560 ข้อ 78 (3) ระบุอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการชุดนี้ไว้ว่า “มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับระบบกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ตลอดจนสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งกิจการตำรวจ”
จากข้อบังคับข้างต้นจะเห็นชัดเจนว่า กรรมาธิการฯชุดนี้ได้ทำเกินหน้าที่ ก้าวล่วงอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรืออัยการเพราะคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนและพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีไปแล้ว ที่ผ่านมานายวรยุทธและทีมทนายความ ก็ได้ใช้ช่องทางนำพยานเข้าสู่สำนวนอย่างเต็มที่เต็มพิกัดอยู่แล้ว ไม่ว่าการขอเลื่อนนัดไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาถึง 7 ครั้ง และยังหนีคดีไปต่างประเทศด้วย
แต่พวกท่านกลับใช้กลไกรัฐสภาเป็นเครื่องมือช่วยเหลือคนหนีหมายจับให้พ้นคดี ด้วยการทำตัวเป็นพนักงานสอบสวนสอบสวนพยานที่ทั้งอัยการและตำรวจตีตกไม่รับเข้าสำนวน รวมถึงนักวิชาการซึ่งไม่ได้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ความเห็นเรื่องความเร็วรถ ที่เป็นคุณกับนายวรยุทธ ส่งให้อัยการสั่งตำรวจสอบเพิ่ม จนมีการเพิ่มเติมเข้าไปในสำนวน กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนในคดีนี้ โดยอ้างว่าให้ความเป็นธรรมกับนายวรยุทธ โดยไม่สนใจมุมของผู้เสียชีวิตเลย และยังถือว่าเป็นใช้กลไกของรัฐสภาไปก้าวก่ายงานกระบวนการยุติธรรม ทำให้หลักการถ่วงดุลตามระบอบประชาธิปไตยเสียไป
ผมจึงเห็นว่ากรรมการที่นายกฯตั้งขึ้น นอกจากจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับสังคม ค้ำยันไม่ให้องค์กรตำรวจและอัยการสั่นคลอนมากไปกว่านี้แล้ว พวกท่านต้องเอาคนผิดที่บิดเบือนกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นแบบเป็นขบวนการมาลงโทษให้ได้ด้วย ไล่ตั้งแต่กมธ.กฎหมาย สนช. ตำรวจ ไปจนถึงอัยการที่มีคำสั่งไม่ฟ้อง ดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แบบกราวรูด ให้เป็นคดีตัวอย่าง จะได้ไม่มีใครกล้าบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี