"ไพบูลย์"ยื่น"ชวน"ค้านร่างแก้รธน.ฝ่ายค้าน4ฉบับ ชี้มีปัญหาลงชื่อซ้ำซ้อนม.256เปิดทางตั้ง"ส.ส.ร."
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่าน นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ
โดย นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนขอคัดค้านร่างบรรจุแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้ง 4 ฉบับของฝ่ายค้าน เพราะเห็นมีปัญหาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในร่างดังกล่าวมีลายมือชื่อ ส.ส.ซ้ำซ้อนกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 เพื่อเปิดทางตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประธานรัฐสภาได้สั่งให้บรรจุในระเบียบวาระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 4 ฉบับ มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญเป็นไปตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ฉบับลงวันที่ 29 มกราคม 2563 เรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอความเห็นของ ส.ส.จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแก่รัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ในคำสั่งหน้าที่ 4 ว่า เมื่อตรวจสอบคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่าประเด็นที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นประเด็นเดียวกันกับเรื่องพิจารณาที่ 3/2563 ซึ่งมีรายชื่อ ส.ส.ผู้เสนอ ความเห็นซ้ำกับเรื่องดังกล่าว จำนวน 30 คน จึงทำให้จำนวน ส.ส.ที่เข้าชื่อเสนอความเห็นตามคำร้องนี้มีจำนวนไม่ถึง 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือ 75 คน กรณีนี้จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง" นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า จากข้างต้นย่อมหมายความว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการลงรายมือชื่อของ ส.ส.จะลงรายชื่อได้ครั้งเดียวเท่านั้น จะมีลายมือชื่อซ้ำในทำนองเดียวกันไม่ได้ ดังนั้น ตนจึงขอคัดค้านการบรรจุร่างแก้ไข 4 ฉบับ ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเข้าสู่วาระการประชุม ด้วยเหตุมาตรา 256 (1) เพราะมีการลงชื่อซ้ำกันในเรื่องเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยไว้ในคำสั่งที่ 5/2563 โดยส่วนตัวเห็นว่า ถ้ามีการบรรจุ 4 ฉบับ เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาทั้งที่ไม่มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ก็จะเกิดปัญหาตามกฎหมายในภายหลัง ดังนั้น ตนจึงมีหนังสือกราบเรียนท่านประธานรัฐสภาได้โปรดพิจารณายับยั้งการบรรจุทั้ง 4 ฉบับไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบกฎหมายให้ยุติ โดยดำเนินการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยเหตุมีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภาในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาตามมาตรา 256 (1)
ด้าน นายสมบูรณ์ กล่าวว่า จะนำหนังสือดังกล่าวเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ ร่างแก้ไขขณะนี้ สภาฯ เสนอมาทั้งหมด 7 ร่าง ทั้งของฝ่ายค้าน ที่นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฉบับของพรรคร่วมรัฐบาล และมีอีก 5 ร่าง อยู่ระหว่างการตรวจสอบของประธาน โดยนายชวน จะตรวจสอบแก้ไขเพิ่มเติมว่าต้องด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ห้ามเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือรูปแบบของรัฐ อีกทั้งต้องตรวจสอบจำนวน ส.ส.ตามมาตรา 255 อนุหนึ่ง ต้องมาจาก ครม.หรือ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เท่าที่มีอยู่ของ ส.ส.โดยจำนวน ส.ส.ปัจจุบันมี 488 คน หรืออย่างน้อย 98 คน รวมทั้งตรวจสอบรูปแบบว่ามีหลักการเหตุผลของร่างหรือไม่ด้วย
เมื่อถามว่า ส.ส.ลงลายมือชื่อซ้ำกันได้หรือไม่ นายสมบูรณ์ ชี้แจงว่า ต้องพิจารณาว่าตรงตามมาตรา 256 หรือไม่ และเบื้องต้นสมาชิกลงรายมือชื่อซ้ำกันคงไม่เป็นไร เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้จำกัดสิทธิ์ไว้
เมื่อถามว่า การยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ เป็นการแก้ไขคนละมาตรา ดูแล้วเนื้อหาน่าจะเป็นคนละแบบ ทำให้สามารถลงชื่อซ้ำซ้อนกันได้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ก็ถือเป็นการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกัน ทุกญัตติคือการยื่นรายมาตรา อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวทราบว่าฝ่ายค้านสงสัยเช่นกัน จึงได้ทำหนังสือไปสอบถามสำนักเลขาธิการสภาฯ ว่าสามารถลงชื่อหลายญัตติได้หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี