ร้องปอท.แจ้งจับม็อบนศ.
แฉหลักฐานเด็ด
พรรคหนุนหลัง-เส้นทางเงิน
งาน‘ธรรมศาสตร์จะไม่ทน’
ตร.บุกรวบ‘เพนกวิน’สิ้นท่า
‘อานนท์-ไมค์’ลุ้นถอนประกัน
‘ธนาธร’เชียร์10ข้อเรียกร้อง
“ณฐพร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินบุก “ปอท.”แจ้งจับ “ม็อบนศ.” แฉหลักฐานเด็ด “กลุ่มหนุน-เส้นทางโอนเงิน-ข้อมูลติดต่อโทรศัพท์” แย้มมีพรรคการเมืองหนุน ด้าน “แรมโบ้” แนะนศ.ตั้งใจเรียนดีกว่า สงสัย “ธนาธร” ปกป้องม็อบ ขณะจุฬาฯสั่งห้ามชุมนุม แต่เหล่าอาจารย์ไม่ยอมลั่นต้องจัดให้ได้แม้ถูกเอาผิดวินัยก็ยอม “ธนาธร” ชี้มุ่งปราบไม่ได้แก้ปัญหา ยิ่งกลับราดน้ำมันใส่กองไฟ ถามเรียกร้อง 10 ข้อ จาบจ้วงตรงไหน ต้องแยกระหว่างเนื้อหา กับท่าทีนำเสนอ ตร.บุกรวบ “เพนกวิน” จะไปร่วมม็อบที่เมืองนนท์
เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 14สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดร.ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.ในฐานะโฆษก บก.ปอท. , พ.ต.ท.กฤช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท.เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเพื่อแสดงความเห็นต่างทางการเมือง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.)หรืองานธรรมศาสตร์ไม่อดทน เมื่อวันที่ 10สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะแกนนำและกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุม รวมทั้งผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯผู้ประกอบการเวทีที่ใช้จัดงานและผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวในวันดังกล่าว
แจ้งจับม็อบนศ.-หลักฐานมัด
โดย ดร.ณฐพร เปิดเผยว่าการชุมนุมดังกล่าวเล่วงละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2560และยังมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า อาจมีพรรคการเมืองหนึ่งช่วยเหลือสนับสนุนการจัดกิจกรรมครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า ส่วนตัวจะช่วยรวบรวมข้อมูลต่างๆที่มีลักษณะเข้าข่ายการกระทำความผิด ซึ่งหากพบว่า มีกลุ่มบุคคลใดที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือในการกระทำผิด จะขอให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด พร้อมยืนยันว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม จึงขอใช้ช่องทางนี้ในการเอาผิดตามกฎหมาย ขณะนี้มีข้อมูลกลุ่มผู้สนับสนุนประมาณ 3-4คน ที่มีหลักฐานการใช้โทรศัพท์ติดต่อประสานงานกันในการจัดชุมนุม นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการโอนเงินที่ใช้ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ดังนั้นจึงขอให้พนักงานสอบสวนเอาผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์และกฎหมายมาตรา116 ฐานยุยง ปลุกปั่นฯด้วย
ด้านพ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวว่าในส่วนของการดำเนินคดีเกี่ยวกับ พรบ.คอมพิวเตอร์ ตำรวจ บก.ปอท.สามารถสืบสวนสอบสวนคดีได้ทันที ส่วนความผิดฐานอื่นๆ ตำรวจท้องที่ที่พบการกระทำผิด สามารถดำเนินการสอบสวนได้เช่นกัน
ปชช.หนุน’บิ๊กตู่’ปกป้องสถาบัน
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายพิทักษ์โครงการหลวง และเทิดทูนสถาบันฯพร้อมด้วยเครือข่ายเทิดทูนสถาบันรวมไทยสร้างชาติ นำโดย นายพูลพัชร พูลเจริญ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจนายกฯสืบสานโครงการพระราชดำริและบังคับใช้กฎหมายในการเทิดทูนสถาบันสำคัญยิ่งของประเทศ อีกทั้งขอสนับสนุนนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นายพูลพัชรกล่าวว่า เครือข่ายฯขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่นำพาประเทศไทยสู้กับสงครามโควิด-19 จนทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกและขอเป็นกำลังใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ นำรัฐนาวาที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบตามกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ ที่ทุกพรรคการเมืองได้รับการเลือกตั้งตามมติของประชาชน เพราะว่าประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ จารีตประเพณีและมีสถาบันพระมหากษัตริย์มายาวนาน ตลอด 5ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ทำให้ทุกคนประจักษ์ว่า ซื่อสัตย์ จงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง
แรมโบ้สงสัย’ธนาธร’หนุนม็อบ
ขณะที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำนักศึกษาที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทน ได้โพสต์ข้อความว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาติดตามที่พัก คาดว่าเตรียมจับกุมทำให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวในลักษณะออกมาปกป้อง โดยระบุว่า เข้าใจความกังวลใจของแกนนำนิสิต นักศึกษา ที่อยู่ในสถานะเป็นแกนนำการชุมนุม แต่ไม่ควรตื่นตูมมาก ทั้งนี้ได้ทราบมาว่า น.ส.ปนัสยา ตอนนี้ปลอดภัยดีและกลับไปเรียนตามปกติแล้ว
แนะนศ.ตั้งหน้าตั้งตาเรียนดีกว่า
นายสุภรณ์ยังมองว่าช่วงเปิดเทอมนิสิตนักศึกษาควรใช้เวลาเรียนหนังสืออย่างเต็มที่ มากกว่าที่จะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง อีกทั้งความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังหมิ่นเหม่ต่อการก้าวล่วงสถาบัน ซึ่งอาจนำไปสู่การแบ่งเป็น 2ฝ่าย สร้างความเกลียดชังกันของคนในชาติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ส่วนที่ นายธนาธร ออกมาปกป้องนั้น นายสุภรณ์ มองว่า นายธนาธร ควรจะเตือนนิสิตนักศึกษายุติความเคลื่อนไหว แต่ก็ยังกลับโพสลักษณะปกป้อง จึงตั้งข้อสังเกตว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของนักศึกษาหรือไม่และตนเห็นด้วยที่นายกฯให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การการจัดกิจกรรมมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะตนเองมีความสงสัยในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
จุฬาฯประกาศห้ามจัดชุมนุม
วันเดียวกัน สำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศด่วนเรื่องไม่อนุมัติให้จัดกิจกรรมในวันศุกร์ที่ 14สิงหาคม2563 โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่กลุ่มคณะจุฬาฯและสปริงมูฟเมนต์ มีหนังสือขออนุญาตจัดกิจกรรมในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อผลักดันปัญหาของนิสิตและเพื่อให้ความรู้ด้านการเมืองของนิสิตต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน ในวันที่ 14สิงหาคม เวลา 15.00-20.00น. นั้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอเรียนให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายสนับสนุนการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธและไม่กระทำการใดที่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เกรงไม่ปลอดภัย-ประสานมาใหม่
เมื่อพิจารณาหนังสือของนิสิตแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามกรอบการใช้สิทธิเสรีภาพในฐานะประชาชนของนิสิตและเพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยให้แก่นิสิตอย่างเต็มที่ สำนักบริหารกิจการนิสิตจึงเห็นว่า ควรจะได้หารือกับนิสิตผู้ขออนุญาตโดยตรง ถึงแผนการดำเนินการจัดการชุมนุมให้เกิดความรอบคอบ ทั้งในแง่ของรายละเอียดของแต่ละกิจกรรม การจัดกิจกรรมที่เป็นไปภายใต้กรอบของกฎหมาย ตลอดจนแผนการบริหารการจัดการพื้นที่และดูแลความปลอดภัยที่ครบถ้วนเพียงพอ มิให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายและขยายวงความขัดแย้ง จนอาจนำไปสู่ความรุนแรง
การที่ผู้ขออนุญาตได้จัดส่งหนังสือขออนุญาตจัดกิจกรรมดังกล่าวในระยะเวลาที่กระชั้นชิดมาก ทำให้สำนักบริหารกิจการนิสิตไม่สามารถประสานงานกับหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องตามที่แจ้งขอได้ทันกำหนดเวลาด้วยความห่วงใยต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนิสิต ตลอดจนประชาคมจุฬาฯ สำนักบริหารกิจการนิสิต จึงยังไม่อาจอนุญาตให้จัดกิจกรรมในวันที่ 14สิงหาคม2563 ทั้งนี้ขอให้ผู้ประสานงานของนิสิตผู้ขออนุญาตมาพบที่สำนักบริหารกิจการนิสิตเพื่อหารือในรายละเอียดการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมและทำความตกลงร่วมกันกับมหาวิทยาลัยในการจัดกิจกรรมต่อไป
อาจารย์ไม่ยอมลั่นต้องจัดให้ได้
ต่อมาเพจเฟชบุ๊กคณะจุฬาฯซึ่งเป็น1ในผู้นำในการจัดกิจกรรมครั้งนี้โพสต์ยืนยันว่า”เป็นลานพระบรมฯยืนยันว่าเป็นเวลา16.00น.ยืนยันว่า จัดตามเดิม! ฉันจะไม่ยอมเป็นทาสคุณหรอกค่ะ #เสาหลักจะหักเผด็จการ #จุฬารวมพล #จุฬามาแน่ เจอกัน 16.00น.ชาวจุฬาขอเธอมาช่วยรวมพล ลานพระบรมรูปสองรัชกาล หากผู้จัดจะต้องโดนลงโทษทางวินัยเพื่อได้ขับไล่เผด็จการ ก็คงต้องยอมแล้วค่ะ”
จากนั้น คณาจารย์ผู้สอนวิชากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ จำนวน 14ราย ออกแถลงการณ์ ยืนยัน นิสิตจุฬาฯมีสิทธิเสรีภาพการแสดงออกทางการเมืองอย่างสงบ ตามรัฐธรรมนูญรองรับ ส่วนกรณีข้ออ้างเรื่องการสุ่มเสี่ยงนั้นไม่ใช่เหตุผลในการยกเลิกห้ามจัดชุมนุม เพราะหากมีความผิดเกิดขึ้นจริง ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐอื่น ที่จะบังคับคดีในภายหลัง นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังสามารถเลือกใช้มาตรการที่เหมาะสมเรื่องความปลอดภัยได้ เช่น ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล โดยพื้นที่ที่นิสิตจัด ถือเป็นพื้นที่สาธารณะของหน่วยงานรัฐก็เป็นพื้นที่ที่เคยจัดชุมนุมการเมืองมาแล้ว มีการชุมนุมสาธารณะบ่อยครั้ง เช่น การชุมนุมของกลุ่มจุฬาฯรักชาติ เมื่อปี2557 จึงขอคัดค้านการห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าว
‘ธนาธร’หนุนม็อบเรียกร้อง10ข้อ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนต่อการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนิสิตนักศึกษา ว่า การชุมนุมของนักศึกษาเป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมาย กลุ่มคนที่ต้องการสร้างความเกลียดชังในสังคม ต้องการจับกุมปราบปรามนักศึกษาอย่างเด็ดขาด นั่นไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา แต่เป็นการราดน้ำมันลงในกองไฟ สิ่งที่จะเป็นทางออกให้สังคมได้จริงๆ คือ การรับฟังสิ่งที่พวกเขาพูดอย่างมีสติและมีเหตุผล นี่คือความท้าทายของสังคมไทยว่า มีวุฒิภาวะและมีความเป็นผู้ใหญ่พอหรือไม่ที่จะรับฟังความจริงในเรื่องต่างๆ เหล่านี้อย่างตรงไปตรงมา อย่างมีเหตุมีผลและมีสติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเรียกร้องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจาบจ้วงสถาบัน นายธนาธร กล่าวว่า ข้อเรียกร้อง 10ข้ออาจทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มไม่สบายใจ ขณะเดียวกันเราต้องยอมรับข้อเท็จจริงด้วยเหมือนกันว่า นี่คือความจริงที่กระอักกระอ่วน ทุกคนตระหนักรู้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครออกมาพูดเรื่องนี้ในที่สาธารณะ ดังนั้นหากตัดเรื่องท่าทีในการนำเสนอออกไป มองเนื้อหาที่เขานำเสนอ คำถามสั้นๆ คือ เราพร้อมหรือเปล่าที่จะพูดคุยเรื่องเหล่านี้ด้วยเหตุผล ด้วยสติ เราเป็นผู้ใหญ่และมีวุฒิภาวะพอหรือเปล่า ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายรับไม่ได้กับข้อเรียกร้อง 10ข้อนั้น นายธนาธรกล่าวว่ามีข้อไหนจวบจ้วง ขอให้แยกระหว่างเนื้อหาข้อเรียกร้อง กับท่าทีการนำเสนอ เพราะท่าทีนั้นอาจทำให้คนบางกลุ่มไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่ใจความหลักจริงๆนั้นคือเนื้อหา
’เพนกวิน’บุกรวบจะไปร่วมม็อบ
เวลา16.00น.เพจเฟชบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษามหาวิายาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำม็อบปลดแอกได้แพร่ภาพขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบควบคุมตัวหน้าที่พักในกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าแสดงหมายจับศาลอาญาที่1172/2563 ในข้อหาเดียวกับนายอานนท์ นำภา ทนายความ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้าที่กรณีไปร่วมชุมนุมที่หน้ากองทัพบก ทั้งนี้นายพริษฐ์ ถูกควบคุมตัวที่ย่านเมืองทองธานีขณะจะเดินทางไปร่วมชุมนุมบริเวณท่าน้ำนนท์กิจกรรมทุเรียนนนท์ไม่เอาเผด็จการ ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่ สน.สำราญราษฏร์ต่อไป
เรียก’อานนท์-ไมค์’สอบถอนประกัน
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนปล่อยชั่วคราว นายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน หนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” อายุ 24ปี แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย 2ผู้ต้องหายุยงปั่นป่วนในหมู่ประชาชนฯ, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง,ร่วมกันม็อบลักษณะยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฯลฯซึ่งศาลอนุญาตฝากขังเมื่อวันที่ 8สิงหาคมเเละศาลได้อนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ1แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน ต่อมาพนักงานสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้กระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขศาล จึงยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวให้ศาลพิจารณา โดยศาลรับคำร้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวดังกล่าวในวันที่ 3 กันยายนนี้และมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งสองมาในวันดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี